……… น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติเสียมเรียบ (เสียมราฐ-อังกอร์) ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง รับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับคณะที่จุดนัดหมาย (เวลาท้องถิ่นที่กัมพูชา เท่ากับประเทศไทย)
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 1)
บ่าย นำท่านชม ปราสาทตาพรหม ปราสาทตาพรหมจัดได้ว่าเป็นวัดในพุทธศาสนา และเป็นวิหารหลวงในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทางเข้าประกอบด้วยโคปุระชั้นนอกและชั้นใน บริเวณผนังที่อยู่เชื่อมระหว่างโคปุระชั้นนอกและชั้นใน มีการสลักภาพตามคติธรรมของพุทธศาสนานิกายมหายาน ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1729 เพื่ออุทิศให้แก่พระราชมารดาของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 คือพระนางชัยราชจุฑามณีผู้เปรียบประดุจกับพระนางปรัชญา ปรมิตา ซึ่งหมายถึงเมื่อพระองค์เป็นอวตารของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระราชมารดาของพระองค์จึงเปรียบดังพระนางปรมิตาเช่นกัน
นำท่านชม ปราสาทพระขรรค์ สร้างขึ้นใน พ.ศ. 1734 เป็นปราสาทหินในยุคท้ายๆ ของอาณาจักรเขมร เป็นพุทธสถานสมัยบายน พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงสร้างอุทิศถวายแด่พระเจ้าธรณินทรวรมันที่ 2 ซึ่งเป็นพระราชบิดา ปรากฏเจดีย์ทรงระฆังคว่ำขนาดเล็กจำหลักด้วยศิลาทรายตั้งอยู่ภายในปราสาทองค์หนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่เก็บอัฐิของพระราชบิดาของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปราสาทพระขรรค์เป็นศาสนสถานที่ล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลง ตัวอาคารมีลักษณะเด่นที่การก่อสร้างด้วยศิลา 2 ชั้น โดยใช้เสาหินทรายกลมขนาดใหญ่รับน้ำหนักโครงสร้างและคาน ที่บานประตูแต่ละปราสาท มีรูปสลักอสูรเป็นคู่ๆ ยืนถือกระบองเสมือนคอยพิทักษ์ดูแลศาสนสถานแห่งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ภาพพระพุทธรูปมักถูกทำลายหรือแก้ไข คงเหลือแต่ภาพจำหลักนูนต่ำของฤๅษี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาพฤๅษีกำลังนั่งบำเพ็ญพรตในท่า “โยคาสนะ” (นั่งชันเข่าและไขว้เท้า) สลักอยู่ตามผนังหรือเสาภายใต้ซุ้มเรือนแก้ว นอกจากนี้จารึกที่ปราสาทพระขรรค์ยังกล่าวถึงการสร้าง “ธรรมศาลา” (ที่พักคนเดินทาง) และ “อโรคยศาล” (โรงพยาบาล) ตามเส้นทางจากนครธมไปยังเมืองต่างๆ รอบราชอาณาจักร และจารึกยังกล่าวถึงการสร้างรูปเคารพ เพื่อประดิษฐานยังหัวเมืองต่างๆ ซึ่งแสดงถึงความใส่ใจในทุกข์สุขของราษฎรและความศรัทธาในศาสนาของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
นำท่านชม นครธม นครธมมีความหมายว่า เมืองใหญ่ (ธม แปลว่า ใหญ่) นครธม เป็นเมืองหลวงแห่งสุดท้าย และเมืองที่เข้มแข็งที่สุดของอาณาจักรขะแมร์ สถาปนาขึ้นในปลายคริสต์ศวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มีอาณาเขต ครอบคลุมพื้นที่ 9 ตารางกิโลเมตร อยู่ทางทิศเหนือของนครวัด ภายในเมืองมีสิ่งก่อสร้างมากมายนับแต่สมัยแรกๆ และที่สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และรัชทายาท ใจกลางพระนครเป็นปราสาทหลักของพระเจ้าชัยวรมัน เรียกว่า ปราสาทบายน และมีพื้นที่สำคัญอื่นๆ รายล้อมพื้นที่ชัยภูมิถัดไปทางเหนือ จุดเด่นที่สุดคือทางเข้าด้านใต้ ที่มีลักษณะเป็นหน้า 4 หน้า ก่อนจะเข้าสู่บริเวณนี้จะเป็นแถวของยักษ์ (อสูร) ทางด้านขวา และเทวดาทางด้านซ้ายเรียงรายแบกพญานาคอยู่สองข้างสะพาน เมื่อเข้าสู่ใจกลางนครธมจะพบสิ่งก่อสร้างต่างๆ บริเวณประตูด้านใต้นี้ได้รับการอนุรักษ์ฟื้นฟูไว้ได้ดีกว่าบริเวณอื่นๆ อีก 3 ด้าน
นำท่านชม ปราสาทบายน ปราสาทบายนอยู่ในบริเวณใจกลางของนครธม สร้างในปีพุทธศตวรรษที่ 18 รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นศิลปะแบบบายน ศาสนาพุทธ นิกายมหายาน ปราสาทบายนเป็นปราสาทหลวงประจำรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปราสาทบายนถูกสร้างโดยการนำหินมาวางซ้อนๆ กันขึ้นเป็นรูปร่าง แม้จะเป็นปราสาทไม่ใหญ่โตเท่านครวัด แต่มีความแปลก และดูลี้ลับทั้งปราสาทมีแต่ใบหน้าคน หากขึ้นไปยืนอยู่ภายในปราสาทนี้ไม่ว่ามุมไหนก็หาได้รอดหลุดพ้นจากสายตาเหล่านี้ได้เลย คนส่วนมากเชื่อกันว่ายิ้มบายนคือการจำลองใบหน้าของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มาไว้บนยอดปรางค์ทั้ง 4 ทิศ โดยสายตาที่มองลงต่ำนั้นเป็นการมองราษฎร ส่วนจำนวนปรางค์ 54 ยอดที่มีแต่ดั้งเดิมนั้นแทนจำนวนจังหวัด 54 จังหวัดที่พระเจ้าชัยวร มันที่ 7 ปกครองในยุคนั้น
นำท่านเดินทางไปชมพระอาทิตย์ตกที่ เขาพนมบาเค็ง ซึ่งท่านสามารถมองเห็นวิวของบารายตะวันตกขนาดใหญ่ และปราสาทนครวัดได้อย่างชัดเจน
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 2)
นำท่านพักที่ Angkor Holiday Hotel หรือ Smiling Hotel & Spa หรือเทียบเท่า ระดับ 4 ดาว
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 3)
นำท่านชม ปราสาทบันทายศรี (BANTEAY SREI) เป็นปราสาทหินที่ถือได้ว่างดงามที่สุดใน ประเทศกัมพูชา มีความกลมกลืนอย่างสมบูรณ์ และเป็นปราสาทแห่งเดียวที่สร้างเสร็จแล้วกว่า 1,000 ปี แต่ลวดลายก็ยังมีความคมชัด เหมือนกับสร้างเสร็จใหม่ๆ ปราสาทบันทายศรีหรือเรียกตามสำเนียงเขมรว่า บันเตียไสร หมายถึง ปราสาทสตรี หรือป้อมสตรีอยู่ห่างจากตัวเมืองเสียมเรียบไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 30 กิโลเมตร ใกล้กับแม่น้ำเสียมเรียบในบริเวณที่เรียกว่า อิศวรปุระ หรือเมืองของพระอิศวรนั่นเอง
นำท่านชม ปราสาทบันทายกฏี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของปราสาทตาพรหม และทางทิศตะวันออกของนครธม สร้างขึ้นในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 12 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 13 ในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (ผู้มีตำแหน่งหลังสวรรคตว่า “มหาบรมสุข”) มีรูปแบบสถาปัตยกรรมบายน ซึ่งคล้ายกับแบบของปราสาทตาพรหม และปราสาทพระขรรค์
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 4)
บ่าย นำท่านชม ปราสาทแปรรูป จัดเป็นปราสาทหลวงในรัชสมัยของพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองพระนคร พระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ทรงเลือกบริเวณทิศใต้ของบารายตะวันออกเพื่อตั้งเป็นเมืองหลวง และปราสาทแปรรูปแห่งนี้ อุทิศถวายให้แก่พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม
นำท่านชม นครวัด หรือปราสาทนครวัด เป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ถูกบันทึกให้เป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ “เมืองพระนคร” ตัวเทวสถานถือเป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมเขมรในสมัยที่ยังรุ่งเรือง ในอาณาบริเวณปราสาทอันกว้างใหญ่ ได้ถูกก่อสร้างด้วย หินทรายขนาดมหึมา นำมาเรียงรายต่อกันและสลักลวดลายอย่างงดงาม กว่าจะได้ หินมาแต่ละก้อนต้องชักลากมาจากเขาพนมกุเลน ชึ่งอยู่ห่างออกไปถึง 50 กิโลเมตร ต้องใช้แรงงานคนและสัตว์มานับไม่ถ้วน ใช้ช่างแกะสลัก 5,000 คน ใช้เวลาสร้างร่วม 100 ปี การจะนำหินขนาดใหญ่แต่ละก้อนมาสร้างเป็นปราสาทที่งดงามได้ขนาดนี้ จะต้องมีการวางผังแบบแปลนในการก่อสร้างมาเป็นอย่างดี ซึ่งถือได้ว่าเป็นฝีมือของวิศวกรชั้นเอกในสมัยนั้นกันเลยทีเดียว ตัวปราสาทสูง 60 เมตร ตั้งอยู่บนฐานสูงตามคติของศูนย์กลางจักรวาลล้อมรอบด้วยปราสาท 5 หลัง มีคูน้ำล้อมรอบตามแบบอย่างของมหาสมุทรที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ กำแพงด้านนอกล้วนแต่เป็นงาน แกะสลักเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 และเรื่องราวจากวรรณคดีเรื่องรามายณะ รูปแกะสลักที่มีชื่อที่สุดก็คือรูปที่เทวดากับอสูรกวน เกษียรสมุทรด้วยเขาพระสุเมรุ และยังมีรูปแกะสลักนางอัปสรอีกถึง 1,635 นาง ที่ทั้งหมดแต่งกาย และทรงผมไม่ซ้ำกันเลย ลองหาดูกันให้ดีๆ จะมีนางอัปสรที่ยิ้มเห็นฟันเพียงองค์เดียวเท่านั้น ปราสาทนครวัดได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญเพียงแห่งเดียวที่ยังเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบัน และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศกัมพูชา
นำท่านสู่ ตลาดซาจ๊ะ แหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุด เป็นตลาดเก่าแก่ที่มีอาคารร้านค้าที่สร้างในยุคที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครอง รูปทรงทางสถาปัตย์ส่วนมากจึงออกไปแนวยุโรปในตลาดซาจ๊ะ จะขายที่ระลึกที่เป็นสินค้าพื้นเมืองของเขมร ด้านหน้าตลาดจะเป็นผลิตภัณฑ์ของแห้งจากโตนเลสาบ ได้แก่ปลากรอบ หรือปลาย่าง ปลาช่อนแดดเดียว กุนเชียง และปลาที่อยู่ในโถ เช่น ปลาร้า ปลาหมักชนิดต่างแบบเขมร ลึกเข้าไปในตลาดจะเป็นตลาดสดขายพวกพืชผัก และผลไม้ต่างๆ บางอย่างก็นำเข้าจากไทย ส่วนอีกซีกหนึ่งจะเป็นตลาดปลาสดๆ ที่มาจากทะเลสาบโตนเล มีปลาหลากหลายชนิดมาก เด่นๆ ก็มีปลาเนื้ออ่อน ปลาดุก ปลากด ปลาเทโพ ปลาสวาย ช่วงเย็นๆ บริเวณหน้าตลาดจะคึกคักไปด้วยคนท้องถิ่น
นำท่านชม ศาลองค์เจกองค์จอม เป็นที่รู้จักในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 มีธิดาอยู่ 2 พระองค์ ดำรงตำแหน่งแม่ทัพ มีความสามารถในเรื่องของการรบเป็นอย่างมากเป็นที่เกรงขาม ของข้าศึกศัตรู เป็นผู้ที่มีจิตใจงดงามเป็นอย่างมากในยามว่างเว้นจากศึกสงคราม หากมีนักโทษคนไหนที่ไม่ได้ทำความผิดที่ร้ายแรงมาก พระองค์ก็จะขออภัยโทษให้จึงเป็นที่เคารพรัก นับถือของคนในเมืองเสียมเรียบเป็นอย่างมาก 400 ปีต่อมา กัมพูชาเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ และได้มีการศึกษาประวัติของเจ้าเจกและเจ้าจอม และเห็นว่าเป็นบุคคลตัวอย่างที่ประพฤติตนดีมาก จึงได้มีการสร้างรูปเคารพ เป็นองค์ใหญ่แทนเจ้าเจก องค์เล็กแทนเจ้าจอม สมัยก่อนเจ้าเจกเจ้าจอมไม่ได้ประดิษฐานอยู่บริเวณนี้ อยู่ในนครวัด คนโบราณเลยย้ายมาอยู่ที่นี่ เพื่อความสะดวกในการเคารพบูชา
สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติเสียมเรียบ
……… น. เดินทางถึง ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
อัตราค่าบริการดังกล่าวรวม
อัตราค่าบริการดังกล่าวไม่รวม
เงื่อนไขการทำการจอง และ ชำระเงิน
การยกเลิกการเดินทาง