04.00 น. | บริษัทฯ ขอเชิญท่านที่จุดนัดพบ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูทางเข้าเลขที่ 7 เคาน์เตอร์ Q สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ (QATAR AIRWAYS) ขอให้ท่านสังเกตป้าย “ALLIANCE CONSORTIUM ” เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ รอคอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกแด่ท่านก่อนขึ้นเครื่อง… |
07.55 น.
|
เหินฟ้าสู่เมืองซาเกร็บ ประเทศโครเอเชีย โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR831 (ใช้เวลาบินโดยรวม 7 ชั่วโมง 15 นาที) |
11.20 น. | ถึงกรุงโดฮา ประเทศการ์ต้า เพื่อแวะเปลี่ยนเที่ยวบิน ให้ท่านได้ยืดเส้นยืดสาย และเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้ง DUTY FREE ใน Hamad ที่หรูหราและอลังการ มีสารพัดสิ่งให้ท่านได้เลือกซื้อ พร้อมบริการ Free WiFi ทุกซอกทุกมุมของสนามบินแห่งนี้ หมายเหตุ : เนื่องจากเราเดินทางมาเป็นหมู่คณะ ดังนั้นเมื่อเครื่องลงจอดแล้ว…..รบกวนผู้เดินทางทุกท่านโปรดรอหัวหน้าทัวร์อยู่บนเครื่องก่อน เพื่อที่หัวหน้าทัวร์จะได้นำท่านลงจากเครื่องพร้อมๆกัน ไปขึ้นรถต่อไปยังอาคารสำหรับผู้โดยสารต่อเครื่อง เพื่อเป็นการป้องกันการสับสนและพลัดหลงกัน |
15.30 น. | ออกเดินทางต่อสู่ เมืองซาเกร็บ ประเทศโครเอเชีย โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR217 (ใช้เวลาบินโดยรวม 5 ชั่วโมง 55 นาที) |
19.20 น. | เมื่อเครื่องบินสัมผัสขอบฟ้า นำท่านเข้าสู่น่านฟ้าของประเทศโครเอเชีย คณะเดินทางถึง สนามบิน PLESO INTERNATIONAL AIRPORT นำท่านผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง พร้อมรับกระเป๋าสัมภาระ ผ่านกรมศุลกากรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางหัวหน้าทัวร์และมัคคุเทศน์ท้องถิ่นจะนำคณะท่านฯ ขึ้นรถปรับอากาศเข้าสู่ เมืองซาเกร็บ (Zagreb) (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าเวลาของประเทศไทย 6 ชั่วโมง) เมืองหลวงของประเทศโครเอเชีย มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปี มีแม่น้ำสายหลักชื่อ ซาวา (Sava River) ไหลผ่านด้านหนึ่งของเมือง นอกจากนี้ประเทศโครเอเชียยังเป็นประเทศต้นกำเนิดของ “เนคไท” อาภรณ์อันงามสง่าและเป็นสากลของสุภาพบุรุษอีกด้วย.. แล้วพาคณะเข้าสู่โรงแรมที่พักเพื่อพักผ่อน…. |
ค่ำ | พักค้างคืน ณ CANOPY HILTON HOTEL,ZAGREB หรือเทียบเท่า 4 ดาว (คืนที่ 1) |
เช้า | อรุณสวัสดิ์…..รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของทางโรงแรม |
นำคณะมุ่งหน้าสู่ เมืองโทรเกียร์ (Trogir) ถือว่าเป็นอีกเมืองประวัติศาสตร์ของโครเอเชีย เป็นเมืองโบราณบนเกาะเล็กๆ ซึ่งในอดีตเคยถูกปกครองโดยพวกกรีกและโรมัน แต่ปัจจุบันมีการอนุรักษ์เป็นเมืองเก่า และได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1997 ระหว่างทางผ่านชมเมืองที่มีสภาพเป็นเกาะอยู่โดดเดี่ยว คือเมืองพรีโมสเตน ……. | |
พาท่าน ชมเขตเมืองเก่า สัมผัสอาคารบ้านเรือนที่ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมกรีกและโรมันโบราณ อาทิ ประตูเมือง Kopnena Vrata ที่ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่ในสมัยศตวรรษที่ 16, หอนาฬิกา ที่สร้างขึ้นในสมัยที่ 14 แวะถ่ายรูปคู่กับมหาวิหารเซ็นต์ลอเรนซ์ (St. Lawrence Cathedral) ที่สร้างขึ้นในสมัยที่ 12 จุดเด่นของมหาวิหาร คือประตูทางเข้าที่แกะสลักเป็นเรื่องราวต่างๆ อย่างวิจิตรตระการตา มีรูปปั้นสิงโต อดัม & อีฟและรูปสลักนักบุญเซ็นต์ลอเรนซ์ ผู้สร้างมหาวิหารแห่งนี้ มีเวลาให้ท่านเดินเล่นในเมืองเก่า เลือกซื้อสินค้าท้องถิ่น ของที่ระลึกมากมาย จนได้เวลาอันสมควร….แล้วออกเดินทางต่อสู่ เมืองสปลิท (Split) โดยใช้เส้นทางลัดเลาะเลียบไปตามชายฝั่งทะเลอาเดรียติคที่มีบ้านเรือนหลังคากระเบื้องสีส้มสลับตามแนวชายฝั่งเป็นระยะๆ สปลิทเป็นเมืองใหญ่อันดับสองรองลงมาจากซาเกร็บ เป็นศูนย์กลางการพาณิชย์ การคมนาคม แหล่งอารยธรรมของแคว้นดัลเมเชีย และเป็นเมืองชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนที่ใหญ่ที่สุดในโครเอเชีย อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดด้วย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งแรกๆของโลก และเป็นต้นกำเนิดของสุนัขพันธ์ดัลเมเชียนอีกด้วย |
|
เที่ยง | ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | พาท่านเดินชมรอบๆ พระราชวังไดโอคลีเชียน (Diocletian Palace) สร้างขึ้นจากพระประสงค์ของจักรพรรดิ์ดิโอคลีเชี่ยน เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 4 ที่ต้องการสร้างพระราชวังสาหรับบั้นปลายชีวิตของพระองค์ ซึ่งใช้เวลาในการก่อสร้างถึง 10 ปี UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก ในปี ค.ศ. 1979 ภายในประกอบด้วย วิหารจูปีเตอร์ (Catacombes) สุสานใต้ดินที่มีชื่อเสียงและวิหารต่างๆ ห้องโถงกลางซึ่งมีทางเดินเชื่อมต่อสู่ห้องอื่นๆ ลาน Peristyle ซึ่งล้อมด้วยเสาหินแกรนิต 3 ด้าน และเชื่อมด้วยโค้งเสาที่ตกแต่งด้วยช่อดอกไม้สลักอย่างวิจิตรงดงาม ยอดระฆังแห่งวิหาร (The Cathedral Belfry) แท่นบูชาของเซนต์โดมินัส และเซนต์สตาดิอุส ซึ่งอยู่ภายในวิหาร นอกจากนี้ยังมี มหาวิหารเทพเจ้าจูปิเตอร์, โบสถ์แห่งเทพวีนัส, วิหารดอมนิอุส (Cathedral of St.Domnius) ที่จัดเรียงรายรวมกันอย่างลงตัว ชมจัตุรัสประชาชน ชมรูปปั้นของ GREGORY OF NIN ผู้นำศาสนาคนสำคัญของโครเอเชีย ในยุคศตวรรษที่ 10 |
เย็น | ร่วมรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ค่ำ | พักค้างคืน ณ ART HOTEL,SPLIT หรือเทียบเท่า 4 ดาว (คืนที่ 2) |
เช้า | อรุณสวัสดิ์….รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของทางโรงแรม |
นำท่านไปยัง อ่าวมาลีสตอน (Mali Ston) ก่อนเดินทางถึงเมืองมาลีสตอน ท่านจะได้ข้ามพรมแดนเข้าสู่ประเทศบอสเนีย (เพื่อแวะถ่ายรูป) บริเวณเมืองที่มีชื่อว่า เมืองนีอุม (Neum) ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของโครเอเชีย หากมีเวลาพอ…จะให้ท่านแวะซื้อของฝากติดไม้ติดมือ แล้วเดินทางข้ามพรมแดนอีกครั้งหนึ่งเพื่อกลับเข้าสู่ประเทศโครเอเชีย จากนั้นปรับเปลี่ยนอิริยาบถ โดยการล่องเรือ 45 นาที เยี่ยมชมฟาร์มเลี้ยงหอย ชมขั้นตอนต่างๆของการเลี้ยง ไฮไลท์ : ลิ้มรสหอยนางรมสดๆ จากทะเลอาเดรียติก พร้อมด้วยเครื่องเคียง และชิมไวน์ท้องถิ่นเติมเต็มรสชาติท่ามกลางบรรยากาศอันสวยงามของอ่าว *** หมายเหตุ – ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ณ วันที่เดินทาง *** | |
ได้เวลาอันสมควร….คณะออกเดินทางต่อสู่ เมืองดูบรอฟนิค (Dubrovnik) เมืองมรดกโลกทางตอนใต้ของสาธารณรัฐโครเอเชีย ตลอดสองข้างทางตื่นตาตื่นใจกับอาคารบ้านเรือนที่มีหลังคาสีแสดแดงที่ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่ง เมืองแห่งนี้นับเป็นหนึ่งในเมืองเก่าที่สวยที่สุดในยุโรป ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติค” ด้วยความที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเองโดยเฉพาะเรื่องของการวาง ผังเมืองที่สวยงาม | |
เที่ยง | ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร เมนูพิเศษ! กุ้งล็อบสเตอร์เสริฟคู่พาสต้า |
บ่าย | พาท่านเดินเที่ยว ชมบริเวณรอบนอกของตัวเมืองเก่า (Old Town) ที่มากมายด้วยสิ่งก่อสร้างโบราณ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้….โดยเริ่มต้นจาก ประตูหลัก (Pile Gate) นำไปสู่ Stradum พื้นทางเดินเป็นหินอันเป็นถนนสายหลักจาก น้ำพุโบราณทรงกลม (Onfrio Fountain) ไปจนสุดมุมถนนล้วนเรียงรายไปด้วยสถานที่สำคัญ เช่น Franciscan Monastery วิหารในสถาปัตยกรรมโกธิก ภายในมีร้านขายยาที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรป ดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1391 จากนั้นให้ท่านได้ถ่ายรูปที่ระลึกบริเวณจัตุรัสกลางเมืองซึ่งเป็นสถานที่นัดพบและประกอบกิจกรรมของชาวเมืองในอดีต รวมถึงสถานที่ลงโทษของผู้ที่กระทำความผิดด้วย |
อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปที่ระลึกกับ เสาหินอัศวิน (Orlando Column) และหอนาฬิกา (Bell Tower) ที่ตั้งอยู่ปลายสุดของถนนสายหลัก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1444 หน้าปัดทำด้วยเหล็ก มีความพิเศษตรงลูกกลมๆ ใต้หน้าปัด ซึ่งแทนพระจันทร์บอกข้างขึ้นข้างแรมในสมัยก่อน และรูปปั้นของนักบุญ St. Blaise ซึ่งมีโบสถ์ประจำเมืองสไตล์โรมาเนสก์แห่งแรกของเมืองเป็นฉากหลังและ โบสถ์ The Cathedral Treasury สถานที่เก็บอัฐิของนักบุญ St.Blaise ภาพเขียนและชิ้นงานศิลปะรวมถึงวัตถุล้ำค่าจำนวนมากและยังมีส่วนผลิตเหรียญกษาปณ์และทองของชั่งที่มีชื่อเสียงของดูบรอฟนิก อิสระท่านในการเดินช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมืองและของฝากตามอัธยาศัย… |
|
เย็น | ร่วมรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ค่ำ | ã พักค้างคืน ณ HOTEL ADRIA ,DUBROVNIK หรือเทียบเท่า 4 ดาว (คืนที่ 3) |
เช้า | อรุณสวัสดิ์…..รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของทางโรงแรม |
นำคณะเดินทางสู่ ซีบินิค (Sibenik) เมืองเก่าริมฝั่งทะเลอาเดรียติคซึ่งทะเลอาเดรียติกก็คือ ทะเลย่อยของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนั้นเอง โดยเมืองชีบินิคจะมีอาคารบ้านเรือนที่มีหลังคาทำด้วยกระเบื้องสีแสด สไตล์เรอเนสซองส์ที่ได้รับอิทธิพลจากทางอิตาลี ชมสภาว่าการเมืองเก่า THE OLD LOGGIA ที่สร้างขึ้นราว ค.ศ. 15 / ต่อด้วยชม มหาวิหารเซนต์เจมส์ (St. James) หรือ เซนต์จาคอบ (St. Jakob ) มรดกโลกที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมอิตาเลี่ยน – ดัลเมเชี่ยนได้อย่างลงตัว งดงามด้วยยอดโดมและหลังคาที่ประดับด้วยแผ่นหิน และไม่มีการใช้วัสดุมาเชื่อมต่อจนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ |
|
เที่ยง | ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นออกเดินทางต่อสู่ เมืองโวดิเซ่ (Vodice) เมืองเล็กๆริมชายฝั่งทะเลอาเดรียติกทางตอนกลางของแคว้นดัลเมเชียน และเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของทะเลอาเดรียติกตอนกลาง…อิสระให้ท่านเดินชมวิวท้องทะเลสีน้ำเงินคราม…. |
เย็น | ร่วมรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ค่ำ | พักค้างคืน ณ VODICE HOTEL,VODICE หรือเทียบเท่า 4 ดาว (คืนที่ 4) |
เช้า | อรุณสวัสดิ์…..รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของทางโรงแรม |
นำคณะมุ่งหน้าสู่ อุทยานแห่งชาติพลิทวิตเซ่ (Plitvice Lake National Park) หนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่งดงามแห่งหนึ่งของยุโรป และยังได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากองค์การยูเนสโก้ (UNESCO) ในปี ค.ศ. 1979 ทะเลสาบพลิทไวซ์ตั้งอยู่ในดินแดนทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป ในส่วนของประเทศโครเอเชีย(Croatia) แม่น้ำโครานา(Korana) ทำให้เกิดทะเลสาบ 16 แห่งไหลผ่านหินปูนและหินชอล์กเชื่อมต่อกับ Cascades น้ำตกเล็กๆที่ไหลไล่ระดับลงมาเป็นชั้นๆเล็กๆ และ waterfalls น้ำตกขนาดใหญ่ที่สูงชัน Plitvice Falls (น้ำตกพลิทไวซ์) ชวนมหัศจรรย์กับอุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทไวซ์หนึ่งในป่าไม้ที่มีอายุมากรุ่นสุดท้ายในยุโรป ภูมิประเทศเป็นที่มหัศจรรย์บ่งบอกถึงสภาพความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้มีความหลากหลายทางชีวภาพที่อุดมไปด้วยพืชและสัตว์ ทะเลสาบถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ชั้นบนและชั้นล่าง การเปลี่ยนของสภาพอากาศตามฤดูกาลระหว่างชายฝั่งและเขตภาคพื้นทวีป |
|
เที่ยง | ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่นในวนอุทยาน เมนูพิเศษ! ปลา เทราต์ย่างเสริฟทั้งตัว ทานพร้อมผักเครื่องเคียง |
บ่าย | พาท่านไปยังท่าเรือ เพื่อ ล่องเรือข้าม KOZJAK LAKE ที่เชื่อมระหว่างทะเลสาบล่างขึ้นสู่ชั้นบนของอุทยาน (LOWER & UPPER LAKE) ท่านจะได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติอันงดงามและอลังการของ LOWER LAKE ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่และงดงามท่ามกลางหุบเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่าน อีกทั้งยังเชื่อมต่อด้วยน้ำตกต่างๆมากมาย จากนั้นพาเดินชมทะเลสาบต่างๆ ตามทางเดินสะพานไม้ที่เชื่อมแต่ละทะเลสาบเข้าด้วยกันทั้ง 16 แห่ง นอกจากนั้นบริเวณรายล้อมยังเต็มไปด้วยถ้ำน้อยใหญ่กว่า 20 ถ้ำ และชม Big Waterfalls ซึ่งเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งนี้ *** หมายเหตุ – ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ณ วันที่เดินทาง *** |
เย็น | ร่วมรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ค่ำ | พักค้างคืน ณ HOTEL JEZERO,PLITVICE หรือเทียบเท่า 4 ดาว (คืนที่ 5) |
เช้า | อรุณสวัสดิ์…..รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของทางโรงแรม |
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองพูล่า (PULA) พูล่า หรือ โพล่า ในภาษาอิตาเลี่ยน เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่มีความโดดเด่นในฐานะศูนย์กลางของคาบสมุทรอิตาเลียน และเคยเป็นเมืองเป็นศูนย์กลางของแหลมอิสเตรีย และเคยเป็นดินแดนของประเทศอิตาลีมาก่อน ทำให้มีผู้คนใช้ภาษาอิตาเลี่ยนกันอย่างแพร่หลาย แม้กระทั่งตามป้ายจราจรยังคงมีภาษาอิตาเลี่ยนเขียนกำกับไว้ | |
เที่ยง | ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | พาคณะเข้าชมสิ่งก่อสร้างในสมัยโรมันที่ยิ่งใหญ่ที่ยังคงเหลือเป็นอนุสรณ์และสำคัญที่สุด คือ สนามพูล่า อารีน่า (PULA ARENA) หรือ AMPHITHEATER สนามกีฬากลางแจ้ง ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับโคลอสเซียมที่กรุงโรม นับเป็นอารีน่าที่ใหญ่เป็นอันดับหก ที่สร้างขึ้นในยุคโรมันเรืองอำนาจ จึงถูกสร้างขึ้นตามแบบฉบับสถาปัตยกรรมโรมันอย่างเดียวกับโคลอสเซียมของกรุงโรม สามารถจุผู้คนได้ถึง 22,000 คนโดยผ่านทางเข้าออก 20 ช่องทาง อารีน่าที่เห็นในปัจจุบันได้รับการอนุรักษ์ให้คงสภาพตามช่วงศตวรรษที่ 15 ที่มีการนำหินไปสร้างปราสาทและเมือง ในปัจจุบันมักใช้เป็นสถานที่จัดงานโอเปร่า และดนตรีอื่นๆ รวมทั้งเป็นสถานที่จัดงานภาพยนตร์ประจำปีอีกด้วย ได้เวลาอันสมควร….นำคณะเดินทางต่อสู่ เมืองลอฟราน (Lovran) เพื่อเข้าสู่ที่พัก |
เย็น | ร่วมรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ค่ำ | พักค้างคืน ณ HOTEL PARK,LOVRAN หรือเทียบเท่า 4 ดาว (คืนที่ 6) |
เช้า | อรุณสวัสดิ์…..รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของทางโรงแรม |
นำท่านมุ่งหน้าสู่ ภาคตะวันตกของประเทศโครเอเชีย ซึ่งมีชื่อเรียกภูมิภาคนี้ว่าแคว้น “อิสเตรีย (Istria)” เยี่ยมชม เมืองโอพาเทีย (Opatija) เป็นเมืองที่มีสมญานามว่า “ไข่มุกแห่งทะเลอาเดรียติก” ชื่อเดิมของเมืองนี้ในภาษาอิตาลี คือ “Abbazia” ด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ประกอบกับอยู่ริมทะเลอะเดรียติก ที่มีวิลล่หรูหราสไตล์ออสเตรีย จึงทำให้โอพาเทียเป็นเมืองท่องเที่ยวและพักผ่อนที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโครเอเชีย แวะถ่ายรูปคู่กับ นางแห่งนกนางนวล (Maiden with the Seagull) ซึ่งเป็นรูปปั้นแกะสลักโดย ZVONKO CAR นักประติมากรที่มีชื่อเสียง รูปหญิงสาวงดงามที่มีนกนางนวลเกาะอยู่ที่มือยืนเด่นถือเป็นสัญลักษณ์ของเมือง อิสระให้ท่านได้ชื่นชมบรรยากาศเมืองตากอากาศเล็กๆน่ารัก และเลือกซื้อของที่ระลึกตามร้านค้าต่างๆ จนได้เวลาอันสมควร… นำคณะท่านเดินทางสู่ เมืองซาเกร็บ แล้วพาเดินชมเมือง
ผ่านชมจัตุรัส BAN JELACIC ที่มีรูปปั้นของนายพลบาน โจซิฟ เจลาซิค (Ban Josip Jelacic) วีระบุรุษของประเทศ โดยนำทหารชาวโครแอตต่อต้านฮังการีในสมัยต้นศตวรรษที่ 19 และชมย่านเมืองเก่าของกรุงซาเกร็บ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 เขต คือ เมืองตอนบน (Upper Town) และ เมืองตอนล่าง ( Lower Town) ที่เชื่อมต่อกันด้วยรถราง FUNICULAR ที่มีความยาวสั้นที่สุดในยุโรป นำคณะนั่งรถรางโดยชมเมืองจะเริ่มจากเมืองเก่าที่เป็น Upper Town ซึ่งมีแหล่งโบราณสถานและเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย ซึ่งนักท่องเที่ยวจะสามารถเดินลัดเลาะตรอกซอกซอยเล็กๆ ไปเรื่อยๆ จนไปถึงบริเวณ Lower Town ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นย่านธุรกิจที่มีความคึกคักมากกว่าบริเวณ Upper Town ผ่านชม อาคารรัฐสภา (Sabor) ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1918 ในโอกาสที่โครเอเชียแยกตัวออกจากอาณาจักรออสโตร-ฮังกาเรียน (AUSTRO-HUNGARIAN EMPIRE) โดยมีการประกาศแยกตัวออกอย่างเป็นทางการ บริเวณระเบียงชั้นบนของอาคาร หลังจากนั้นมีการตัดสินใจแยกตัวออกจากระบบสังคมนิยมยูโกสลาเวียขึ้น ณ ที่แห่งนี้ในปี ค.ศ. 1991 และประกาศตัวเป็นประเทศอิสระไม่ขึ้นกับประเทศใด จากนั้นบันทึกภาพทำเนียบประธานาธิบดี (Presidential Palace หรือ BANSKI DVORI) ที่พำนักของประธานาธิบดีโครเอเชีย ต่อด้วยชมจัตุรัส โบสถ์เซนต์มาร์ค (St. Mark’s Square) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ โบสถ์เซนต์มาร์ค (St. Mark’s Church) เป็นหัวใจของส่วน Upper Town สร้างขึ้นราวคริสต์ศตวรรษที่ 13 กระเบื้องมุงหลังคาโบสถ์โดดเด่นมองเห็นได้แต่ไกล เป็นตราสัญลักษณ์ของราชอาณาจักรทรุนแห่งโครเอเชีย ดัลเมเชีย และ สลาโวเนีย (The Truine Kingdom of Croatia, Dalmatia and Slavonia) ตราหมากรุกขาวแดงเครื่องหมายโครเอเชีย, ลีโอพาร์ด 3 ตัวคือแคว้นดัลเมเทีย และสโลเวเนียคือแถบฟ้าแดง ส่วนด้านขวาหมายถึงซาเกร็บ รอบๆโบสถ์จะมีโคมไฟที่ใช้น้ำมันในการจุดไฟให้สว่างตลอดเวลา เป็นธรรมเนียมมาแต่ดั้งเดิม…… |
|
ชมมหาวิหาร The Cathedral of the Assumption of the Blessed Virgin Mary หรือ มหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 800 ปี เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอ – กอธิก ในช่วงศตวรรษที่ 11 งดงามด้วยหอระฆังแฝด ปลายยอดแหลมสีทอง ภายในประดิษฐานรูปปั้นนักบุญองค์สำคัญต่างๆ อย่างนักบุญปีเตอร์ แท่นบูชาโลงแก้วบรรจุร่างจำลองของอาร์คบิชอปสตีเฟ่นผู้ต่อสู้กับลัทธิเผด็จการฟาสซิสต์ ถือว่าเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโครเอเชีย และยังเป็นศูนย์กลางของคริสต์จักรในประเทศโครเอเชีย ด้านหน้าของมหาวิหารมีบ่อน้ำพุที่เป็นแบบ นีโอ-กอธิก บนยอดเสาเป็นรูปปั้นสีทองของพระแม่มารี ส่วนที่ฐานของเสาเป็นรูปปั้นนางฟ้าสีทองทั้ง 4 ตั้งอยู่รายรอบตัวมหาวิหาร |
|
เที่ยง | ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นนำชม ประตูหินตะวันออก (Stone gates) หรือ Kamenita Vrata ประตูหินที่มีชื่อเสียงเครื่องหมายทางเข้าด้านทิศตะวันออกของเมือง ประตูสุดท้ายที่เหลืออยู่จากห้าประตู ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 ตามตำนานเล่าว่าไฟไหม้ครั้งใหญ่เมื่อปี ค. ศ. 1731 เผาทำลายบ้านเรือนละแวกนี้จนราบคาบ ยกเว้นแต่ Stone Gate ซึ่ง ภายในมีรูปภาพ Jesus and Mary พร้อมมงกุฎ เป็นของที่ระลึกจากสมเด็จพระสังฆราชเมื่อคราวที่มาเยือนซาเกร็บ ที่ไม่ได้รับความเสียหายเลย ชาวบ้านเชื่อว่ารูปภาพนี้ศักดิ์สิทธิ์จึงพากันกราบไหว้บูชาหรือขอบคุณกับสิ่งปาฎิหาริย์ ที่เคยขอแล้วได้ดังที่ต้องการ ท่านจะสังเกตเห็นจากแผ่นหินที่ติดโดยรอบ จะสลักคำว่า “HVALA” ที่แปลว่า “ ขอบคุณ” ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่น ผ่านชมโรงละครแห่งชาติโครเอเชีย (Croatian National Theatre) สร้างขึ้นในปี 1895 โดยรูปแบบของอาคารการสร้างสไตล์นีโอบาร็อค มีลักษณะเป็นรูปตัว U และรายรอบไปด้วยสวนสาธารณะจนได้รับสมญานามว่า “The Green Horse shoe” โรงละครแห่งชาติโครเอเชียตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของ “Marshal Tito Square” เป็นหนึ่งในจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลวงแห่งนี้ ได้รับการยกย่องว่าเป็นจัตุรัสที่สวยงามที่สุดของซาเกร็บด้วย
พาท่าน เดินเล่นชมตลาดกลางเมือง(Dolac Market) ตลาดเก่ากลางแจ้งที่เก่าแก่ที่มีสีสันสดใส ขายพวกไม้ดอกไม้ประดับ ผลไม้ราคาถูกและผ้าลูกไม้สีสันสวยงามแบบต่างๆ อิสระให้ท่านเดินเลือกซื้อเลือกชมตามอัธยาศัย….อิสระช้อปปิ้ง ณ ห้างสรรพสินค้า Arena Centar เพื่อละลายเงินคูน่าก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งมีสินค้ามากมายให้ท่านได้เลือกซื้อ แวะซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ที่ท่านสามารถซื้อสินค้าท้องถิ่นเป็นของฝาก เช่น ช็อคโกแลตยี่ห้อ KRAS , ไวน์ผลไม้ , น้ำมันมะกอก,เห็ดทรัฟเฟิล ฯลฯ |
17.00 น. | จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร……นำท่านเดินทางสู่สนามบิน PLESO INTERNATIONAL AIRPORT เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่ประเทศไทย |
20.50 น. | ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 218 (ใช้เวลาบินโดยรวม 5 ชั่วโมง 20 นาที) |
04.05 น. | ถึงกรุงโดฮา ประเทศการ์ต้า เพื่อแวะเปลี่ยนเที่ยวบิน ให้ท่านได้ยืดเส้นยืดสาย และเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้ง DUTY FREE ใน Hamad ที่หรูหราและอลังการ มีสารพัดสิ่งให้ท่านได้เลือกซื้อ พร้อมบริการ Free WiFi ทุกซอกทุกมุมของสนามบินแห่งนี้ หมายเหตุ : เนื่องจากเราเดินทางมาเป็นหมู่คณะ ดังนั้นเมื่อเครื่องลงจอดแล้ว…..รบกวนผู้เดินทางทุกท่านโปรดรอหัวหน้าทัวร์อยู่บนเครื่องก่อน เพื่อที่หัวหน้าทัวร์จะได้นำท่านลงจากเครื่องพร้อมๆกัน ไปขึ้นรถต่อไปยังอาคารสำหรับผู้โดยสารต่อเครื่อง เพื่อเป็นการป้องกันการสับสนและพลัดหลงกัน |
08.05 น. | เดินทางต่อสู่ประเทศไทย โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 832 (ใช้เวลาบินโดยรวม 6 ชั่วโมง 50 นาที) |
18.55 น. | ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ….พร้อมกับความประทับใจมิรู้ลืม J |
หมายเหตุ
เงื่อนไขการยกเลิก