04.30 น. | คณะเดินทางพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง อาคารผู้โดยสารขาออก เคาน์เตอร์สายการบินแอร์เอเชีย โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับ
*ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนสายการบินเป็นสายการบินไทยแอร์เอเชีย หรือสายการบินนกแอร์ ในกรณีที่มีการยกเลิกเที่ยวบิน, การเปลี่ยนแปลงเวลาเดินทางของเที่ยวบิน หรือจ้านวนที่นั่งไม่เพียงพอ ที่ส่งผลกระทบต่อรายการท่องเที่ยว* |
06.30 น. | ออกเดินทางสู่สนามบินหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยเที่ยวบินที่ FD3102 |
08.05 น. | เดินทางถึง สนามบินหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา |
นำท่านเดินทางสู่ มัสยิดกลางสงขลา หรือชื่อเต็มว่า มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม ตั้งอยู่ที่ ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ศาสนสถานของพี่น้องชาวมุสลิม ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างดีของชาวสงขลา และนักท่องเที่ยว เพราะมีลักษณะสถาปัตยกรรมที่สวยสง่างดงาม โดยด้านหน้าจะมีสระน้ำทอดยาวราว 200 เมตร ทำให้มัสยิดนี้ดูคล้ายกับทัชมาฮาลที่อินเดียจนได้ขนานนามว่าเป็น ทัชมาฮาลเมืองไทย | |
ออกเดินทางผ่าน จ.ปัตตานี แวะเสริมสิริมงคล ณ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ภายในศาลมีความเชื่อกันว่าเราสามารถยืมเงินเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวเป็นขวัญถุงได้ เมื่อค้าขายได้กำไรงอกเงยให้นำเงินมาคืนเป็น 2 เท่า ของที่ได้ยืมเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวไป | |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (มื้อที่ 1) |
นำท่านเดินทางสู่ วัดช้างให้ (วัดราษฎร์บูรณาราม) วัดเก่าแก่อายุกว่า 300 ปี กราบสักการะพระรูปหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดแห่งนี้ รวมทั้งเดินชมบริเวณวัด และเช่าวัตถุบูชา อันศักด์สิทธิ์ ด้านหน้าของวัดเป็นสถูปบรรจุอัฐิของหลวงปู่ทวด ซึ่งผู้คนมากราบไหว้บูชาขอพรและอธิษฐานขอความช่วยเหลืออยู่เนืองนิตย์ | |
เดินทางสู่ อ.เบตง จังหวัดที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย ระหว่างทางแวะถ่ายรูป ที่จุดชมวิว สะพานข้ามอ่างเก็บน้ำเขื่อนบางลาง เส้นทางสู่อำเภอเบตง ซึ่งสะพานนี้สร้างขึ้นเพื่อย่นระยะทางกว่า 15 กิโลเมตร เดิมถนนที่ใช้จะเป็นเส้นทางระหว่างภูเขาที่มีความคดเคี้ยว ทำให้การสัญจรเป็นด้วยความล่าช้าและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ทางราชการต้องดำเนินการสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 สายยะลา-เบตง ขึ้น โดยประหยัดเวลาการเดินทางได้ประมาณ 30 นาที | |
สะพานแขวนแตปูซู แวะถ่ายรูปกับสะพานไม้ สะพานแขวนแห่งนี้ใช้งานมาหลายสิบปี วัตถุประสงค์หลักที่สร้างขึ้นนั้น ในอดีตชาวบ้านใช้ขนถ่ายสินค้าทางการเกษตร เช่น ผลไม้ ยางพารา และใช้สัญจรของชาวสวนในพื้นที่ ตัวสะพานมีความกว้าง 1.8 เมตร ยาว 100 เมตร | |
แวะถ่ายรูปเช็คอินกับป้าย OK BETONG เป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่ง เราเคยมาเยือนเบตง และเข้าที่พักเมืองเบตงสุดชิล ใต้สุดสยามบรรยากาศพหุวัฒนธรรม ไทย จีน มุสลิม | |
ชม ตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตู้เก่าแก่และดั้งเดิม ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ พ.ศ.2467 จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการติดต่อสื่อสาร และรับฟังข่าวสารเพราะส่วนบนของตู้ได้ติดตั้งวิทยุกระจายเสียง | |
ชมและถ่ายรูปกับ สตรีทอาร์ตเบตง (Street Art Betong) แลนด์มาร์กใหม่ของเบตง ภาพที่เขียนจะบอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิต ความหลากหลายทางวัฒนธรรมของชาวเบตง รวมไปถึงสัญลักษณ์ต่างๆ ภาพเขียนมีอยู่ ทั้งหมด 11 จุด ฝนเบตง ทั้งบนผนัง ใต้สะพาน และตัวอาคารหลายจุดรอบเมืองเบตง | |
ผ่านชมอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ เป็นอุโมงค์ถนนที่ลอดผ่านภูเขา เชื่อมชุมชนเมืองกับปริมณฑลของเบตง มีระยะทางยาว 268 เมตร ที่แห่งนี้เป็นจุดสตาร์ทของเส้นทางวิ่งโครงการ “ก้าวคนละก้าว” ของทีมพี่ตูน บอดี้สแลม | |
ชมวงเวียนหอนาฬิกากลางคืนเปิดไฟสวยงาม มีนกนางแอ่นนับหมื่นแสนเกาะอยู่ตามสายไฟฟ้าดูน่าชม (มีนกให้ชมตามฤดูกาลประมาณช่วงเดือนกันยายนถึงมีนาคม) | |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ร้านอาหาร (มื้อที่ 2) |
05.30 น. | เตรียมตัวออกเดินทางชมทะเหมอก |
04.00 น. | ออกเดินทางสู่เขาไมโครเวฟ อยู่ห่างจากตัวเมืองเบตง 32 กิโลเมตร เพื่อชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง |
จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง อยู่ในพื้นที่ของเขาไมโครเวฟ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,038 ฟุต ในช่วงเวลาเช้าจุดชมวิวแห่งนี้จะเต็มไปด้วยทะเลหมอก (ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ)
จากนั้นเดินทางสู่ จุดชมวิว SKY WALK ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ระเบียงทางเดินที่ยื่นออกไปจากฐานมีความยาวรวม 63 เมตร ส่วนปลายเป็นระเบียงชมวิวพื้นกระจกใสที่สามารถมองทะลุลงไปได้ถึงพื้นเบื้องล่าง สามารถชมวิวทิวทัศน์ได้รอบทิศทาง และวิวพระอาทิตย์ขึ้น และทิวทัศน์ของทะเลหมอกอัยเยอร์เวงอันสวยงามสุดอลังการ (ค่าทัวร์รวมค่ารถมอเตอร์ไซค์ขึ้นจุดชมวิวและค่าถุงผ้าสวมรองเท้าเดินบนสกายวอร์ก) (เปลี่ยนใช้รถบริการรถสองแถวท้องถิ่นของชุมชนอัยเยอร์เวงขึ้นสกายวอล์ค) |
|
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงงแรม (มื้อที่ 3) |
นำท่านเดินทางสู่ วัดกวนอิม สถานที่แห่งศรัทธาที่ผู้คนไปสักการะขอพรเรื่องโชคลาภและการมีบุตร ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงของสวนสุดสยาม บริเวณถนนพงษ์ศักดิ์ อำเภอเบตง มีจุดเด่นคือสถาปัตยกรรมเจดีย์ 7 ชั้น ที่ออกแบบก่อสร้างอย่างงดงาม และยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่ตั้งของศาลเจ้า ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานองค์เทพหลายองค์ เช่น เจ้าแม่กวนอิม, ท่านแป๊ะกง, ท่านกวงกง และเจ้าแม่จิวหวังเหย่ เป็นต้น ใกล้ๆ กันมีศาลเจ้าพ่อกวนอูให้ได้กราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย | |
นำท่านเดินทางสู่ วัดพุทธาธิวาส หรือ วัดเบตง วัดพุทธขนาดใหญ่อยู่บนเนินในสูงในเขตเทศบาลเมืองเบตง มีเจดีย์ที่มีความสูง 39.9 เมตร ภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และท่านยังสามารถสักการะองค์พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ปางมารวิชัยองค์ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ที่ตั้งประดิษฐานภายในบริเวณวัดอีกด้วย | |
นำท่านถ่ายรูปด้านนอก สนามบินเบตงสนามบินแห่งใหม่ ลำดับที่ 29 ของกรมท่าอากาศยาน แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของอำเภอเบตง สถาปัตยกรรมของอาคารที่งดงาม เพราะอาคารบางส่วนถูกออกแบบด้วยไม้ไผ่ สะท้อนเอกลักษณ์ท้องถิ่น เนื่องจากคำว่า “เบตง” หรือ “บือตง” เป็นภาษาถิ่นมลายู ซึ่งแปลว่า “ไม้ไผ่” | |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (มื้อที่ 4) |
จากนั้นนำท่านสู่ ร้านวุ้นดำ กม.4 อร่อยระดับตำนาน เฉาก๊วยใช้วิธีทำแบบดั้งเดิม ต้มเคี่ยวหญ้าเฉาก๊วยด้วยเตาฟืน ซึ่งจะทำให้มีกลิ่นหอมและมากไปด้วยสรรพคุณทางยา ให้ท่านได้อิสระซื้อเป็นของฝาก | |
จากนั้นนำท่านเที่ยวชม อุโมงค์ปิยะมิตร ในอดีตเคยเป็นฐานที่มั่นของโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา อุโมงค์นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นหลุมหลบภัยจากการโจมตีของระเบิด และการโจมตีทางอากาศ ตัวอุโมงค์มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ภายในอุโมงค์มีห้องพัก ห้องพยาบาล ห้องประชุม และห้องอาหาร สามารถจุคนได้ 300-400 คน ใช้เวลาขุดอุโมงค์ราวสามเดือนด้วยกำลังพล 30 คน ชมพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงภาพถ่าย และยุทธปัจจัยของโจรจีนคอมมิวนิสต์ในอดีตที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวในอดีตของพวกเขา….เมื่อเสร็จจากการเที่ยวชมอุโมงค์ปิยะมิตร ชมต้นไทรใหญ่พันปี ต้นไทรที่มีอายุกว่าพันปี นับเป็นหนึ่งในต้นไม้ยักษ์ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดทางภาคใต้ | |
นำท่านเที่ยวชม สวนหมื่นบุปผา หรือ สวนไม้ดอกเมืองหนาวเบตง เนื่องจากเบตงมีสภาพภูมิประเทศที่อยู่สูงจากระดับทะเลปานกลางราว 800 เมตร มีอากาศเย็นสบายตลอดปี ระบบน้ำเพียงพอ จึงมีความเหมาะสมกับการปลูกไม้ดอกเมืองหนาวนานาชนิด ท่ามกลางภูเขาในโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีดอกไม้นานาพันธุ์บานสะพรั่ง เชิญชมความสวยงามของดอกไม้ที่ปลูกเรียงรายเป็นทิวแถวและสัมผัสกับสภาพภูมิอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าพื้นที่อื่นของภาคใต้ | |
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ บ่อน้ำร้อนเบตง บ่อน้ำร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ มีขนาดพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ โดยจะมีน้ำร้อนผุดขึ้นมาจากใต้ดิน ประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆ มากมาย อุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ประมาณ 80 องศาเซลเซียส ซึ่งตรงจุดที่มีน้ำเดือดนี้ สามารถต้มไข่ไก่ได้จนสุกภายใน 10 นาที โดยเชื่อกันว่าน้ำแร่แห่งนี้ สามารถบรรเทารักษาโรคภัยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี อาทิ โรคปวดเมื่อย โรคเหน็บชา โรคผิวหนัง เป็นต้น ท่านสามารถนั่งขอบสระแช่เท้าจะรู้สึกผ่อนคลาย (นุ่งขาสั้น) |
|
นำท่านเดินทางไปยัง ร้านของฝาก ให้ท่านได้เลือกซื้อของฝากจากท้องถิ่น เช่น ผลิตภัณฑ์กลุ่มแม่บ้าน สินค้า OTOP, รังนก, ยาจีน, หมี่เหลืองเบตง, ซีอิ้วเบตง, ส้มโชกุน, เสื้อยืด OK BETONG เป็นต้น | |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมแกรนด์แมนดาริน (มื้อที่ 5) |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงงแรม (มื้อที่ 6) |
นำท่านแวะถ่ายรูปคู่ ป้ายใต้สุดแดนสยาม เป็นที่ระลึก ตั้งอยู่บริเวณชายแดนปลายสุดถนนทางหลวงหมายเลข 410 ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นแนวเขตแดนระหว่างอำเภอเบตง กับ รัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย มีเอกลักษณ์ลายเส้นแผนที่ประเทศไทยสีทองโดดเด่นสลักบนป้ายหินอ่อน | |
หลังอาหารนำท่านสู่ด่านพรมแดนเบตง ชายแดนไทย – มาเลเซีย ซึ่งเป็นด่านที่ตั้งอยู่ปลายด้ามขวานหรือใต้สุดแดนสยาม เพื่อเดินทางเข้าสู่ปีนัง ประเทศมาเลเซีย ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง เปลี่ยนยานพาหนะเป็นรถมาเลเซีย (ต้องใช้หนังสือเดินทางที่มีอายุงานไม่ต่ำกว่า 6 เดือน และมีหน้าว่างสำหรับประทับตรา อย่างน้อย 2 หน้าเต็ม) | |
คณะเดินทางสู่เมืองปีนัง (โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เวลาของประเทศมาเลเซียจะเร็วกว่าเวลาของประเทศไทย 1 ชั่วโมง เมื่อคณะเดินทางถึงเมืองปีนังหรือ รัฐปีนัง หรือ ปูเลาปีนัง เป็น 1 ใน 13 รัฐ ที่ประกอบขึ้นเป็นสหพันธรัฐมาเลเซีย เดิมชาวมาเลย์รุ่นแรกเรียกว่า ปูเลาวาซาตู หรือเกาะเดี่ยว ต่อมาพบในแผนที่เดินเรือ เรียกว่า ปูเลาปีนัง หรือเกาะหมาก รัฐปีนังประกอบด้วยพื้นที่ 2 ส่วน ได้แก่ เกาะปีนัง ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ทางชายฝั่งตะวันตกของประเทศ และเป็นที่ตั้งของ จอร์จทาวน์ (George Town) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ และเซเบอรังเปอไร (สมารังไพร) ซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่ง มีสมญาว่า “ไข่มุกแห่งบูรพาทิศ” | |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (มื้อที่ 7) |
นำชมวัด วัดเก็กลกสี่ (Kek Lok Si Temple หรือ Temple of Supreme Bliss) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1893 เป็น วัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นหนึ่งในวัดดังของเกาะปีนัง สิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ ภายในวัด เช่น หอสวดมนต์ เจดีย์ หอระฆัง สระเต่า และสิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ เจดีย์สมเด็จพระรามหก (เจดีย์พระพุทธเจ้า 10,000 พระองค์) สร้างในปี ค.ศ. 1930 ตกแต่งด้วยพระพุทธรูปสำริดและพระพุทธรูปศิลาขาวทั้งหมด 10,000 องค์ เป็นความผสมผสานระหว่างนิกายมหายานและหินยาน ฐานเจดีย์สร้างแบบจีน ตัวเจดีย์สร้างแบบไทย และยอดเจดีย์สร้างแบบพม่า และยังมีรูปหล่อเจ้าแม่กวนอิมสำริดสูง 30.2 เมตร | |
นำท่านเดินทางสู่ ปีนังฮิลล์ (Penang Hill) สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 830 เมตร จึงทำให้อากาศเย็นสบาย บริสุทธิ์ สดชื่น และ ด้วยความที่อยู่บนเขา จึงเป็นจุดชมวิวพาโนรามาของเมืองจอร์จทาวน์ (George Town) และเมืองใกล้เคียง สามารถขึ้นชมบรรยากาศด้านบนด้วยรถราง ทำให้สามารถชมความงามระหว่างทางได้ด้วย (ราคารวมค่าบัตรแบบ NORMAL LANE) | |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ร้านอาหาร (มื้อที่ 8) |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 9) |
ชม ปีนังสตรีทอาร์ท Penang Street Art เป็นถนนสายที่มีศิลปะ 3 มิติของชาวลิทัวเนียมาวาดไว้ เป็นการเขียนภาพ เหล่าเด็กๆ ในอิริยาบทต่างๆ ทำให้ผู้คนที่เดินไปเดินมา อดอมยิ้มไม่ได้เมื่อได้เห็นภาพวาดเหล่านั้น เป็นการสร้างบรรยากาศให้ชุมชนแห่งนี้ได้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยื่อนและทำให้เกิดการค้าขายได้เป็นอย่างดี ถือเป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในเกาะปีนังมากขึ้นอีกด้วย เพราะเกาะปีนังถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับท่านที่มีความสนใจเรื่องของประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต ความเริญรุ่งเรือในสมัยอดีตของแหลมมาลายู และแหล่งช้อปปิ้งอีกมากมาย | |
ชม วัดไทย หรือ วัดไชยมังคลาราม เก่าแก่อายุกว่า 161 ปี นมัสการพระนอนที่ยาวที่สุดในมาเลเซีย จากนั้น ชม วัดพม่า หรือ วัดธรรมิการาม สักการะพระพุทธรูปยืนสลักจากหยกสีขาว จากนั้นอิสระเลือชมของที่ระลึกและสินค้าพื้นเมือง อาทิเช่น ขนมเปี๊ยะปีนัง บักกุตเต๋ ตุงกัตอาลีหรือโสมมาเลเซีย กาแฟขาว กาแฟร้อยรสชาติ เป็นต้น | |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (มื้อที่ 10) |
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านชาวประมง Chew Jetty ที่สร้างยื่นออกไปในทะเล ได้เล่าถึงวัฒนธรรมดั้งเดิม โดยหมู่บ้านตั้งอยู่ริมทะเล พอเราเดินไปเรื่อยๆ เหมือนกับ เรากำลังเดินไปกลางทะเล | |
สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่ สนามบินปีนัง | |
16.45 น. | เดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินของสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD322 |
17.35 น. | เดินทางกลับถึง สนามบินดอนเมือง โดยสวัสดิภาพ พร้อมกับภาพความประทับใจ |
หมายเหตุ : กรุณาอ่านศึกษารายละเอียดทั้งหมดก่อนทำการจอง เพื่อความถูกต้องและความเข้าใจตรงกันระหว่างท่านลูกค้าและบริษัท ฯ และเมื่อท่านตกลงชาระเงินมัดจาหรือค่าทัวร์ทั้งหมดกับทางบริษัทฯ แล้ว ทางบริษัทฯ จะถือว่าท่านได้ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ทั้งหมด