กัสโต้ เวิล์ด ทัวร์

บริการคุณภาพ ทุกเส้นทางท่องเที่ยว

เลขที่ 11/03295

ทัวร์ยุโรป EUROPE ENDLESS ROUTE

รหัส 055-2975
วันที่เดินทาง
เม.ย.66 - มิ.ย.66
ช่วงเวลา
9 วัน 7 คืน
ราคาเริ่มต้น
95,900 บาท
แผนการเดินทาง
วันที่ 1
สนามบินสุวรรณภูมิ-สนามบินกรุงมัสกัต (โอมาน)-สนามบินชาร์ลเดอโกลล์ (ฝรั่งเศส)

06.00 น.   คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตูทางเข้าระหว่างหมายเลข 9 เคาน์เตอร์สายการบิน Oman Air เคาน์เตอร์เช็คกรุ๊ป ROW T

**กรณีท่านเที่เดินทางมาจากต่างประเทศหรือต่างจังหวัดกรุณาตรวจสอบเวลาการเดินทางแต่ละกำหนดการเดินทางอีกครั้งก่อนทำการจองตั๋วโดยสารส่วนตัวของท่าน เนื่องจากรายการทัวร์เป็นรายการซีรี่และได้มีการดำเนินการไว้ล่วงหน้าหลายเดือน เมื่อเปลี่ยนฤดูกาล เวลาการเดินทางอาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย**

09.10 น.   ออกจากเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ บินสู่กรุงมัสกัต โดยสายการบิน Oman Air เที่ยวบินที่ WY-818

12.05 น.   นำท่านเดินทางสู่สนามบินกรุงมัสกัต ประเทศโอมาน จากนั้นนำท่านเปลี่ยนเครื่อง

14.10 น.   ออกเดินทางอีกครั้งจากสนามบินกรุงมัสกัส ประเทศโอมาน โดยสายการบิน Oman Air เที่ยวบินที่ WY-131

19.45 น.   เดินทางถึงสนามบินชาร์ลเดอโกลล์ Charles de Gaulle นครปารีส นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว รถโค้ชรอรับท่าน

นำท่านเดินทางสู่ที่พักในแถบเขตเวอร์ลิซี่ Best Western Plus Paris Velizy หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 2
ปารีส-พระราชวังแวร์ซายส์-ช้อปปิ้ง-ล่องเรือแม่น้ำแซน (ฝรั่งเศส)

เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่เมืองแวร์ซายส์ Versailles เมืองที่ตั้งของพระราชวังหรูหราชื่อดังของโลก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปารีส ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของมหานครปารีส (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) นำท่านเข้าชม พระราชวังแวร์ซายส์ Versailles Palace พระราชวังที่ยิ่งใหญ่และสวยงามแห่งหนึ่งของโลกและนับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบันด้วย เดิมนั้นแวร์ซายส์เป็นเพียงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น มีผู้คนอาศัยอยู่เบาบางบริเวณส่วนใหญ่เป็นป่าเขาเยี่ยงชนบทอื่นๆ ของฝรั่งเศส เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศสยังทรงพระเยาว์ ขณะพระชนมายุได้ 23 พระชันษา ทรงนิยมล่าสัตว์ในป่า และทรงเห็นว่าตำบลแวร์ซายส์น่าจะเหมาะแก่การประทับเพื่อล่าสัตว์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักสำหรับพักชั่วคราวเท่านั้น เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ขึ้นครองบัลลังก์ จึงมีพระประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังแห่งใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองของพระองค์ จึงเริ่มมีการปรับปรุงพระตำหนักเดิมในปี ค.ศ.1661 โดยใช้เงินทั้งหมด 5 แสนล้านฟรังค์ คนงานอีก 30,000 คนและใช้เวลาอยู่ถึง 30 ปีจึงแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1688 ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาวเป็นแบบอย่างศิลปกรรมที่งดงามมาก การก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้ได้นำเงินมาจากค่าภาษีอากรของราษฎรชาวฝรั่งเศส ต่อมาจึงได้มีกองทัพประชาชนบุกเข้ายึดพระราชวังและจับพระเจ้า  หลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส กับพระนางมารี อองตัวเนต ประหารด้วยกิโยติน ในวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ.1789 ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายส์ยังอยู่ในสภาพดีและเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ นำท่านชมภายในที่มีการแบ่งเป็นห้องต่างๆ อาทิ ห้องบรรทม  ห้องเสวย  ห้องสำราญ เป็นต้น ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระการตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียง อาทิ ห้องกระจก (Galerie des Glaces หรือ The Hall of Mirrors) เป็นห้องที่มีชื่อเสียงมากที่สุดซึ่งเคยใช้เป็น ห้องลงนามในสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตรกับจักรวรรดิเยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และใช้เป็นที่ลงนาม ในเมื่อเยอรมนีบุกตีชนะฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ห้องนี้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงทำการก่อสร้างเอง ภายในห้องประกอบด้วยกระจกยักษ์ 17 บาน เปิดออกแล้วจะเห็นสวนแวร์ซายส์อันสวยงาม ในพระราชวังแวร์ซายส์มีห้องทั้งหมด 700 ห้อง  รวมภาพวาดทั้งหมด 6,123 ภาพและงานแกะสลักทั้งหมด 15,034 ชิ้น พร้อมฟังบรรยายจากมัคคุเทศก์ทั้งในส่วนของกษัตริย์และพระราชินีรวมทั้งห้องโถงกระจกที่ทูตจากสยามได้เคยเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่14 ให้เวลาท่านเดินเล่นบริเวณอุทยาน

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ.ภัตตาคารจีน

บ่าย   นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือเพื่อนำท่าน ล่องเรือในแม่น้ำแซน แม่น้ำสายหลักของมหานครปารีส ชมอาคารสำคัญต่างๆ หลายแห่งที่มีสถาปัตยกรรมงดงามอยู่ตลอดสองฟากฝั่งของแม่น้ำแซน จากนั้นให้ท่านมีเวลาเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายคอลเล็คชั่นใหม่ๆ จากห้างสรรพสินค้า La Samaritaine Paris ห้างใหญ่ใจกลางกรุงปารีสใกล้สถานีรถไฟ Pont Neuf ที่ขยายจากร้านเสื้อผ้าเล็กๆ สู่อาคารห้างสรรพสินค้าที่มีแผนกต่างๆ กว่า 90 แผนก ตกแต่งอย่างหรูหราสวยงาม และยังใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำซีรี่เรื่องดัง Emily in Paris ซึ่งออกอากาศทาง Netflix

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง พร้อมให้ท่านลิ้มรสเมนูหอยเอสคาโก เมนูดังของฝรั่งเศส

นำท่านเดินทางสู่ที่พักในแถบเขตเวอร์ลิซี่ Best Western Plus Paris Velizy หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 3
ปารีส-ทรัวส์-กอลมาร์ (ฝรั่งเศส)-บาเซิล (สวิตเซอร์แลนด์)

เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านชมมหานครปารีส นครหลวงแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากมายกว่า 20 ล้านคนต่อปี ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานทั้งศิลปะและสถาปัตยกรรมที่สวยงาม รวมทั้งเป็นศูนย์กลางของแฟชั่นที่ทันสมัย นำท่านถ่ายรูปกับหอไอเฟล Eiffel Tower หอคอยที่เป็นสัญลักษณ์หรือแลนด์มาร์คของประเทศฝรั่งเศสที่รู้จักกันไปทั่วโลก ทั้งยังเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลกอีกด้วย โดยสร้างขึ้นด้วยโครงเหล็กบริเวณแม่น้ำแซนในกรุงปารีส และตั้งชื่อตามสถาปนิกและวิศวกรที่ออกแบบหอคอยแห่งนี้คือกุสต๊าฟ ไอเฟิล เดิมสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของงานแสดงสินค้าโลกในปี ค.ศ.1889 เพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศฝรั่งเศส ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์และต่อมากลายมาเป็นสัญลักษณ์องกรุงปารีส และนำท่านเริ่มชมโดยรอบเริ่มจากเก็บภาพสวยของหอคอยไอเฟล อีกครั้งบริเวณหน้าโรงเรียนการทหารหรือจัตุรัสทรอคาเดโร, ผ่านชมประตูชัยแห่งจักรพรรดินโปเลียน ณ.จัตุรัสชาร์ลสเดอโกลล์, ถนนชองเอลิเซ่ย่านหรูหราราคาแพงที่โด่งดัง จัตุรัสคองคอร์ตที่ตั้งของเสาหินโอเบลิสจากวิหารลักซอร์ในอียิปต์, โดมอินวาลิด สถานที่เก็บพระศพจักรพรรดินโปเลียน เป็นต้น ให้ท่านถ่ายรูปภายนอกกับพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ พิพิธภัณฑ์ทางศิลปะตั้งอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุดและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้รับการออกแบบจากสถาปนิกชาวจีน-อเมริกัน ซึ่งได้เปิดให้สาธารณะชนเข้าชมได้เมื่อปี ค.ศ.1793 มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์กาเปเซียง ตัวอาคารเดิมเคยเป็นพระราชวังหลวง ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น ภาพเขียนโมนาลิซา ผลงานของเลโอนาร์โด ดาวินชี หรือภาพ Venus de Milo ของอเล็กซานดรอสแห่งแอนทีออก ในปี ค.ศ.2006 ซึ่งพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์มีผู้มาเยี่ยมชมเป็นจำนวน 8.3 ล้านคน ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในโลกและยังเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในกรุงปารีส จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองทรัวส์ Troyes เมืองหลวงของจังหวัดโอบในแคว้นช็องปาญหรือแชมเปญในประเทศฝรั่งเศส จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองทรัวส์ Troyes เมืองหลวงของจังหวัดโอบในแคว้นช็องปาญหรือแชมเปญในประเทศฝรั่งเศส เมืองทรัวส์ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำแซน ราว 150 กิโลเมตรทางตะวันออกเฉียงใต้ของปารีส (ใช้เวลาเดินทางประมรณ 2 ชั่วโมง)

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ.ภัตตาคารพื้นเมือง

บ่าย   นำท่านเดินทางสู่ เมืองกอลมาร์ Colmar (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) เมืองเล็กๆ อันเป็นเมืองบ้านเกิดของจิตรกรและช่างแกะพิมพ์ มาร์ติน โชนเกาเออร์ และประติมากรเฟรเดริก โอกุสต์ บาร์ตอลดี ผู้ออกแบบอนุเสาวรีย์เทพีเสรีภาพ เป็นเมืองที่มีความโรแมนติคเมืองหนึ่งของฝรั่งเศส และเป็นสถานที่ที่คู่รักมักจะให้คำสัญญาในความรักระหว่างกันและกัน ด้วยบรรยากาศที่สวยงามและสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนเก่าแก่ จึงทำให้เมืองกอลมาร์เป็นอีกหนึ่งในสถานที่โรแมนติคในฝันของใครอีกหลายคน ให้ท่านเดินชม เมืองกอลมาร์ ดินแดนแห่งความงามที่มีอาคารบ้านเรือนสวยงาม มีจุดเด่นอยู่ที่ความงามของดอกไม้ที่มีอยู่ทั่วเมือง (ในช่วงฤดูร้อนและช่วงฤดูหนาวจะมีเสน่ห์กันไปคนละแบบ) จัดเป็นอีกเมืองที่ถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีความโรแมนติค จนได้รับการขนานนามว่า ลิตเติ้ลเวนิซ Little Venice ปัจจุบันเมืองเก่าแก่แห่งนี้ได้กลายเป็นเมืองที่น่ามาเยือนเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมและบรรยากาศของเมืองโบราณ มีบ้านเรือนที่สวยงาม และได้รับการดูแลรักษาไว้เป็นอย่างดี บ้านเรือนแบบนี้ เรียกว่า Colombage ในภาษาฝรั่งเศส หรือ Fachwerkhaus ในภาษาเยอรมัน เป็นบ้านครึ่งไม้ซุงซึ่งเป็นแบบบ้านที่เป็นเอกลักษณ์และเห็นได้ทั่วไปในแคว้นอัลซาส ลักษณะพิเศษของบ้านจะขึ้นโครงบ้านด้วยไม้ทั้งหลังรวมทั้งหลังคาก่อน จากนั้นก็จะโบกปูนระหว่างช่องไม้แล้วทาทับด้วยสีสันสวยงามตามใจเจ้าของบ้าน เมืองนี้ยังมีคลองน้ำไหลผ่านมีทัศนียภาพงดงาม

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

จากนั้นนำท่านเดินทางข้ามพรมแดนจากประเทศฝรั่งเศสสู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ผ่านเมืองบาเซิล Basel ในเขตประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมืองใหญ่ที่มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์และเป็นศูนย์กลางทางด้านอุตสาหกรรมด้านเคมีและเภสัชภัณฑ์

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ Hyperion Hotel Basel หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 4
บาเซิล-ชทานส์-กระเช้า 2 ชั้นเปิดประทุนสู่ชทานส์เซอร์ฮอร์น-ลูเซิร์น (สวิตเซอร์แลนด์)

เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองชทานส์ Stans ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนระหว่างรัฐนิดวัลเดินกับรัฐออบวัลเดิน (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) นำท่านนั่งรถรางโบราณ Funicular ซึ่งเดิมถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเส้นทางขนส่งสาธารณะและแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1893 จากสถานีชทานส์สู่ ผ่านชมทุ่งหญ้าสู่สถานีกระเช้าลอยฟ้าคัลติ Kalti โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที จากนั้นนำท่านเปลี่ยนมาโดยสารกระเช้าที่สถานีนี้ นำท่านนั่งกระเช้าลอยฟ้าแบบเปิดประทุนสู่ยอดเขาชทานเซอร์ฮอร์น Mt.Stanserhorn ที่มีความสูงถึง1,898 เมตรจากระดับน้ำทะเล ระหว่างทางให้ท่านได้ชมวิวแบบพาโนราม่าและสัมผัสบรรยากาศที่สดชื่นแบบสุดๆ กับการเดินทางบนกระเช้า “Cabrio” กระเช้าลอยฟ้าเปิดประทุนที่มี 2 ชั้นแห่งแรกของโลก ใช้งบประมาณในการสร้างถึง 28,100,000 CHF หรือประมาณ 983,500,000 บาท ให้ท่านเดินทางถึงยอดเขา Stanserhorn ในเวลาประมาณ 7 นาที ให้ท่านได้ชมความงดงามของยอดเขาและทัศนียภาพรอบๆ แบบ 360 องศา สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองและทะเลสาบลูเซิร์นได้ทั้งเมืองและยังมองเห็นทิวทัศน์ของเขตเทือกเขาแอลป์และยอดเขาต่างๆ อาทิ ยอดเขาทิทลิส พิลาทุส ริกิ ไอเกอร์ เมินช์และจุงฟราว

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารบนยอดเขา

บ่าย   นำท่านลงจากยอดเขาจากนั้นเดินทางสู่ เมืองลูเซิร์น (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที) เมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของสวิสที่หลายท่านอาจจะเคยไปเยือนมาแล้ว แต่ลูเซิร์นก็ยังคงมีความสวยงามเหมือนเดิม นำท่านชมเมืองลูเซิร์น เมืองใหญ่ที่สุดในภาคกลางของประเทศ ทำให้เมืองลูเซิร์นกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ, การคมนาคมและวัฒนธรรมของภาคกลาง มีแม่น้ำร็อยส์ไหลผ่านกลางเมืองและสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเขตเทือกเขาแอลป์ เขาพิลาทุสและเขาริกิได้อีกด้วย นำท่านชมอนุเสาวรีย์สิงโตและถ่ายรูปกับสะพานไม้ชาเพล สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 ประดับตกแต่งบนโครงหลังคาหน้าจั่วด้วยภาพวาดในศตวรรษที่ 17 ซึ่งภาพเขียนเหล่านี้เป็นการเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของเมืองลูเซิร์น โดยมีหอคอยน้ำ Wasserturm ซึ่งเดิมใช้เป็นที่คุมขังนักโทษและเก็บเอกสารรวมทั้งของมีค่าของเมืองไว้ หอคอยนี้มีลักษณะเป็นรูปทรงแปดเหลี่ยมที่มีฐานเชื่อมติดอยู่กับสะพานสร้างขึ้นราวปี ค.ศ.1300 สะพานแห่งนี้เคยถูกไฟไหม้ไปเมื่อปี ค.ศ.1993 แล้วก็มีการบูรณะใหม่จนมีสภาพใกล้เคียงของเดิม (ภาพวาดดั้งเดิมถูกไฟไหม้ไปเยอะ) สะพานชาเพลนี้ถือเป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป และมีเวลาให้ท่านเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกและร้านค้าสินค้าคุณภาพสวิส

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมืองด้วยเมนูฟองดูชีสแบบสวิส

นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก Hotel Ibis Style Luzern City หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 5
ลูเซิร์น-ช้อปปิ้ง FoxTown Outlet (สวิตเซอร์แลนด์)-โคโม่-เจนัว (อิตาลี)

เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเมนดริโซ่ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.15 ชั่วโมง) เพื่อนำท่านเข้าสู่ FoxTown Factory Stores แหล่งรวมร้านค้าแบรนด์เนมต่างๆ มากมาย อาทิ Adidas, Armani, Bally, BOSS, Burberry, Calvin Klein, COACH, DIESEL, Dolce & Gabbana, Furla, GUCCI, GUESS, Lacoste, Lee, Levi’s, Longchamp, Michael Kors, New Balance, Nike, Nine West, Polo, Prada, Puma, Quicksilver, Skechers, Timberland, Valentino, VANS เป็นต้น พร้อมกับโปรโมชั่นหลากหลาย **เพื่อความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าให้ท่านอิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัยภายใน Factory Stores**

บ่าย   สมควรแก่เวลานัดหมายนำท่านเดินทางข้ามพรมแดนจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เดินทางสู่ประเทศอิตาลีผ่านไปยังเมืองโคโม่ Como (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) ให้ท่านได้เดินเล่นบริเวณทะเลสาบโคโม่ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยงามที่สุดของอิตาลี ในแคว้นลอมบาร์เดีย ทางเหนือของประเทศอิตาลี บริเวณเชิงเทือกเขาแอลป์ ทะเลสาบโคโมล้อมรอบด้วยภูเขาสูงที่ยังมีป่าไม้เขียวชอุ่ม หลายจุดบนชายฝั่งเป็นช่องเขาแคบและหน้าผาที่สวยงาม ทางเหนือของทะเลสาบคือเทือกเขาแอลป์ยาวเหยียดสุดสายตาเป็นกำแพงธรรมชาติที่สร้างฉากหลังอันงดงามอลังการให้กับดินแดนบริเวณนี้ เทือกเขาแอลป์นั้นมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดปี จึงทำให้สามารถเล่นสกีหิมะได้ตลอดเวลา จึงเป็นจุดดึงดูดให้ผู้คนจากทั่วโลกหลั่งไหลมาท่องเที่ยวพักผ่อนกันอย่างไม่ขาดสาย สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองเจนัว Genoa (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) เมืองท่าทางการค้าทางทะเลที่สำคัญทางตอนเหนือของอิตาลีถือเป็นเมืองท่าที่สำคัญยิ่งเปรียบประดุจเส้นเลือดใหญ่ของประเทศมาอย่างยาวนาน มีความรุ่งเรืองอย่างยิ่งในอดีตจนถึงศตวรรษที่ 18 ถูกกองทัพของจักรพรรดิ์นโปเลียนบุกเข้ายึดครองและผนวกดินแดนแห่งนี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของฝรั่งเศส แต่เป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เมื่อนโปเลียนเสื่อมอำนาจลง เจนัวได้มีโอกาสกลับมาฟื้นฟูบ้านเมืองและกลับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอิตาลีอีกครั้งจวบจนปัจจุบัน ปัจจุบันเจนัวเป็นเมืองที่สามารถทำรายได้เข้าประเทศได้เป็นอย่างเสมอต้นเสมอปลายทั้งเป็นเมืองท่าสำคัญและเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดัง เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ได้แก่ เฟียต อัลฟ่าโรมิโอ แลนเซีย เป็นต้น ให้ท่านผ่านชมเมืองเจนัว เมืองบ้านเกิดของนักเดินเรือชื่อดังผู้ค้นพบทวีปอเมริกา คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ประกอบกับเจนัวมีบ้านเรือนแบบคลาสสิคโรมันย้อนยุค มีโบสถ์เก่าแก่ สวนสวยประดับอยู่ทั่วเมือง ผ่านชมอาคารสวยงามต่างๆ โบสถ์ประจำเมืองหรือดูโอโม่ที่สร้างขึ้นแบบโรมาเนสก์และโกธิค น้ำพุกลางเมือง ท่าเทียบเรือบริเวณอ่าวเจนัว มีเรือใบจอดอยู่มากมายประกอบกับอาคารโดยรอบสวยสดงดงาม ประภาคารสูงตระหง่าน จัตุรัสเปียซซ่า เฟอร์รารี่ ถือเป็นจัตุรัสที่สวยที่สุดในอิตาลี ซึ่งเคยเป็นสถานที่ที่โคลัมบัสเคยอาศัยอยู่เมื่อครั้งเป็นเด็ก ผ่านชมพระราชวังซานจิออร์จิโอ Palazzo San Giorgio มีความโดดเด่นของภาพวาดที่มองแล้วคล้ายภาพนูนต่ำและมหาวิหารเจนัว

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน

นำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก Novotel Genova City หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 6
เจนัว-ลาสเปเซีย-ซิงเควเทอร์เร่-พราโต้ (อิตาลี)

เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมือง ลา สเปเซีย La Spezia เมืองในเขตลิกูเรีย ตอนเหนือของประเทศอิตาลี อยู่ระหว่างเมืองเจนัวและปิซ่า บริเวณอ่าวลิกูเรีย หนึ่งในอ่าวที่มีความสำคัญทางด้านการค้าและการทหาร (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) นำท่านเปลี่ยนการเดินทางต่อโดยรถไฟสู่เมืองซิงเควเทอร์เร่ Cinque Terre หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณริมชายฝั่งริเวียร่าของอิตาลี ที่มีความหมายว่า ดินแดนทั้งห้า The Five Land หรือดินแดนแห่งความงดงาม ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียนบริเวณชายฝั่งแคว้นลิกูเรีย ประกอบไปด้วย 5 หมู่บ้าน ที่ซ่อนตัวเองอยู่ห่างไกลจากสายตาของคนภายนอก แผ่นดินที่ยากจะเข้าถึงได้โดยง่าย ได้แก่ Monterosso Al Mare, Vernazza Corniglia, Manarola และ Riomaggiore โดยทั้ง 5 หมู่บ้านนี้มีหุบเขาล้อมรอบ มีแม่น้ำเป็นฉากด้านหน้า ทำให้สถานที่แห่งนี้มีความสวยงามตามธรรมชาติราวกับภาพวาดของจิตรกรเอก ประกอบกับเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้อีกด้วย ซึ่งหมู่บ้านทั้งห้านี้ยังคงสภาพดั้งเดิมมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 นำท่านเดินเล่นหมู่บ้านมานาโรล่า Manarola ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซิงเควเทอร์เร หนึ่งในห้าหมู่บ้านของแคว้นลิกูเรีย ถือเป็นหมู่บ้านที่มีความเก่าแก่ที่สุด ประกอบด้วยอาคารบ้านเรือนที่มีสีสันสดใส ตั้งเรียงรายลดหลั่นลงมาหน้าผาสูงชันเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ให้ท่านเดินชมจัตุรัส Capellini Plaza ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.2004 ที่เป็นจุดศูนย์รวมของหมู่บ้านไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ร้านอาหารและยังมีชื่อเสียงในด้านการผลิตไวน์อีกด้วย

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

บ่าย   ให้ท่านเดินเล่นชมความงามของหมู่บ้านที่มีสีสันสวยงาม สร้างลดหลั่นกันตามเนินผาริมทะเลเพิ่มเติม ให้ท่านเดินเล่นชมหมู่บ้านริโอแมกจิโอเร่ Riomaggiore หมู่บ้านประมงเล็กๆ ที่มีเสน่ห์และมีบรรยากาศเหมือนเมืองตุ๊กตา บ้านเรือนที่ตั้งลดหลั่นกันบนหน้าผาที่ปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวขจีตัดกับน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสีเทอควอยส์ โดยเฉพาะในฤดูร้อน ให้ท่านได้ถ่ายรูปตามอัธยาศัย และเดินชมหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง มอนเตรอสโซ่ Monterosso Al Mare หมู่บ้านที่ใหญ่และขึ้นชื่อที่สุด เนื่องจากเป็นเพียงหมู่บ้านเดียวที่มีชายหาดให้นักท่องเที่ยวลงไปนั่งเล่นพักผ่อนได้จริง และคึกคักมากในช่วงฤดูร้อน มอนเตรอสโซแบ่งหมู่บ้านออกเป็น 2 ด้าน หากนับจากสถานีรถไฟ ด้านทิศเหนือเป็นส่วนของบ้านตากอากาศ มีร้านค้าเสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทิศใต้เป็นที่ตั้งของหมู่บ้าน จะไปทางด้านทิศใต้นั้นต้องเดินลอดอุโมงค์ที่เจาะผ่านช่องเขาเข้าไปตัวชุมชนที่นี่เป็นชุมชนที่ใหญ่ที่สุด และเป็นชุมชนแรกที่ก่อตั้งขึ้นในบรรดา 5 หมู่บ้าน เดินชมภายนอกวิหารนักบุญจอห์นเดอะแบ็พทิสต์ Chiesa di San Giovanni Battista สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13-14 เป็นโบสถ์เล็กๆ มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบบาร็อค  ทำจากหินอ่อนสลับสีขาวดำเป็นลายขวางพาดตัววิหารทั้งด้านนอกและด้านใน มีเวลาให้ท่านถ่ายภาพงดงามตามอัธยาศัย

สมควรแก่นำท่านเดินทางกลับสู่สถานีรถไฟลา สเปเซียอีกครั้ง รถโค้ชรอรับท่านเดินทางสู่ นำท่านเดินทางสู่เมืองพราโต้ Prato เมืองสำคัญอีกเมืองหนึ่งในแคว้นทัสคานี ตั้งอยู่บนระดับความสูง 768 เมตรจากระดับน้ำทะเล และเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 ในแคว้นทัสคานี และใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากกรุงโรมและฟลอเร้นซ์ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง)

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก Hotel President หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 7
พราโต้-ฟอลเร้นซ์-โบโลญญ่า-พาร์ม่า (อิตาลี)

เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองฟลอเร้นซ์ Florence นครที่รุ่งเรืองสุดในช่วงยุคทองของศิลปะอิตาลี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง)  เดินทางเข้าสู่ เขตเมืองเก่าของฟลอเร้นซ์ ที่ได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ.1982 เดินชมความสวยงามบริเวณ จัตุรัสดูโอโม ทีตั้งของ มหาวิหารแห่งเมืองฟลอเร้นซ์ ที่สวยงามและยิ่งใหญ่ ชมจัตุรัสซิกนอเรีย, สะพานเก่าเวคคิโอ ที่ทอดข้ามแม่น้ำอาร์โน ซึ่งอดีตเป็นแหล่งขายทองคำที่เก่าแก่ของฟลอเร้นซ์และยังคงอนุรักษ์ บรรยากาศแบบดั่งเดิมไว้ได้อย่างดี ชมทัศนียภาพของตัวเมืองที่มีแม่น้ำอาร์โน ไหลผ่านนครที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมโบราณไว้อย่างน่าชื่นชม

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน

บ่าย   นำท่านเดินทางสู่ เมืองโบโลญญ่า Bologna เมืองประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงทางด้านการท่องเที่ยวและเป็นเมืองหลวงของแคว้นเอมิเลีย-โรมัญญ่า เป็น 1 ใน 20 ของแคว้นของประเทศอิตาลี และยังเป้นหนึ่งในเมืองยุคกลางที่ได้รับการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งในยุโรป (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) นำท่านเดินชมเมืองเก่าและเขตจัตุรัสปิแอสซ่ามัจโจเร จัตุรัสขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยโบสถ์ซานเปโตร ศาลาว่าการเมือง และลานน้ำพุเทพเนปจูน ให้ท่านถ่ายรูปกับหอคอยอสิเนลลิและหอคอยการิเซนดาล บางครั้งมักถูกเรียกว่าหอคอยคู่ Two Towers หรืออาคารโบโลญญ่า จัดเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองโบโลญญ่า สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองพาร์ม่าหรือปาร์ม่า Parma (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) อีกหนึ่งเมืองในเขตแคว้นเอมิเลียโรมัญญา มีชื่อเสียงในด้านการผลิตแฮม, ชีส ต้นกำเนิดของพาร์ม่าแฮมที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก และยังมีความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรม ผ่านชมอาคารมหาวิทยาลัยพาร์ม่าและสโมสรฟุตบอลพาร์ม่า ให้ท่านเดินเล่นจัตุรัสกลางเมือง Piazza Garibaldi ที่ตั้งของโบสถ์ที่งดงามศักดิ์สิทธิ์ได้แก่ Santa Maria della Steccata รวมถึงมหาวิหารแห่งเมืองพาร์ม่าที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามประกอบไปด้วยวิหารที่ใช้ประกอบพิธีศีลจุ่มมีอาคารหินอ่อนแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่สไตล์โรมาเนสก์

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก Novotel Parma Centro หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 8
พาร์ม่า-มิลาน-สนามบินมาร์เพนซ่า (อิตาลี)

เช้า   รับประทานอาหารเช้าแบบกล่อง

นำท่านเดินทางสู่ ฟิเดนซ่า Fidenza (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) เมืองที่ตั้งอยู่ในเขตประเทศอิตาลี ระหว่างเมืองเวนิสและเมืองมิลาน ให้ช้อปปิ้งสินค้าต่างๆ ที่ Fidenza Village Outlet แหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำในราคาพิเศษ อาทิ Armani, Prada, Michael Kors, Paul Smith, Nike, Calvin Klein, Fossil, Furla, Diesel, Valentino, Vasace, Dolce & Gabbana, Polo Ralph Lauren, Guess, Timberland, Coach, New Balance, Asics, Camper, Samsonite, Swatch เป็นต้น **เพื่อความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าต่างๆ อิสระให้ท่านรับประทานอาหารกลางวันภายในเอ๊าท์เล็ต**

บ่าย   นำท่านเดินทางสู่ เมืองมิลาน Milan หรือ มิลาโน Milano ในภาษาอิตาเลียนซึ่งเป็นเมืองสำคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี เมืองแห่งแฟชั่นดีไซน์เนอร์ชื่อดังของอิตาลี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง) แวะชมภายนอก ปราสาทฟอร์ซ่า หรือ Sforzesco Castle ได้รับการก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 15 โดยฟรันเชสโกสฟอร์ซา ดยุคแห่งมิลาน ต่อมาได้มีการบูณะและขยายใหญ่ขึ้นในช่วงยุคศตวรรษที่ 19 และ 17 และยังเป็นที่ตั้งของป้อมปราการที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป

จากนั้นนำท่านชม เมืองมิลาน เมืองหลักของแคว้นลอมบาร์เดียและเป็นเมืองสำคัญทางภาคเหนือของประเทศอิตาลี มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลักษณะเดียวกับนิวยอร์ค ปารีส ลอนดอน และกรุงโรมนอกจากนี้ยังเป็นที่รู้จักในด้านอุตสาหกรรม ผ้าไหม และแหล่งผลิตรถยนต์ อัลฟา โรมีโอ รวมไปถึงสโมสรฟุตบอลอินเตอร์มิลานและสโมสรฟุตบอลเอซีมิลาน นำท่านชมจัตุรัสสกาล่าและรูปปั้นดาวินชี และให้ท่านถ่ายรูปและชมความยิ่งใหญ่ภายนอกของ มหาวิหารแห่งเมืองมิลานหรือมิลานดูโอโม มหาวิหารหินอ่อนแบบโกธิคที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในยุโรป สร้างในปี ค.ศ.1386 ด้วยศิลปะแบบนีโอโกธิคผสมผสานกันเป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ใช้เวลาสร้างนานถึง 500 ปี มีความวิจิตรงดงามและประดับประดาไปด้วยรูปปั้นนับกว่า 3,000 รูป มีหลังคายอดเรียวแหลมจำนวน 135 ยอด บนสุดมีรูปปั้นทองขนาด 4 เมตรของพระแม่มาดอนน่าเป็นสง่าอยู่ มีลานกว้างด้านหน้าดูโอโมที่มีอนุสาวรีย์พระเจ้าวิกเตอร์เอ็มมานูเอลที่ 2 ทรงม้าคือสถานที่จัดงานสำคัญต่างๆ ในบริเวณเดียวกันยังเป็นที่ตั้งของ แกลเลอรี่ วิคเตอร์ เอ็มมานูเอล ที่นับว่าเป็นช้อปปิ้งอาเขตที่สวยที่สุดในอิตาลี มากว่า 100 ปี พร้อมถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์ของ ลิโอนาร์โด ดาร์วินชีจิตรกรเอกที่โด่งดังจากภาพโมนาลิซ่า ให้เวลาท่านได้เลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำ อาทิ Prada, Louis Vuitton, GUCCI เป็นต้น

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตตาคารจีน

18.00 น.   ให้ท่านเตรียมตัวออกจากที่พัก นำท่านเดินทางสู่สนามบินมาร์เพนซ่า เพื่อให้ท่านเช็คอินบัตรโดยสารและโหลดสัมภาระ

22.05 น.   นำท่านออกเดินทางจากสนามบินมาร์เพนซ่า มิลาน โดยสายการบิน Oman Air เที่ยวบินที่ WY-144

วันที่ 9
สนามบินกรุงมัสกัต (โอมาน)-สนามบินสุวรรณภูมิ

06.25 น.   เดินทางสนามบินกรุงมัสกัต ประเทศโอมาน จากนั้นนำท่านเปลี่ยนเครื่อง

08.50 น.   นำท่านออกเดินทางจากสนามบินกรุงมัสกัต ประเทศโอมาน โดยสายการบิน Oman Air เที่ยวบินที่ WY-815

18.00 น.   เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ…

**กรณีที่บางท่านเดินทางกลับต่างประเทศหรือต่างจังหวัดกรุณาตรวจสอบเวลาการเดินทางแต่ละกำหนดการเดินทางอีกครั้งก่อนทำการจองตั๋วโดยสารส่วนตัวของท่าน เนื่องจากรายการทัวร์เป็นรายการซีรี่และได้มีการดำเนินการไว้ล่วงหน้าหลายเดือน เมื่อเปลี่ยนฤดูกาล เวลาการเดินทางอาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย**

เงื่อนไข

อัตรานี้รวมบริการ

  • ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับโดยสายการบิน Oman Air เส้นทาง กรุงเทพฯ-มัสกัต-ปารีส / / มิลาน-มัสกัต-กรุงเทพฯ ชั้นประหยัด และค่าโหลดสัมภาระไม่เกินที่สายการบินกำหนดท่านละ 30 กิโลกรัม (ท่านละ 1 ชิ้น) และสำหรับถือขึ้นเครื่องไม่เกิน 7 กิโลกรัม / ท่าน
  • ค่าภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าประกันภัยการเดินทางที่มีการเรียกเก็บจากสายการบิน โดยคำนวนจากวันที่จองและออกตั๋วโดยสาร หากมีเปลี่ยนแปลงตั๋วโดยสารหรือเพิ่มเติมภายหลังหรือมีการเปลี่ยนแปลงอัตราการผกผันค่าน้ำมันหรือภาษีใดๆ จะต้องมีการชำระเพิ่มตามกฎและเงื่อนไขของสายการบิน (อัตราค่าน้ำมันเชื้อเพลิงคำนวณไว้ ณ วันที่ 21 พ.ย.2565)
  • ค่าโรงแรมที่พักตามรายการที่ระบุ (2 ท่าน / 1 ห้อง) เนื่องจากโรงแรมส่วนใหญ่ไม่มีห้องพักแบบ 3 เตียง (Triple Room) กรณีที่เดินทาง 3 ท่าน ท่านต้องพักเป็น 2 ห้อง (1 Twin + 1 Single) โดยชำระค่าพักเดี่ยวเพิ่ม
  • ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ, ค่าอาหารและเครื่องดื่ม, ค่ารถรับส่งระหว่างนำเที่ยวตามรายการที่ระบุ
  • ค่าธรรมเนียมบริการมัคคุเทศก์ท้องถิ่นในเขตเมืองเก่า, พระราชวังและหัวหน้าทัวร์ของบริษัทจากกรุงเทพฯ อำนวยความสะดวกแก่ท่านตลอดการเดินทางในต่างประเทศ
  • ค่าทิปพนักงานขับรถ / มัคคุเทศก์ท้องถิ่น / หัวหน้าทัวร์ที่บริการพร้อมคณะตลอดการเดินทาง
  • ค่าน้ำดื่มวันละ 1 ขวด (จำนวน 8 วันทัวร์)
  • ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งที่มีและภาษีสำหรับนักท่องเที่ยวหรือภาษีเมืองสำหรับการเข้าพักในเมืองทุกแห่ง
  • ค่าประกันอุบัติเหตุในระหว่างการเดินทาง ค่ารักษาพยาบาลวงเงินกรมธรรม์ 1,500,000 บาท (เฉพาะค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น ไม่ได้รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นอันเกิดจากอุบัติเหตุ อาทิ ค่าตั๋วโดยสาร, ค่าที่พัก, ค่าอาหารหรืออื่นๆ ทั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขของบริษัทประกันฯ และไม่รวมค่าใช้จ่ายระหว่างการกักตัวในต่างประเทศอันสืบเนื่องจากโควิด19 และเป็นไปตามเงื่อนไขของบริษัทประกัน)
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่มค่าบริการ 7%

อัตรานี้ไม่รวมบริการ

  • ค่าน้ำหนักของกระเป๋าเดินทางในกรณีที่เกินกว่าสายการบินกำหนด
  • ค่าธรรมเนียมการทำหนังสือเดินทาง
  • ค่าธรรมเนียมบริการนัดหมายและการยื่นวีซ่าเชงเก้น ท่านละ 4,500 บาท (สำหรับการยื่นวีซ่าเชงเก้นประเทศอิตาลี และอัตราเรียกเก็บอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่างประเทศ)
  • ค่าทิปพนักงานยกกระเป๋าทุกแห่ง ซึ่งท่านจะต้องดูแลกระเป๋าและทรัพย์สินของท่านด้วยตัวท่านเอง หรือหากต้องการการบริการยกกระเป๋าจะต้องชำระค่าทิปตามที่โรงแรมนั้นๆ เรียกเก็บ
  • ค่าอาหารหรือเครื่องดื่มที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ
  • ค่าทำใบอนุญาตที่กลับเข้าประเทศของคนต่างชาติ หรือ คนต่างด้าว
  • สัญญาณ Wifi และค่าอินเตอร์เน็ตในโรงแรม (ยกเว้นส่วนพื้นที่สาธารณะภายในโรงแรมที่มีการให้บริการฟรีหรือบางโรงแรมอาจมีให้บริการบนห้องพักด้วยขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละโรงแรม)
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนอกเหนือจากรายการที่ระบุ เช่น ค่าเครื่องดื่มและค่าอาหารที่สั่งเพิ่มเองค่าโทรศัพท์ ค่าซักรีดฯลฯ หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่มิได้คาดคิด เช่น การปรับค่าน้ำมัน, ค่าธรรมเนียมวีซ่าที่นอกเหนือจากที่ระบุหรือค่าแปลเอกสาร, ค่าบริการที่เกี่ยวกับวีซ่า หรืออื่นๆ ที่มิได้ระบุไว้ในรายการ
  • ค่าประกันภัยการเดินทางหรือประกันสุขภาพหรือประกันวาตภัยหรือเหตุร้ายแรงในต่างประเทศที่นอกเหนือจากประกันอุบัติเหตุที่ทางบริษัทฯ จัดไว้ให้ ท่านสามารถซื้อประกันเพิ่มเติมได้
  • ค่าธรรมเนียมการตรวจ PCR-test ก่อนเดินทางออกจากประเทศไทย ผลตรวจไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง (กรณีที่สายการบิน / ประเทศปลายทางต้องการ)
  • ค่าธรรมเนียมการตรวจ PCR-test ก่อนเดินทางกลับสู่ประเทศไทย ผลตรวจไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง (กรณีที่ประเทศไทยต้องการผลตรวจ)
  • ค่าธรรมเนียมบริการเกี่ยวกับการดำเนินการลงทะเบียนระบบ Thailand Pass/Test & Go และอื่นๆ ตามที่ภาครัฐกำหนด (อาจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังเป็นไปตามกลไกการเปลี่ยนแปลงจากภาครัฐเป็นสำคัญ)
  • ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการทำ Vaccine Passport
  • ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการกักตัวเมื่อมีการตรวจพบโควิดในช่วงใดๆ

การชำระเงิน 

ทางบริษัทฯ จะขอเก็บเงินค่ามัดจำเป็นจำนวน  35,000 บาทต่อผู้โดยสารหนึ่งท่าน สำหรับการจองทัวร์ โดยเรียกเก็บทันทีหลังจากการจองทัวร์ (และขอให้ชำระค่าวีซ่าเพิ่มเติมพร้อมมัดจำตามที่เรียกเก็บ) ส่วนที่เหลือจะขอเก็บทั้งหมดก่อนเดินทางอย่างน้อย 21 วันทำการ มิฉะนั้นทางบริษัทฯ จะขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินค่ามัดจำทั้งหมด

การยกเลิก

  1. หากมีการยกเลิกไม่น้อยกว่า 30 วันก่อนวันที่นำเที่ยว บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินมัดจำ โดยทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง อาทิ ค่ามัดจำตั๋วโดยสารเครื่องบิน, ค่าธรรมเนียมและค่าบริการในการขอวีซ่า และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ
  2. หากมีการยกเลิกไม่น้อยกว่า 15 วันก่อนวันที่นำเที่ยว บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงิน 50% ของค่าทัวร์ รวมถึงบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง อาทิ ค่ามัดจำตั๋วโดยสารเครื่องบิน, ค่าธรรมเนียมและค่าบริการในการขอวีซ่า และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ
  3. หากมีการยกเลิกน้อยกว่า 15 วันทำการก่อนวันที่นำเที่ยว บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินค่าทัวร์ทั้งหมด
  4. กรณีที่ต้องการออกตั๋วภายในประเทศ กรณีที่ลูกค้าอยู่ต่างจังหวัด ให้ท่านติดต่อเจ้าหน้าที่ทัวร์ก่อนออกบัตรโดยสารทุกครั้ง หากออกบัตรโดยสารโดยมิแจ้งเจ้าหน้าที่ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
Share on social networks
โปรแกรมทัวร์ที่น่าสนใจ