กัสโต้ เวิล์ด ทัวร์

บริการคุณภาพ ทุกเส้นทางท่องเที่ยว

เลขที่ 11/03295

ทัวร์ยุโรป EUROPE CLASSIC ROUTE

รหัส 055-2974
วันที่เดินทาง
มิ.ย.66
ช่วงเวลา
9 วัน 6 คืน
ราคาเริ่มต้น
95,900 บาท
แผนการเดินทาง
วันที่ 1
สนามบินสุวรรณภูมิ

20.00 น.   คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูทางเข้าหมาย 9 ROW U เคาน์เตอร์สายการบิน Turkish Airlines เจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกให้ท่านในการเช็คอินบัตรโดยสารและโหลดสัมภาระ (กรุณาตรงเวลา เนื่องจากกฎของสายการบิน ท่านต้องมาแสดงตัวของท่านเอง)

23.05 น.   ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK069

**กรณีที่บางท่านเดินทางมาจากต่างประเทศหรือต่างจังหวัดกรุณาตรวจสอบเวลาการเดินทางแต่ละกำหนดการเดินทางอีกครั้งก่อนทำการจองตั๋วโดยสารส่วนตัวของท่าน เนื่องจากรายการทัวร์เป็นรายการซีรี่และได้มีการดำเนินการไว้ล่วงหน้าหลายเดือน เมื่อเปลี่ยนฤดูกาล เวลาการเดินทางอาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย**

วันที่ 2
สนามบินอิสตันบุล (ตุรกี)-สนามบินชาร์ลเดอโกลล์-พระราชวังแวร์ซายส์-ปารีส (ฝรั่งเศส)

05.15 น.   เดินทางถึงสนามบินอิสตันบุล ประเทศตุรกี จากนั้นให้ท่านเปลี่ยนเครื่อง

07.00 น.   ออกเดินทางจากสนามบินอิสตันบุล โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK1821

09.40 น.   เดินทางถึงสนามบินชาร์ลเดอโกลล์ Charles de Gaulle นครปารีส นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว รถโค้ชรอรับท่านเดินทางสู่เมืองแวร์ซายส์ เมืองที่ตั้งของพระราชวังหรูหราชื่อดังของโลก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงปารีส ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของมหานครปารีส (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที)

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ.ภัตตาคารจีน

บ่าย   นำท่านเข้าชม พระราชวังแวร์ซายส์ Versailles Palace พระราชวังที่ยิ่งใหญ่และสวยงามแห่งหนึ่งของโลกและนับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบันด้วย เดิมนั้นแวร์ซายส์เป็นเพียงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น มีผู้คนอาศัยอยู่เบาบางบริเวณส่วนใหญ่เป็นป่าเขาเยี่ยงชนบทอื่นๆ ของฝรั่งเศส เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศสยังทรงพระเยาว์ ขณะพระชนมายุได้ 23 พระชันษา ทรงนิยมล่าสัตว์ในป่า และทรงเห็นว่าตำบลแวร์ซายส์น่าจะเหมาะแก่การประทับเพื่อล่าสัตว์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักสำหรับพักชั่วคราวเท่านั้น เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ขึ้นครองบัลลังก์ จึงมีพระประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังแห่งใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองของพระองค์ จึงเริ่มมีการปรับปรุงพระตำหนักเดิมในปี ค.ศ.1661 โดยใช้เงินทั้งหมด 5 แสนล้านฟรังค์ คนงานอีก 30,000 คนและใช้เวลาอยู่ถึง 30 ปีจึงแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1688 ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาวเป็นแบบอย่างศิลปกรรมที่งดงามมาก การก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้ได้นำเงินมาจากค่าภาษีอากรของราษฎรชาวฝรั่งเศส ต่อมาจึงได้มีกองทัพประชาชนบุกเข้ายึดพระราชวังและจับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส กับพระนางมารี อองตัวเนต ประหารด้วยกิโยติน ในวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ.1789 ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายส์ยังอยู่ในสภาพดีและเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ นำท่านชมภายในที่มีการแบ่งเป็นห้องต่างๆ อาทิ ห้องบรรทม  ห้องเสวย  ห้องสำราญ เป็นต้น ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระการตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียง อาทิ ห้องกระจก (Galerie des Glaces หรือ The Hall of Mirrors) เป็นห้องที่มีชื่อเสียงมากที่สุดซึ่งเคยใช้เป็น ห้องลงนามในสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตรกับจักรวรรดิเยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และใช้เป็นที่ลงนาม ในเมื่อเยอรมนีบุกตีชนะฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ห้องนี้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงทำการก่อสร้างเอง ภายในห้องประกอบด้วยกระจกยักษ์ 17 บาน เปิดออกแล้วจะเห็นสวนแวร์ซายส์อันสวยงาม ในพระราชวังแวร์ซายส์มีห้องทั้งหมด 700 ห้อง  รวมภาพวาดทั้งหมด 6,123 ภาพและงานแกะสลักทั้งหมด 15,034 ชิ้น พร้อมฟังบรรยายจากมัคคุเทศก์ทั้งในส่วนของกษัตริย์และพระราชินีรวมทั้งห้องโถงกระจกที่ทูตจากสยามได้เคยเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่14 ให้เวลาท่านเดินเล่นบริเวณอุทยาน สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางกลับเข้าสู่นครปารีส นำท่านชมมหานครปารีส นครหลวงแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากมายกว่า 20 ล้านคนต่อปี ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานทั้งศิลปะและสถาปัตยกรรมที่สวยงาม รวมทั้งเป็นศูนย์กลางของแฟชั่นที่ทันสมัย นำท่านถ่ายรูปกับหอไอเฟล Eiffel Tower หอคอยที่เป็นสัญลักษณ์หรือแลนด์มาร์คของประเทศฝรั่งเศสที่รู้จักกันไปทั่วโลก ทั้งยังเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลกอีกด้วย โดยสร้างขึ้นด้วยโครงเหล็กบริเวณแม่น้ำแซนในกรุงปารีส และตั้งชื่อตามสถาปนิกและวิศวกรที่ออกแบบหอคอยแห่งนี้คือกุสต๊าฟ ไอเฟิล เดิมสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ของงานแสดงสินค้าโลกในปี ค.ศ.1889 เพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศฝรั่งเศส ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์และต่อมากลายมาเป็นสัญลักษณ์ของกรุงปารีส และนำท่านเริ่มชมโดยรอบเริ่มจากเก็บภาพสวยของหอคอยไอเฟล อีกครั้งบริเวณหน้าโรงเรียนการทหารหรือจัตุรัสทรอคาเดโร, ผ่านชมประตูชัยแห่งจักรพรรดินโปเลียน ณ.จัตุรัสชาร์ลสเดอโกลล์, ถนนชองเอลิเซ่ย่านหรูหราราคาแพงที่โด่งดัง จัตุรัสคองคอร์ตที่ตั้งของเสาหินโอเบลิสจากวิหารลักซอร์ในอียิปต์, โดมอินวาลิด สถานที่เก็บพระศพจักรพรรดินโปเลียน เป็นต้น ให้ท่านถ่ายรูปภายนอกกับพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ พิพิธภัณฑ์ทางศิลปะตั้งอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุดและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้รับการออกแบบจากสถาปนิกชาวจีน-อเมริกัน ซึ่งได้เปิดให้สาธารณะชนเข้าชมได้เมื่อปี ค.ศ.1793 มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์กาเปเซียง ตัวอาคารเดิมเคยเป็นพระราชวังหลวง ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดงและเก็บรักษา  ผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น ภาพเขียนโมนาลิซา ผลงานของลีโอนาร์โด ดาวินชี หรือภาพ Venus de Milo ของอเล็กซานดรอสแห่งแอนทีออก ในปี ค.ศ.2006 ซึ่งพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์มีผู้มาเยี่ยมชมเป็นจำนวน 8.3 ล้านคน ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในโลกและยังเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในกรุงปารีส  จากนั้นให้ท่านช้อปปิ้งสินค้าคุณภาพดีของฝรั่งเศสจากร้านค้าปลอดภาษี หรือเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายคอลเล็คชั่นใหม่ๆ จากห้างสรรพสินค้า La Samaritaine Paris ห้างใหญ่ใจกลางกรุงปารีสใกล้สถานีรถไฟ Pont Neuf ที่ขยายจากร้านเสื้อผ้าเล็กๆ สู่อาคารห้างสรรพสินค้าที่มีแผนกต่างๆ กว่า 90 แผนก ตกแต่งอย่างหรูหราสวยงาม และยังใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำซีรี่เรื่องดัง Emily in Paris ซึ่งออกอากาศทาง Netflix

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง พร้อมให้ท่านลิ้มรสเมนูหอยเอสคาโก เมนูดังของฝรั่งเศส

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก Best Western Plus Paris Velizy หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 3
ปารีส-ดิจ็อง (ฝรั่งเศส)-ลูเซิร์น (สวิตเซอร์แลนด์)

เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองดิจอง Dijon เมืองสำคัญทางการศึกษาอีกเมืองหนึ่งของฝรั่งเศส ในแคว้นเบอร์กันดีและยังเป็นแหล่งปลูกองุ่นพันธ์ดีเพื่อทำไวน์รสดีอีกแหล่งหนึ่งของฝรั่งเศส และยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางด้านศาสนา ซึ่งประกอบไปด้วยวังของขุนนางชั้นสูงหรือโบสถ์สไตล์คลาสสิค จัดเป็นสมบัติล้ำค่าของประเทศ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง) ผ่านชมทัศนียภาพสองข้างทาง

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน

บ่าย   เดินทางสู่ เมืองลูเซิร์น (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง) เมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของสวิสที่หลายท่านอาจจะเคยไปเยือนมาแล้ว แต่ลูเซิร์นก็ยังคงมีความสวยงามเหมือนเดิม

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก Ibis Styles Luzern City หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 4
ลูเซิร์น-หมู่บ้านอิเซลท์วาลด์-ยอดเขาฮาร์ดเดอร์คุล์ม-อินเทอร์ลาเก้น (สวิตเซอร์แลนด์)

เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านชมเมืองลูเซิร์น เมืองใหญ่ที่สุดในภาคกลางของประเทศ ทำให้เมืองลูเซิร์นกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ, การคมนาคมและวัฒนธรรมของภาคกลาง มีแม่น้ำร็อยส์ไหลผ่านกลางเมืองและสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเขตเทือกเขาแอลป์ เขาพิลาทุสและเขาริกิได้อีกด้วย ชมอนุเสาวรีย์สิงโตและถ่ายรูปกับสะพานไม้ชาเพล สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 ประดับตกแต่งบนโครงหลังคาหน้าจั่วด้วยภาพวาดในศตวรรษที่ 17 ซึ่งภาพเขียนเหล่านี้เป็นการเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของเมืองลูเซิร์น โดยมีหอคอยน้ำ Wasserturm ซึ่งเดิมใช้เป็นที่คุมขังนักโทษและเก็บเอกสารรวมทั้งของมีค่าของเมืองไว้ หอคอยนี้มีลักษณะเป็นรูปทรงแปดเหลี่ยมที่มีฐานเชื่อมติดอยู่กับสะพานสร้างขึ้นราวปี ค.ศ.1300 สะพานแห่งนี้เคยถูกไฟไหม้ไปเมื่อปี ค.ศ.1993 แล้วก็มีการบูรณะใหม่จนมีสภาพใกล้เคียงของเดิม (ภาพวาดดั้งเดิมถูกไฟไหม้ไปเยอะ) สะพานชาเพลนี้ถือเป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป และมีเวลาให้ท่านเลือกสินค้าคุณภาพดีของสวิส

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

บ่าย   นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านอิเซลท์วาลด์ Iseltwald Village หมู่บ้านเล็กๆ ในอ้อมกอดของทะเลสาบเบรียนซ์ Brienz ทะเลสาบสีฟ้าใสที่ได้ชื่อว่ามีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศสวิตเซอร์แลนด์และยังเป็นสถานที่ถ่ายทำซีนี่เกาหลีเรื่องดัง Crash Landing on You ที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งกับภาพบรรยากาศที่สวยงามและน่ารักมากๆ ให้ท่านมีเวลาเก็บภาพสวยงามของหมู่บ้านบนเขตทะเลสาบเบรียนซ์ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองอินเทอร์ลาเก้น (ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ) นำท่านเดินทางสู่สถานีรถราง นำท่านเดินทางด้วยรถรางผ่านไปตามความลาดชัน 64 องศา ผ่านทะเลสาบและภูเขาสวยงามยิ่ง นำท่านขึ้นสู่ ยอดเขาฮาร์ดเดอร์คุล์ม Harder Kulm ที่ได้ฉายาว่าเป็น Top of Interlaken นำท่านขึ้นสู่จุดชมวิวที่มีความโดดเด่นที่ความสูง 1,322 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ท่านสามารถชมทัศนียภาพที่สวยงามแบบสุดๆ ของเมืองอินเทอร์ลาเก้นได้แบบพาโนรามา โดยด้านซ้ายเป็นทะเลสาบเบรียนซ์และด้านขวาเป็นทะเลสาบทูนอย่างสง่างามที่ถูกโอบล้อมไปด้วยทิวเขาสูงตระหง่านที่มีชื่อเสียงระดับโลก ให้ท่านชื่นชมทัศนียภาพของยอดเขา Eiger, Monch และ Jungfrau อีกด้วย

สมควรแก่เวลานำท่านนั่งรถรางลงจากยอดเขา ให้ท่านมีเวลาเลือกซื้อสินค้าคุณภาพสวิสจากตัวเมืองอินเทอร์ลาเก้น

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก The Hay หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 5
อินเทอร์ลาเก้น-ช้อปปิ้ง FoxTown Outlet (สวิตเซอร์แลนด์)-โคโม่-มิลาน (อิตาลี)

เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเมนดริโซ่ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) ที่ตั้งของเอ๊าท์เล็ตในเขตประเทศสวิตเซอร์แลนด์

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

บ่าย   นำท่านเข้าสู่ FoxTown Factory Stores แหล่งรวมร้านค้าแบรนด์เนมต่างๆ มากมาย อาทิ Adidas, Armani, Bally, BOSS, Burberry, Calvin Klein, COACH, DIESEL, Dolce & Gabbana, Furla, GUCCI, GUESS, Lacoste, Lee, Levi’s, Longchamp, Michael Kors, New Balance, Nike, Nine West, Polo, Prada, Puma, Quicksilver, Skechers, Timberland, Valentino, VANS เป็นต้น พร้อมกับโปรโมชั่นหลากหลาย

สมควรแก่เวลานัดหมายนำท่านเดินทางข้ามพรมแดนจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เดินทางสู่ประเทศอิตาลีผ่านไปยังเมืองโคโม่ Como (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) ให้ท่านได้เดินเล่นบริเวณทะเลสาบโคโม่ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยงามที่สุดของอิตาลี ในแคว้นลอมบาร์เดีย ทางเหนือของประเทศอิตาลี บริเวณเชิงเทือกเขาแอลป์ ทะเลสาบโคโม่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงที่ยังมีป่าไม้เขียวชอุ่ม หลายจุดบนชายฝั่งเป็นช่องเขาแคบและหน้าผาที่สวยงาม ทางเหนือของทะเลสาบคือเทือกเขาแอลป์ยาวเหยียดสุดสายตาเป็นกำแพงธรรมชาติที่สร้างฉากหลังอันงดงามอลังการให้กับดินแดนบริเวณนี้ เทือกเขาแอลป์นั้นมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดปี จึงทำให้สามารถเล่นสกีหิมะได้ตลอดเวลา จึงเป็นจุดดึงดูดให้ผู้คนจากทั่วโลกหลั่งไหลมาท่องเที่ยวพักผ่อนกันอย่างไม่ขาดสาย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมิลาน Milan หรือ มิลาโน Milano ในภาษาอิตาเลียนซึ่งเป็นเมืองสำคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี เมืองแห่งแฟชั่นดีไซน์เนอร์ชื่อดังของอิตาลี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง)  ชม เมืองมิลาน เมืองหลักของแคว้นลอมบาร์เดียและเป็นเมืองสำคัญทางภาคเหนือของประเทศอิตาลี มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลักษณะเดียวกับนิวยอร์ค  ปารีส  ลอนดอน และกรุงโรมนอกจากนี้ยังเป็นที่รู้จักในด้านอุตสาหกรรม ผ้าไหม และแหล่งผลิตรถยนต์ อัลฟา โรมีโอ รวมไปถึงสโมสรฟุตบอลอินเตอร์มิลานและสโมสรฟุตบอลเอซีมิลาน นำท่านชมจัตุรัสสกาล่าและรูปปั้นดาวินชี และให้ท่านถ่ายรูปและชมความยิ่งใหญ่ภายนอกของ มหาวิหารแห่งเมืองมิลานหรือมิลานดูโอโม มหาวิหารหินอ่อนแบบโกธิคที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในยุโรป สร้างในปี ค.ศ.1386 ด้วยศิลปะแบบนีโอโกธิคผสมผสานกันเป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ใช้เวลาสร้างนานถึง 500 ปี มีความวิจิตรงดงามและประดับประดาไปด้วยรูปปั้นนับกว่า 3,000 รูป มีหลังคายอดเรียวแหลมจำนวน 135 ยอด บนสุดมีรูปปั้นทองขนาด 4 เมตรของพระแม่มาดอนน่าเป็นสง่าอยู่ มีลานกว้างด้านหน้าดูโอโมที่มีอนุสาวรีย์พระเจ้าวิคเตอร์เอ็มมานูเอลที่ 2 ทรงม้าคือสถานที่จัดงานสำคัญต่างๆ ในบริเวณเดียวกันยังเป็นที่ตั้งของ แกลเลอรี่ วิคเตอร์ เอ็มมานูเอล ที่นับว่าเป็นช้อปปิ้งอาเขตที่สวยที่สุดในอิตาลี มากว่า 100 ปี พร้อมถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์ของ ลิโอนาร์โด ดาร์วินชีจิตรกรเอกที่โด่งดังจากภาพโมนาลิซ่า ให้เวลาท่านได้เลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำ อาทิ Prada, Louis Vuitton, GUCCI เป็นต้น **เพื่อความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าให้ท่านอิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย**

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก NH Milano Fiera หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 6
มิลาน-เวนิส-เกาะเวนิส-เวนิสเมสเทร่ (อิตาลี)

เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวนิส Venice Mestre ตั้งอยู่ในเขตแคว้นเวเนโต้ เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนเป็นจำนวนมากมายในแต่ละปี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง)

เดินทางสู่ ท่าเรือทรอนเชตโต้ เพื่อข้ามสู่ เกาะเวนิส อดีตเมืองที่เคยร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่งในยุคกลางเกาะเวนิสประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่งที่ศูนย์กลางอยู่ที่ จัตุรัสเซนต์มาร์ค หรือ ซานมาร์โค ชุมชนที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะต่างๆ ของเมืองเวนิสที่มีคลองต่างๆ มากมายนับร้อยแห่ง เป็นเมืองเดียวในโลกที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็กเกาะน้อยกลางทะเลสาบเวนิเทียในทะเลเอเดรียติกตามฉายาที่ว่าเป็นราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก นับเป็นบรรยากาศที่ไม่มีที่ใดเหมือนและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะเมือง

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมืองด้วยเมนูสปาเก็ตตี้ซอสหมึกดำ เมนูยอดนิยมและเป็นเอกลักษณ์ของอิตาลี

บ่าย   นำท่านเดินเล่นชมเกาะเวนิส Venice Island ที่มีฉายาว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำ คือเป็นเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยน้ำ มีคลองใหญ่ผ่านกลางเมืองเรียกกันว่าแกรนด์คาแนล มีลักษณะเป็นรูปตัวเอสกลับด้านและมีคลองย่อยกว่า 150 สาย ทำให้เกิดน้ำท่วมได้เมื่อระดับน้ำขึ้นสูง การเดินทางภายในเมืองใช้การเดินและสัญจรทางเรือแทนถนน เรือที่พบเห็นได้มีเรือส่วนตัวและเรือสาธารณะต่างๆ เช่น เรือโดยสาร Vaporetto เรือกอนโดล่า และแท็กซี่น้ำ เป็นต้น ทำให้ความสวยงามนี้ตรึงตาตรึงใจเหมือนอยู่ในโลกแห่งนิทานและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใดในโลก โดยเริ่มจากศูนย์กลางของเกาะเวนิสที่จัตุรัสเซนต์มาร์คหรือซานมาร์โค ที่ตั้งของโบสถ์สำคัญแห่งเมืองเวนิสที่เริ่มสร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี ค.ศ.823 ผสมผสานไปด้วยศิลปะของหลายยุคไว้ด้วยกันตั้งแต่ยุคไบเซนไทน์ โรมาเนสก์ โกธิคจนถึงยุคเรอแนสซองส์ โดยหลังคาโบสถ์สร้างเลียนแบบวิหารโดมแบบสุเหร่าของศาสนาอิสลามประดับด้วยโมเสกสีทองอร่ามหลายล้านชิ้นตั้งแต่หลังคาจรดพื้นจึงได้รับสมญานามว่าโบสถ์แห่งทองคำ Church of Gold และชมหอระฆังซานมาร์โค Campanile de San Marco เป็นหอระฆังที่มีความสูงถึง 98 เมตรตั้งอยู่ด้านหน้าของมหาวิหารซานมาร์โค จัดว่าเป็นจุดแลนด์มาร์คที่สำคัญของเกาะเวนิสเลยทีเดียว เดินต่อมาชมสะพานสะอื้น Bridge of Sights ที่เชื่อมระหว่างคุกหลวงและพระราชวังดอร์ดจ Palazzo Ducale พระราชวังสไตล์โกธิคของดยุคผู้ครองเมืองเวนิส และชมสะพานริอัลโต ที่ทอดข้ามแกรนด์คาเนล คลองที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวและเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวอีกมากมาย ซึ่งจะเชื่อมระหว่างเกาะซานมาร์โคและเกาะซานโปโล อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเวนิส มีความเก่าแก่ที่สุด ครั้งแรกๆ สร้างขึ้นด้วยไม้ ต่อมามีการรื้อถอนและสร้างใหม่ด้วยหินอย่างที่เห็นกันใน ให้เวลาท่านเดินเล่นชมบรรยากาศบนเกาะพร้อมเลือกซื้อสินค้าขึ้นชื่ออาทิ เครื่องแก้วเวนีเซีย หรือ หน้ากากเทศกาลคาร์นิวัล หรือไม่ว่าจะเป็นสินค้าแบรนด์เนม  ท่านอาจใช้เวลานั่งจิบกาแฟตามร้านกาแฟ ที่ตั้งอยู่รอบจัตุรัสเซนต์มาร์ค เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศที่แสนโรแมนติก สมควรแก่เวลานัดหมายนำท่านล่องเรือกลับสู่ฝั่งเมสเทร่ Mestre

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก Venice Mestre Castellana หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 7
เวนิสเมสเทร่-ปิซ่า-โรม (อิตาลี)

เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองปิซ่า (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศอิตาลี ผ่านชมความงดงามของทัศนียภาพที่งดงามเป็นระเบียบของบ้านเมืองและบ้านเรือนต่างๆ

นำท่าน ชมเมืองปิซ่า Pisa อดีตเมืองท่าเรือชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเป็นที่ตั้งของหอเอนปิซ่า นำท่านชม 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก “หอเอนปิซ่า” ให้เวลาท่านเดินเล่นถ่ายรูปกับหอเอนปิซ่า ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นหอระฆังแห่งวิหารประจำเมือง แต่เพียงการเริ่มต้นของการสร้างถึงบริเวณชั้น 3 ก็เกิดการทรุดตัวและต้องหยุดการก่อสร้างจนถัดมาอีกร่วม 100 ปี ถึงได้สร้างต่อจนเสร็จสมบูรณ์และยังเป็นสถานที่กาลิเลโอ เคยมาพิสูจน์เรื่องแรงโน้มถ่วงของโลกและการตกของวัตถุด้วย

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน

บ่าย   นำท่านเดินทางสู่กรุงโรม เมืองหลวงและเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศอิตาลี แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากมายจากทุกมุมโลกต่างเดินทางมากรุงโรม เพื่อชื่นชมกับสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์แห่งความยิ่งใหญ่ โรมเป็นมหานครที่มีสีสันเฉพาะตัว คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยว (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) นำท่านผ่านชม กรุงโรม นครหลวงแห่งสาธารณรัฐอิตาลี อดีตแห่งจักรวรรดิโรมัน อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่มาเมื่อกว่า 2,000 ปี ชื่นชมกับสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์แห่งความยิ่งใหญ่ โรมเป็นมหานครที่มีสีสันเฉพาะตัว ชมภายนอกพร้อมถ่ายภาพของ สนามกีฬาโคลอสเซี่ยม สิ่งก่อสร้างที่เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งเป็นสนามกีฬายักษ์ที่จุคนได้กว่า 50,000 คน ถ่ายภาพกับประตูชัยคอนสแตนติน สัญลักษณ์แห่งชัยชนะ ผ่านชมอนุเสาวรีย์ของพระเจ้าวิคเตอร์เอ็มมานูเอ็ลหรือพระบิดาของชาวอิตาเลียน ผ่านชมร่องรอยของศูนย์กลางแห่งจักรวรรดิ์โรมันที่ย่าน โรมันฟอรั่ม ที่เปรียบเสมือนใจกลางเมืองหลวงในอดีต ผ่านชมสนามม้ากรีฑาเซอร์คัส แมกซิมุส

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก Venice Mestre Castellana หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 8
โรม-วาติกัน-มหาวิหารเซ้นต์ปีเตอร์-พิพิธภัณฑ์วาติกันและโบสถ์น้อยซิสทิน-ช้อปปิ้งย่านบันไดสเปน-สนามบินกรุงโรม (อิตาลี)-สนามบินอิสตันบุล (ตุรกี)

เช้า   รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

นำท่านเข้าชมภายในของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ St.Peter Basilica แห่งนครรัฐวาติกัน เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใจกลางแห่งกรุงโรม ซึ่งมีความงดงามด้วยศิลปะในยุคเรอแนสซองส์และยังได้รับการตกแต่งอย่างโอ่อ่าและหรูหราและได้ชื่อว่าเป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ชมรูปปั้นและจิตรกรรมอันล้ำค่าโดยฝีมือของจิตรกรเอกชื่อดังก้องโลก ชมรูปแกะสลักปิเอต้าที่พระแม่ประคองร่างพระเยซูหลังปลดลงจากไม้กางเขนผลงานชิ้นเอกของไมเคิล แองเจลโล หรือเสาพลับพลาที่ออกแบบโดยแบร์นีนี และยอดโดมขนาดใหญ่ที่หาชมได้ยาก ซึ่งปัจจุบันล้วนแต่เป็นสิ่งล้ำค่าของประเทศอิตาลี พร้อมนำท่านชม พิพิธภัณฑ์แห่งวาติกัน Vatican Museum และโบสถ์น้อยซิสทิน Sistine Chapel ซึ่งเป็นห้องที่ถูกวาดขึ้นโดยไมเคิลแองเจลโล ซึ่งใช้เวลาวาดนานกว่า 4 ปี (ภายในไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ) ชมความล้ำค่าไม่ว่าจะเป็นมัมมี่จากประเทศอิยิปต์ ศิลปะ รูปปั้น  ภาพเขียน  รวมถึงภาพวาดที่อยู่บนเพดานและผนังทุกแห่ง โดยภาพที่มีชื่อเสียงที่สุด ได้แก่ The Last Judgment ภาพที่แสดงถึงจุดกำเนิดของชีวิต นรก และสวรรค์ ตามความเชื่อของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค และให้ท่านถ่ายรูปกับจัตุรัสหน้าวิหารเซนต์ปีเตอร์ ที่ท่านอาจเคยเห็นจากการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ในช่วงเวลาสำคัญๆ ของคาทอลิค จากนั้นนำท่านผ่านชมประตูชัยแห่งคอนสแตนติน Arch of Constantine โดยสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงชัยชนะของกรุงคอสสแตนติน เป็นซุ้มประตูที่ใหญ่ที่สุดของโรมันมีความสูงถึง 21 เมตร, อนุเสาวรีย์วิกเตอร์เอ็มมานูเอ็ล หรือ Altare Della Patria อนุเสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติของวิกเตอร์เอ็มมานูเอ็ล พระราชาองค์แรกของอิตาลีที่มีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร และที่นี่ยังเป็นอนุสรณ์ทหารที่กล้าหาญเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 1 อีกด้วย ก่อนนำท่านสู่บริเวณ น้ำพุเทรวี่ Trevi Fountain หนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของกรุงโรม สถานที่นักท่องเที่ยวมาโยนเหรียญเสี่ยงทายตามเรื่องราวจากภาพยนตร์เรื่อง Three Coins in The Fountain และ Spanish Step หรือบันไดสเปน แหล่งผู้คนและวัยรุ่นมานั่งเล่นและเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงโรม และให้เวลาท่านเลือกซื้อสินค้าจากร้านค้าปลอดภาษี แหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนม อาทิ Rimowa, Michael Kors, Gucci, Tag Heuer, Armani, Bally, Gabs, Bvlgari, Mido, Longchamp, Rado, Ferragamo เป็นต้น **เพื่อความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าให้ท่านอิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย**

15.30 น.   ให้ท่านเตรียมตัวเดินทางสู่สนามบินกรุงโรม เพื่อให้ท่านเช็คอินบัตรโดยสารและโหลดสัมภาระ

19.45 น.   ออกเดินทางจากสนามบินฟูมิชิโน่ โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK1864

23.20 น.   เดินทางถึงสนามบินอิสตันบุล ประเทศตุรกี จากนั้นให้ท่านเปลี่ยนเครื่อง

วันที่ 9
สนามบินอิสตันบุล (ตุรกี)-สนามบินสุวรรณภูมิ

01.45 น.   ออกเดินทางจากสนามบินอิสตันบุล โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK068

15.20 น.   เดินทางถึง เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ..

**กรณีที่บางท่านเดินทางกลับต่างประเทศหรือต่างจังหวัดกรุณาตรวจสอบเวลาการเดินทางแต่ละกำหนดการเดินทางอีกครั้งก่อนทำการจองตั๋วโดยสารส่วนตัวของท่าน เนื่องจากรายการทัวร์เป็นรายการซีรี่และได้มีการดำเนินการไว้ล่วงหน้าหลายเดือน เมื่อเปลี่ยนฤดูกาล เวลาการเดินทางอาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย**

เงื่อนไข

อัตรานี้รวมบริการ

  • ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับโดยสายการบิน Turkish Airlines เส้นทาง กรุงเทพฯ-อิสตันบุล-ปารีส / / โรม-อิสตันบุล-กรุงเทพฯ ชั้นประหยัด และค่าโหลดสัมภาระไม่เกินที่สายการบินกำหนดท่านละ 30 กิโลกรัม / ท่าน (ท่านละไม่เกิน 2 ชิ้น) และสำหรับถือขึ้นเครื่องไม่เกิน 7 กิโลกรัม / ท่าน
  • ค่าภาษีน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าประกันภัยการเดินทางที่มีการเรียกเก็บจากสายการบิน โดยคำนวนจากวันที่จองและออกตั๋วโดยสาร หากมีเปลี่ยนแปลงตั๋วโดยสารหรือเพิ่มเติมภายหลังหรือมีการเปลี่ยนแปลงอัตราการผกผันค่าน้ำมันหรือภาษีใดๆ จะต้องมีการชำระเพิ่มตามกฎและเงื่อนไขของสายการบิน (อัตราค่าน้ำมันเชื้อเพลิงคำนวณไว้ ณ วันที่ 22 ธ.ค.2565)
  • ค่าโรงแรมที่พักตามรายการที่ระบุ (2 ท่าน / 1 ห้อง) เนื่องจากโรงแรมส่วนใหญ่ไม่มีห้องพักแบบ 3 เตียง (Triple Room) กรณีที่เดินทาง 3 ท่าน ท่านต้องพักเป็น 2 ห้อง (1 Twin + 1 Single) โดยชำระค่าพักเดี่ยวเพิ่ม
  • ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ, ค่าอาหารและเครื่องดื่ม, ค่ารถรับส่งระหว่างนำเที่ยวตามรายการที่ระบุ
  • ค่าธรรมเนียมบริการมัคคุเทศก์ท้องถิ่นในเขตเมืองเก่า, พระราชวังและหัวหน้าทัวร์ของบริษัทจากกรุงเทพฯ อำนวยความสะดวกแก่ท่านตลอดการเดินทางในต่างประเทศ
  • ค่าทิปพนักงานขับรถ / มัคคุเทศก์ท้องถิ่น / หัวหน้าทัวร์ที่บริการพร้อมคณะตลอดการเดินทาง
  • ค่าน้ำดื่มวันละ 1 ขวด (จำนวน 7 วันทัวร์)
  • ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งที่มีและภาษีสำหรับนักท่องเที่ยวหรือภาษีเมืองสำหรับการเข้าพักในเมืองทุกแห่ง
  • ค่าประกันอุบัติเหตุในระหว่างการเดินทาง ค่ารักษาพยาบาลวงเงินกรมธรรม์ 1,500,000 บาท (เฉพาะค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น ไม่ได้รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นอันเกิดจากอุบัติเหตุ อาทิ ค่าตั๋วโดยสาร, ค่าที่พัก, ค่าอาหารหรืออื่นๆ ทั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขของบริษัทประกันฯ และไม่รวมค่าใช้จ่ายระหว่างการกักตัวในต่างประเทศอันสืบเนื่องจากโควิด19 และเป็นไปตามเงื่อนไขของบริษัทประกัน)
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่มค่าบริการ 7%

อัตรานี้ไม่รวมบริการ

  • ค่าน้ำหนักของกระเป๋าเดินทางในกรณีที่เกินกว่าสายการบินกำหนด
  • ค่าธรรมเนียมการทำหนังสือเดินทาง
  • ค่าธรรมเนียมบริการนัดหมายและการยื่นวีซ่าเชงเก้น ท่านละ 4,500 บาท (สำหรับการยื่นวีซ่าเชงเก้นประเทศอิตาลี และอัตราเรียกเก็บอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่างประเทศ)
  • ค่าทิปพนักงานยกกระเป๋าทุกแห่ง ซึ่งท่านจะต้องดูแลกระเป๋าและทรัพย์สินของท่านด้วยตัวท่านเอง หรือหากต้องการการบริการยกกระเป๋าจะต้องชำระค่าทิปตามที่โรงแรมนั้นๆ เรียกเก็บ
  • ค่าอาหารหรือเครื่องดื่มที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ
  • ค่าทำใบอนุญาตที่กลับเข้าประเทศของคนต่างชาติ หรือ คนต่างด้าว
  • สัญญาณ Wifi และค่าอินเตอร์เน็ตในโรงแรม (ยกเว้นส่วนพื้นที่สาธารณะภายในโรงแรมที่มีการให้บริการฟรีหรือบางโรงแรมอาจมีให้บริการบนห้องพักด้วยขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละโรงแรม)
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนอกเหนือจากรายการที่ระบุ เช่น ค่าเครื่องดื่มและค่าอาหารที่สั่งเพิ่มเองค่าโทรศัพท์ ค่าซักรีดฯลฯ หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่มิได้คาดคิด เช่น การปรับค่าน้ำมัน, ค่าธรรมเนียมวีซ่าที่นอกเหนือจากที่ระบุหรือค่าแปลเอกสาร, ค่าบริการที่เกี่ยวกับวีซ่า หรืออื่นๆ ที่มิได้ระบุไว้ในรายการ
  • ค่าประกันภัยการเดินทางหรือประกันสุขภาพหรือประกันวาตภัยหรือเหตุร้ายแรงในต่างประเทศที่นอกเหนือจากประกันอุบัติเหตุที่ทางบริษัทฯ จัดไว้ให้ ท่านสามารถซื้อประกันเพิ่มเติมได้
  • ค่าธรรมเนียมการตรวจ PCR-test ก่อนเดินทางออกจากประเทศไทย ผลตรวจไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง (กรณีที่สายการบิน / ประเทศปลายทางต้องการ)
  • ค่าธรรมเนียมการตรวจ PCR-test ก่อนเดินทางกลับสู่ประเทศไทย ผลตรวจไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง (กรณีที่ประเทศไทยต้องการผลตรวจ)
  • ค่าธรรมเนียมบริการเกี่ยวกับการดำเนินการลงทะเบียนระบบ Thailand Pass/Test & Go และอื่นๆ ตามที่ภาครัฐกำหนด (อาจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังเป็นไปตามกลไกการเปลี่ยนแปลงจากภาครัฐเป็นสำคัญ)
  • ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการทำ Vaccine Passport
  • ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการกักตัวเมื่อมีการตรวจพบโควิดในช่วงใดๆ

การชำระเงิน 

ทางบริษัทฯ จะขอเก็บเงินค่ามัดจำเป็นจำนวน  35,000 บาทต่อผู้โดยสารหนึ่งท่าน สำหรับการจองทัวร์ โดยเรียกเก็บทันทีหลังจากการจองทัวร์ (และขอให้ชำระค่าวีซ่าเพิ่มเติมพร้อมมัดจำตามที่เรียกเก็บ) ส่วนที่เหลือจะขอเก็บทั้งหมดก่อนเดินทางอย่างน้อย 21 วันทำการ มิฉะนั้นทางบริษัทฯ จะขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินค่ามัดจำทั้งหมด

การยกเลิก

  1. หากมีการยกเลิกไม่น้อยกว่า 30 วันก่อนวันที่นำเที่ยว บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินมัดจำ โดยทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง อาทิ ค่ามัดจำตั๋วโดยสารเครื่องบิน, ค่าธรรมเนียมและค่าบริการในการขอวีซ่า และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ
  2. หากมีการยกเลิกไม่น้อยกว่า 15 วันก่อนวันที่นำเที่ยว บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงิน 50% ของค่าทัวร์ รวมถึงบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง อาทิ ค่ามัดจำตั๋วโดยสารเครื่องบิน, ค่าธรรมเนียมและค่าบริการในการขอวีซ่า และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ
  3. หากมีการยกเลิกน้อยกว่า 15 วันทำการก่อนวันที่นำเที่ยว บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินค่าทัวร์ทั้งหมด
  4. กรณีที่ต้องการออกตั๋วภายในประเทศ กรณีที่ลูกค้าอยู่ต่างจังหวัด ให้ท่านติดต่อเจ้าหน้าที่ทัวร์ก่อนออกบัตรโดยสารทุกครั้ง หากออกบัตรโดยสารโดยมิแจ้งเจ้าหน้าที่ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
Share on social networks
โปรแกรมทัวร์ที่น่าสนใจ
  • เม.ย.66
  • 5 วัน 3 คืน
เริ่มต้น 42,999 บาท
  • ก.ย.65 - ธ.ค.65
  • 3 วัน 2 คืน
เริ่มต้น 23,999 บาท
  • ก.ย.65 - ต.ค.65
  • 8 วัน 5 คืน
เริ่มต้น 59,900 บาท