20.45 น. สมาชิกทุกท่านพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศชั้น 4 เคาร์เตอร์สายการบินไทย (เคาเตอร์ D) พร้อมเจ้าหน้าที่คอยดูแลเช็คสัมภาระและบัตรที่นั่งบนเครื่อง
23.45 น. ออกเดินทางสู่แฟรงค์เฟิร์ต โดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG 920
06.15 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน หลังผ่านการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว
นำท่านเดินทางสู่ “เมืองไฮเดลเบิร์ก” ชมย่านเมืองเก่า ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับปราสาทไฮเดลเบิร์ก ที่สร้างขึ้นอยู่บนเชิงเขาเหนือแม่น้ำเน็กคาร์ ซึ่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองได้โดยรอบ โดยตัวปราสาทสร้างด้วยหินทรายสีแดงซึ่งมีอายุกว่า 900 ปี นอกจากไฮเดลแบร์กจะเป็นเมืองประวัติศาสตร์สำหรับเยอรมนีแล้ว ยังเป็นเมืองประวัติศาสตร์สำหรับคนไทย คือเป็นในหลวง รัชกาลที่ 8 ทรงพระราชสมภพ ณ เมืองนี้ จากนั้นเดินทางสู่เมือง “โรเธนเบิร์ก” หรือชื่อเต็มว่า โรเทินบวร์ค อ็อพ แดร์ เทาเบอร์ (Rothenburg ob der Tauber) เป็นเมืองปราการ ที่ตั้งอยู่บนแม่น้ำเทาเบอร์ เขตเมืองเก่าสร้างขึ้นในสมัยยุคกลาง ซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีจนถึงปัจจุบัน เมืองแห่งนี้ยังตั้งอยู่บนถนนสายโรแมนติกซึ่งเป็นเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมมากที่สุด ในตอนใต้ของรัฐบาวาเรีย ในอดีตโรเทินเบิร์ก เคยมีฐานะเป็นเมืองอิสระของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งในยุคหนึ่ง เมืองนี้เคยเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ที่สุดของ จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ อีกด้วย
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านออกเดินทางสู่ “เมืองนูเรมเบิร์ก” เมืองประวัติศาสตร์ของแคว้นบาวาเรีย เป็นเมืองในศตวรรษที่ 10 เรืองอำนาจและเป็นศูนย์กลางของชาวโรมัน เข้าสู่เขตเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่สวยงามมากมาย เช่น คฤหาสถ์ขุนนางนัสเซา (Nassau House) บ้านขุนนางชั้นสูงสมัยยุคกลาง วิหารเซนต์ ลอเรนซ์ ที่สร้างตั้งแต่ปี 1250-1477, น้ำพุแห่งความดีงาม (Tugendbrunnen) บนสุดประดับด้วยรูปปั้นเทพีแห่งความยุติธรรม, ตลาดคริสท์คินเดิล (Hauptmarkt) เป็นตลาดกลางในจัตุรัสกลางเมือง, โรงพยาบาลเก่า “Heilig-Geist-Spital” ที่อยู่ติดแม่น้ำแพ็กนิตซ์ และโบสถ์เฟราเอน (Frauenkirche) คือว่าเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุดอีกแห่งของเมือง สร้างด้วยอิฐสีแดง เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในเมือง สร้างตามแบบกอธิก ในปี ค.ศ. 1468 (เป็นหนึ่งในตลาดคริสต์มาสที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนีและเป็นหนึ่งในตลาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ตลาดคริสต์มาสนูเรมเบิร์ก เปิด 25 พฤศจิกายน ถึง 24 ธันวาคม2022) นำท่านออก เดินทางสู่ “เมืองมิวนิค” Munich เป็นเมืองที่อยู่ทางใต้ของประเทศเยอรมนี และเป็นเมือง หลวงของแคว้นบาวาเรียมิวนิคเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ (รองจากเบอร์ลินและฮัมบูร์ก) และเป็นหนึ่งในเมืองมั่งคั่งที่สุดของยุโรปเป็นเมืองที่ร่ำรวยศิลปะ และสถาปัตยกรรมสไตร์บารอก และเรอเนสซองส์ เมืองที่รอคอยให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกลิ่นอายขนบธรรมเนียมประเพณีแบบบาวาเรียนแท้ๆที่เปี่ยมเสน่ห์และน่าหลงใหล นำท่านนั่งรถผ่านชมเมืองมิวนิค ที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมในหลายรูปแบบ อย่างสวยงามคลาสสิคหรือทันสมัย อาทิ จัตุรัสมาเรียนพลาส (Marien Platz) ศูนย์รวมกิจกรรมนานาชนิดของชาวมิวนิค ถ่ายรูปคู่กับศาลากลางมิวนิค ที่สร้างเมื่อปี ค.ศ.1867-1908 ซึ่งมีหอระฆังอันมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ตั้งอยู่ตัวหอคอย มีความสูงถึง 278 ฟุตนำท่านเดินเล่นย่าน “จัตุรัสมาเรียน” ย่านเมืองเก่าที่มีสถาปัตยกรรมอันเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของมิวนิค เช่นศาลาว่าการเก่าในรูปแบบศิลปะโกธิค หอคอยของโบสถ์แม่พระที่มีรูปแบบคล้ายหัวหอมใหญ่
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร โฮฟบรอยเฮาส์ เมนูพิเศษ ขาหมูเยอรมันหนังอบกรอบ+ไส้กรอก เสิร์ฟคู่กับเบียร์เยอรมัน พร้อมชมโชว์การเต้นรำแบบวัฒนธรรมบาวาเรี่ยน
พักที่ : Pullman Munich หรือที่พักระดับใกล้เคียง
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
นำท่านออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ “เมือง โอเบอรามาเกา” “Oberammergau” เมืองเล็กๆ ตัวเมืองยังงดงามด้วยภาพเขียนสีบนผนังบ้านเรือนที่เกี่ยวกับคริสต์ศาสนาทั่วทั้งเมืองมีร้านรวงเล็กๆที่จำหน่ายสินค้าของที่ระลึกสำหรับศาสนิก เก็บภาพประทับใจกับบรรยากาศที่คลาสสิก จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่เมือง “เอททัล Ettal” นำท่านเข้าชมสำนักสงฆ์แห่งเมือง เอททัล Kloster Ettal ได้รับการขึ้นทะเบียน UNESCO สำนักสงฆ์แห่งนี้ ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1330 ตรงกับวันสมโภชประจำปีของนักบุญวิทาลลิสแห่งมิลาน (Vitalis of Milan) โดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 4 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านออกเดินทางผ่านเมืองในหุบเขาอันงดงามเข้าสู่เมือง “เบดโทรซ์” Bad Tölz คำว่า Bad ในภาษาเยอรมันนั้นไม่ได้แปลว่า เน่า เสีย เลว ร้าย เหมือนภาษาอังกฤษ แต่กลับแปลว่า Bath คือ ที่อาบน้ำ มีหลายเมืองที่มีคำว่า Bad นำหน้า ซึ่งหมายความว่าเมืองนั้นเป็นเมืองสปาหรือเมืองที่มีสถานที่บำบัดและฟื้นฟูร่างกายโดยการใช้น้ำแร่ นำท่านออกเดินทางสู่ “เกาะแฮเรนคิมเซ่” (Herrenchiemsee) จากนั้นนำท่านเข้าชมภายใน “พระราชวังแฮเรนคิมเซ่” ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นพระราชวังที่งดงามที่สุดในโลก โดยมีต้นแบบมาจากพระราชวังแวร์ซายน์ในประเทศฝรั่งเศส กษัตริย์ลุควิคที่ 2 แห่งบาวาเรีย ทุ่มเทเงินทองเพื่อให้พระราชวังแห่งนี้งามสง่าสมพระเกียรติ ตัวพระราชวังโอบล้อมด้วยความร่มรื่นของป่าไม้นานาพันธ์ และเชื่อมด้วยคลองขนาดใหญ่ ขนาบข้างด้วยสนามหญ้า สวนสวยและน้ำพุแบบฝรั่งเศส ทำให้ดูงามสง่ายิ่งขึ้น นำท่านออกเดินทางสู่เมือง “เบิร์ชเทสกาเด้น” Berchtesgaden
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่ : Alpenhotel Fischer Hotel Berchtesgaden, หรือที่พักระดับใกล้เคียง
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
นำท่านชม “เมืองเบิร์ชเทสกาเด้น” (Berchtesgaden) เจ้าของเส้นทางดิอัลไพน์โร้ด 1 ใน 6 เส้นทางแสนสวยและยังเป็นเส้นทางเก่าแก่ที่สุดที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้เลาะเลียบเทือกเขาแอลป์ เมืองนี้ถูกก่อตั้งขึ้นให้เป็นศูนย์กลางทางการค้าและการสำรวจหาเกลือและสินแร่บริเวณเมืองเก่าเต็มไปด้วย ศิลปะการสร้างอาคารในรูปแบบบาวาเรียตอนบน ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตกแต่งด้วยลายปูนสไตล์สตัดโก้ และในอดีตเคยเป็น ฐานบัญชาการใหญ่ของกองทัพนาซีทางตอนใต้ จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่บริเวณ “ทะเลสาบโคนิคซี” (Konigssee) กล่าวกันว่าทะเลสาบโคนิคส์เป็นทะเลสาบที่มีน้ำใสบริสุทธิ์มากที่สุดในประเทศเยอรมัน ในทะเลสาบแห่งนี้จึงอนุญาติให้เรือที่ใช้เครื่องยนต์ไฟฟ้าและเรือพายเท่านั้นที่สามารถใช้สัญจรได้ นำท่านลงเรือลงชมความงดงามของทะเลสาบโคนิคส์ เรือจะล่องไปจนกระทั้งถึงที่ตั้งของโบสถ์นักบุญบาโธโลมิว (St.Bartholomew’s Church) โบสถ์คาธอลิกอันศักดิ์สิทธิ์เป็นศาสนสถานที่สำคัญในการแสวงบุญของชาวคริสต์ โบสถ์นี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1134 ตามแบบสถาปัตยกรรมบารอกโดยมีหลังคาเป็นรูปทรงเปลวเทียน(หัวหอม) มีเวลาให้ท่านเก็บภาพความประทับใจจากนั้นนำท่านนั่งเรือกลับ
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
บ่าย นำท่านเที่ยวชม “เมืองอาร์มเซา” (Ramsau) เมืองท่องเที่ยวในเทือกเขาแอลป์บาวาเรีย เป็นเมืองเล็กๆ ที่โอบล้อมด้วยขุนเขาและสายน้ำสวยงาม ชมโบสถ์เซนต์เซบาสเตียน (The Church of St. Sebastian) คริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกที่มักปรากฏบนโปสการ์ดและได้รับความนิยมมากในหมู่นักถ่ายภาพและเหล่าจิตรกร เนื่องจากที่ตั้งของโบสถ์มีความสวยงามและมีภูมิทัศน์สำหรับการวาดภาพ จากนั้นนำท่านเข้าสู่ “เมืองซอลส์เบิร์ก” เมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสี่ของประเทศออสเตรีย เมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยศิลปะแบบบาโรคจนได้ชื่อว่าเป็นนครหลวงแห่งศิลปะบาโรค เป็นบ้านเกิดของคีตกวีเอกของโลก โวล์ฟกังก์อมาเดอุส โมสาร์ท(Wolfgang AmadeusMozart)และเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อมตะเรื่อง The Sound of Music และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1997 นำท่านชมสถานที่ถ่ายทำที่สำคัญๆที่ท่านต้องตื่นตาตื่นใจกับความงดงามของสถานที่ต่างๆ เหล่านั้นนำท่านเดินเข้าชมสวนมิราเบลล์ (Mirabell Garden) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังมิราเบลล์ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1606 โดยพระราชประสงค์ของเจ้าชาย อาร์คบิชอป วูล์ฟดาย์ทริซ เพื่อมอบให้ชู้รักนามว่านางซาโลเม อัลท์ (Salome Alt) กล่าวกันว่าใช้เวลาก่อสร้างเพียงหกเดือนเท่านั้น ปัจจุบันเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมที่สุดของคู่บ่าวสาวและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก มีเวลาให้ท่านเดินชมและเก็บภาพความสวยงาม จากนั้นนำท่านเดินข้ามสะพานแม่น้ำซอลซาค (Salzach River) อันงดงามมุ่งสู่ เขตเมืองเก่าเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับบ้านของโมสาร์ท โมซาร์ทเกิดในปี ค.ศ.1756 ในบ้าน Hagenauer Haus เลขที่ 9 นำท่านเข้าชมปราสาทโฮเฮนซาลส์เบิร์ก (Hohensalzburg Castle) ปราสาทเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 10 ตั้งอยู่บนภูเขากลางเมืองที่ระดับความสูง 506 เมตร สามารถมองเห็นปราสาทหลังนี้ได้จากทั่วทั้งเมือง แต่นอกจากความสวยงามตามแบบฉบับปราสาทยุคกลางแล้ว ปราสาทนี้ยังมีดีกรีเป็นถึงปราสาทยุคกลางที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอีกด้วย จากนั้นนำท่านชมสถานที่ที่สำคัญๆ ของเมืองเก่าที่ท่านต้องตื่นตาตื่นใจกับความงดงามของสถานที่ต่างๆ เหล่านั้น จากนั้นมีเวลาอิสระเพื่อให้ได้ท่านสนุกสนานกับการจับจ่ายใช้สอยในการเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนม, สินค้าที่ระลึกชื่อดังมากมาย ตลอดจนขนมและช็อคโกแลตชื่อดังจากออสเตรียมากมาย
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
พักที่ : NH City Salzberg, Wyndham Grand Salzburg Centre หรือที่พักระดับใกล้เคียง
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
นำท่านออกเดินทางสู่ “หมู่บ้านเซนต์กิลเกน” (St.Gilgen) เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบวูล์ฟกัง(Wolfgangsee)อันงดงามและล้อมรอบด้วยเทือกเขา Salzkammergut ซึ่งมีความงามตามธรรมชาติมากๆ เป็นเมืองยุคกลางที่เต็มไปด้วยอาคารเก่าโบราณที่มีสีสันราบเรียบ และเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงมีสีสันมากขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19 เนื่องจากชาวเวียนนาร่ำรวยมากขึ้น จึงเริ่มสร้างบ้านฤดูร้อนของพวกเขาที่เมืองนี้หมู่บ้านกิลเกน(St.Gilgen) ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับโมซาร์ท เนื่องจากมารดาของเขาเกิดในเมืองนี้และสมาชิกคนอื่นๆในครอบครัวของเขาก็พำนักอาศัยและทำงานที่เมืองนี้เช่นเดียวกัน นำท่านเดินสู่สถานีกระเช้าซวอล์ฟเฟอฮอร์น (Zwölferhorn Seilbahn) นำท่านโดยสารกระเช้าขึ้นสู่เขาซวอล์ฟเฟอฮอร์น (สูง 1,000 เมตร) ใช้เวลาเพียง10นาที ขึ้นสู่จุดชมวิวที่สวยงามของทะเลสาบวูล์ฟังและตัวเมืองกิลเกน ท่านจะต้องประทับใจไปกับภาพความงดงามของทัวทัศน์มีเวลาให้ท่านเก็บภาพและซื้อของที่ระลึก ได้เวลาสมควรนำท่านออกเดินทางสู่ “หมู่บ้านฮัลล์ชตัทท์” เมืองริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในออสเตรีย
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
นำท่านเดินสู่ท่าเรือ ลงเรือล่องชมความงดงามของธรรมชาติและสถาปัตยกรรมของบ้านเรือนที่เรียงรายอยู่รอบทะเลสาบแสนสวยแห่งนี้ ***หมายเหตุ…กรณีไม่สามารถล่องเรือได้ ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์นำท่านขึ้นรถรางชมวิวทะเลสาบบน Sky walk หรือสถานที่ท่องเที่ยวจุดอื่นแทน ตัวเมืองฮัลล์สตัทท์นั้นตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของ “ทะเลสาบฮัลล์ชตัทท์ ” หรือ ฮัลล์ชตัทท์เทอร์ ซี เป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศออสเตรีย โดยเมืองฮัลล์ชตัทท์นั้นอยู่ในรัฐอัปเปอร์ออสเตรีย ซึ่งเป็น 1 ใน 9 รัฐของประเทศออสเตรีย ดินแดนซึ่งมีวัฒนธรรมสืบทอดต่อกันมานานถึง 3,500 ปีชมเมือง ฮัลล์ชตัทท์ อิสระทุกท่านชมสถาปัตยกรรมบ้านเรือนและโบสถ์ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวด้วยการประดับเครื่องไม้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากจารีตประเพณีที่ยังคงมีชีวิตชีวา
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมืองเมนูพิเศษ ปลาเทราส์อบ เสริฟทั้งตัว พร้อมเครื่องดื่ม
พักที่ : Heritage Hotel / Seehotel Grüner Baum หรือที่พักระดับใกล้เคียง
*** กรณีโรงแรมที่พักในหมู่บ้านฮัลสตัทท์ เต็มทางบริษัทฯ ของสงวนสิทธิ์ย้ายโรงแรมไปพักยังเมืองเซนต์วูล์ฟกังหรือเซนต์กิลเกนแทน ***
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
นำท่านออกเดินทางสู่ “โกเซา” Gosau ชมธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของเมืองเล็กๆแห่งนี้ บนแนวเทือกเขาแอลป์ที่ระดับความสูง 767 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทางตอนกลางของประเทศออสเตรีย เมืองนี้มีผู้คนตั้งรกรากมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 กาเซาลายล้อมไปด้วยธรรมชาติและป่าไม้อันแสนอุดมสมบูรณ์ ให้ท่านได้สัมผัสป่าไม้และลำธารอันแสนอุดมสมบูรณ์ เดิมทีประชากรที่เมืองนี้ประกอบอาชีพทำเหมืองเกลือมาตั้งแต่อดีตแต่ปัจจุบันการท่องเที่ยวเริ่มเข้ามาเป็นรายได้หลักของที่นี้ นำท่านเดินทางสู่ “เมือง เซลล์ แอม ซี” (Zell am See) อีกหนึ่งเมืองสกีรีสอร์ทขนาดย่อม มีประชากรอาศัยอยู่ ไม่ถึง 10,000 คน ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเยือนอย่างไม่ขาดสายตลอดทั้งปี เนื่องจากตั้งอยู่ริมทะเลสาบเซลและล้อมรอบด้วยหุบเขาทำให้สภาพอากาศเย็นสบายและมีความร่มรื่นตลอดทุกฤดูกาล อิสระให้ท่านเดินเก็บภาพประทับใจในเมืองน่ารักแห่งนี้ได้อย่างเต็มที่
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านออกเดินทางสู่ “เมืองวัทเทนส์” Wattens เป็นที่ตั้งของบริษัทคริสตัลสวารอฟสกี้ (Swarovski Crystal Glass Company) โรงงานผลิตคริสตรัลที่มีชื่อเสียงระดับโลกหรือที่รู้จักกันในชื่อ สวารอฟสกี้ คริสตัล เวิลด์ (Swarovski Crystal World) โรงงานผลิตคริสตรัลที่มีชื่อเสียงระดับโลกหรือที่รู้จักกันในชื่อ สวารอฟสกี้ คริสตัล เวิลด์ (Swarovski Crystal World) ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของเมืองไปแล้ว โดยเฉพาะที่สวารอฟสกี้คริสตัลเวิลด์นั้นถือว่าเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนเมืองวัทเทนส์ได้เป็นอย่างดี นำท่านชม “เมืองอินซ์บรูกซ์” เมืองท่องเที่ยวในแคว้นทิโรล แห่งลุ่มแม่น้ำอินน์ที่มีอายุกว่า 800 ปี อดีตเคยเป็นศูนย์กลางทางการค้าบนถนนสายโรมัน Via Cuaudla Augusta ตั้งอยู่ใจกลางเทือกเขาแอลป์ซึ่งเป็น แหล่งสกีเป็นที่รู้จักกัน ดีของชาวยุโรป จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาวถึง 2 ครั้ง นำท่านสู่ “ถนนมาเรียเทเรซ่า” ถนนสายหลักของเมืองอินน์สบรูก เชื่อมระหว่างเขตเมืองเก่ากับย่านช้อปปิ้งสมัยใหม่ ตรงกลางถนนเป็นที่ตั้งของ “เสาอันนาซอยแล” (เสานักบุญแอนน์) ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อรำลึกถึงการถอนกองกำลัง ทหารบาวาเรีย ออกไปจากเมือง เข้าสู่ “ย่านเมืองเก่า” ที่ยังคงสภาพและบรรยากาศของยุคกลางได้เป็นอย่างดี อาคารบ้านเรือนที่มีอาร์คเดคชั้นล่างและมีมุขยื่นออกมาที่ชั้นบน แสดงให้เห็นถึง สถาปัตยกรรมแบบโกธิคตอนปลาย และเรอเนสซองส์ นำท่านชมสัญลักษณ์ของเมือง “หลังคาทองคำ” Golden Roof ที่สร้างในปี ค.ศ.1500 สมัยจักรพรรดิแม็กซิมิเลี่ยนที่ 1 หลังคามุงด้วยแผ่นทองแดงเคลือบทองสว่างไสว และโรงแรมเก่าแก่ประจำเมือง โรงแรมโกลเดนเนอร์แอดเลอร์ ซึ่งเคยใช้ในการต้อนรับเจ้านายในราชวงศ์และบุคคลชั้นสูงจากต่างแดนหลายท่าน
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร Goldener Adler Innsbruck ซึ่งเคยใช้ในการต้อนรับเจ้านายในราชวงศ์และบุคคลชั้นสูงจากต่างแดนหลายท่าน
พักที่ : Hotel Schwarzer Adler Innsbruck / Grauer Bar Hotel Innsbruck หรือที่พักระดับใกล้เคียง
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
นำท่านออกเดินทางสู่ “เมืองบรีเก้น” (Bregenz) รอยต่อสามประเทศเยอรมัน ออสเตรีย และสวิสฯ ผ่านแนวเทือกเขาแอลป์ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าสน,ต้นเบิร์ชสีเขียงขจี ที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวช่วยสร้างความงามให้กับเส้นทาง เดินทางถึงเมือง “บรีเกนซ์” Bregenz เป็นจุดชมวิวทะเลสาบคอนสแตนซ์ ที่สวยที่สุดของเมืองมีเวลาให้ท่านได้เก็บภาพความงดงามของทะเลสาบและเทือกเขาแอล์ป สุดแสนสวยงาม ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่เมืองชไว้ซ์ (Schwyz) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านสู่ สถานีรถไฟ Stoosbahn สถานีที่ใช้เวลาสร้างยาวนานถึง 14 ปี เพื่อนำท่านเปิดประสบการณ์ นั่งรถไฟขึ้นเขาสตูบาห์น (Stoosbahn) ที่ชันที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์และยุโรป เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปี 2017 แทนที่รถรางอันเก่าที่เปิดใช้มาตั้งแต่ปี 1933 ลักษณะของรถไฟจะมีรูปทรงกลมคล้ายถังบ่มเบียร์ ดูแปลกตาและทันสมัยมาก นำท่านสู่ “หมู่บ้านสตูส” (Stoos) หมู่บ้านเล็กๆปลอดมลพิษเนื่องจากไม่มีการใช้รถยนต์ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ ที่ระดับความสูง 1,300 เมตร มีโบสถ์ประจำหมู่บ้านที่ถือเป็นจุดแลนด์มาร์คซึ่งสามารถถ่ายรูปได้อย่างสวยงาม สมควรแก่เวลานำท่านลงจากหมู่บ้าน นำท่านเดินทางไปยังสถานที่ที่ทำ RT-PCR-TEST จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่เมือง “อินเทอร์ลาเค่น” เมืองหลวงของแบร์นเนอร์โอเบอร์ลันด์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เมืองตากอากาศสวยงามพร้อมทะเลสาบ 2 แห่งกลางเมือง ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบสองแห่งคือ Thunersee และ Brienzersee ท่ามกลางเทือกเขาน้อยใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านจะได้เห็นเขาจุงเฟราอันลือชื่อ, นาฬิกาดอกไม้, สถานคาสิโน ฯลฯ ตรงนี้แหละคือ สวิสฯแบบสุดสุด อย่างที่หลายคนยังไม่เคยได้สัมผัส และยังใช้เป็นฉากภาพยนตร์ไทยเรื่องวันนี้ที่รอคอยมีเวลาให้ท่านได้อิสระกับการเลือกซื้อสินค้าสวิสฯอาทิเช่น นาฬิกาแบรนด์เนมชื่อดัง มีดพับ, ช็อคโกแลต ฯลฯ และเดินเล่นถ่ายภาพกับบรรยากาศอันโรแมนติก / นำท่านเข้าสู่ที่พัก
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคารไทย
พักที่ : Royal St.Georges Hotel, Metropol Hotel หรือที่พักระดับใกล้เคียง
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางเข้าสู่ “หมู่บ้านเลาเทอร์บรุนเนน” ท่านจะได้ชมวิวหมู่บ้านที่น่ารักระหว่างเส้นทางนำท่านชมวิวน้ำตกชเตาบ์บาค (Staubbach Waterfall) ที่ไหลลงมาจากหน้าผาเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของหมู่บ้านแห่งนี้ นำท่านเข้าสู่สถานีรถไฟเลาเทอร์บรุนเนน โดยสารรถไฟฟันเฟือง สายท่องเที่ยวขบวนพิเศษ ที่มีกระจกกว้างกว่าปกติเพื่อชมธรรมชาติของเทือกเขาแอล์ปชมวิวทิวทัศน์อันงดงามของสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อนำท่านพิชิต “ยอดเขาจุงเฟรา” ที่ได้ชื่อว่า “สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป” เป็นพื้นที่ “มรดกโลก” ทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรป นำท่านเปลี่ยนขบวนรถไฟ (Cog Wheel) ณ “สถานีไคลน์ไชเด็ค” รถไฟที่จะนำท่านเดินทางลอดอุโมงค์ที่ชาวสวิสฯได้ขุดเจาะไว้ที่ความสูงถึง 3,454 เมตร สู่ “สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป” บนยอดเขาจุงเฟราที่มีความหมายว่า “สาวน้อย” ที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 11,333 ฟุต ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น Top of Europe เมื่อขบวนรถไฟเดินทางถึงสถานีจุงเฟราแล้ว จากนั้นนำท่านเข้าชม “ถ้ำน้ำแข็ง 1,000 ปี” ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี ชมงานแกะสลักน้ำแข็งที่สวยงามอยู่ใต้ธารน้ำแข็ง 30 เมตร ให้ท่านเก็บภาพเป็นที่ระลึก จากนั้นนำท่านโดยสารลิฟต์ขึ้นสู่ชั้นบนของอาคารเพื่อเดินออกสู่ลานหิมะด้านนอก “ชมกลาเซียร์ หรือ ธารน้ำแข็ง” ให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามและยิ่งใหญ่ของของธารน้ำแข็ง Aletsch ที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์(มรดกโลกทางธรรมชาติ) มีเวลาให้ทุกท่านสนุกสนานบนลานหิมะอย่างเต็มที่ สำหรับภายในตัวอาคารจุงเฟรายังมีห้องนิศรรษการเกี่ยวกับประวัติการสร้างทางรถไฟจุงเฟรา, ร้านจำหน่ายช็อคโกแลตลินน์, ร้านนาฬิกาและร้านจำหน่ายของที่ระลึก ท่านสามารถส่งโปรการ์ดถึงคนพิเศษเพื่อเป็นที่ระลึกจากยอดเขาแห่งนี้ได้อีกด้วย
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคารบนยอดเขา Panorama Restaurant
บ่าย ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางลงเขาด้วยรถไฟ ฟันเฟืองสู่สถานีไอเกอร์ (Eiger) เปลี่ยนการเดินทางเป็นกระเช้าไฟฟ้า “นำท่านโดยสารกระเช้าชมวิวเทือกเขาแอล์ป (THE V-CABLEWAY)” ลงสู่สถานีกริลเดลวาล์วกรุนด์ ซึ่งใช้เวลาเพียง 12 นาทีเท่านั้น จากนั้นนำท่านออกเดินทางกลับสู่ “เมืองอินเทอร์ลาเก้น”
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง เมนูพิเศษ สวิสฯฟองดู เราเสริฟท่านชุดใหญ่จัดเต็ม : ชีสฟองดูต้นตำรับ ตามด้วยฟองดูบูร์กีญอง และของหวาน *ช๊อกโกแล๊ตฟองดู* (เสริฟพร้อมไวน์แดงท้องถิ่น)
พักที่ : Royal St.Georges Hotel, Metropol Hotel หรือที่พักระดับใกล้เคียง
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
นำท่านออกเดินทางสู่ “ทะเลสาบเบลาซี” (BLAUSEE) หรือทะเลสาบสีน้ำเงิน เป็นทะเลสาบขนาดเล็ก ที่มีสีฟ้าตามชื่อเรียก อยู่ในเขต BERNESE OBERLAND เป็นสถานที่เพาะพันธ์ปลาเทราท์แบบออร์แกนิกเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ เข้ามาตกปลาเทราท์และบริการเรือพายให้นักท่องเที่ยว ทะเลสาบแห่งนี้มีความสวยงามในทุกฤดูโดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและถ่ายภาพตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านชม “เมืองซุก (Zug) เมืองแสนสวยริมทะเลสาบซุก เมืองซุกเป็นทั้งเมืองหลวงและแคว้นในเวลาเดียวกัน เป็นแคว้นที่ร่ำรวยมาก เนื่องจากบริษัทข้ามชาติมาเปิดออฟฟิต ในแคว้นนี้มากที่สุด ทำให้อัตราการเก็บภาษี ของแคว้นนี้ต่ำที่สุดในประเทศสวิส(อัตราการครอบครองรถหรูมากที่สุดในสวิส) นำท่านเดินชมโบสถ์กลางเมือง และตึกเก่าแก่อายุกว่า 500 ปี นำท่านเดินชมบริเวณริมทะเลสาบที่ทางรัฐบาลท้องถิ่นได้ลงทุนทำจุดชมชีวิตสัตว์น้ำใต้ทะเลสาบ ท่านจะเห็นพันธุ์ปลาชนิดต่างๆ ในทะเลสาบแห่งนี้ อิสระทุกท่านในถนนคนเดินที่มีร้านค้าพื้นเมือง ของที่ระลึกรวมทั้งนาฬิกาสวิสฯ ราคาพิเศษกว่าแคว้นอื่นๆ
เที่ยง บริการอาหารมื้อกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่เมืองลูเซิร์น(Lucerne) นำท่านล่องเรือทะเลสาบลูเซิร์น หรือ ทะเลสาบเวียวาลด์สแตร์ทเตอร์ (ทะเลสาบสี่พันธรัฐ) ซึ่งได้ชื่อว่าสวยสุดในสวิตเซอร์แลนด์มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีความงดงามของทัศนียภาพอยู่ท่ามกลางหุบเขา โอบล้อมด้วยยอดเขาริกิและยอดเขาพิลาตุส ทำให้วิวทิวทัศน์ดูงดงามยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นทะเลสาบที่สวยงาม ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา มองไปทางไหน ก็จะเห็นภูเขาโอบล้อมเพื่อชมความงามของบ้านเรือนบนเนินเขา ตลอด 2 ฝั่ง ที่สวยงามน่ารัก ท่ามกลางบรรยากาศที่สุดแสนโรแมนติค นำท่านชมเมืองเก่า “เมืองลูเซิร์น (Lucerne) เมืองที่ได้ชื่อว่ามีนักท่องเที่ยวบันทึกภาพไว้มากที่สุดในสวิสฯ นำคณะถ่ายภาพคู่กับ “อนุสาวรีย์สิงโต” อนุสรณ์รำลึกถึงการเสียชีวิตของทหารสวิสฯผู้ถวายการอารักขาแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ในสงครามปฏิวัติใหญ่ฝรั่งเศส นำท่านเดินชมเมืองเก่าเดินข้าม “สะพานไม้คาเปล” ที่มีชื่อเสียงที่สุดของลูเซิร์น ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาคลุมตลอด ทอดตัวข้าม “แม่น้ำรุซซ์” (Reuss) ซึ่งสร้างมากว่า 660 ปี เพื่อเชื่อมเขตเมืองใหม่ในฝั่งใต้และเขตเมืองเก่าในฝั่งเหนือ สะพานแห่งนี้เคยถูกไฟไหม้เมื่อปี 1993 แต่ก็ได้บูรณะใหม่จนมีสภาพใกล้เคียงของเดิมจากนั้นอิสระทุกท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย/ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่ซูริค
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักที่ : Sheraton Hotel Zurich / Renaissance Zurich Tower Hotel หรือระดับใกล้เคียง
เช้า บริการอาหารมื้อเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
นำท่านออกเดินทางเข้าสู่ “เมืองซาฟเฮาส์เซ่น” Schaffhausen เมืองชายแดนเยอรมัน-สวิสฯ ชมความสวยงามของน้ำตกไรน์ ซึ่งเกิดจากแม่น้ำไรน์สายน้ำนานาชาติที่สำคัญที่สุดในยุโรป แม่น้ำแห่งนี้เกิดขึ้นจากการละลายของหิมะจากเทือกเขาแอลป์เริ่มจากเป็นลำธารเล็กๆ ผ่านลิคเท่นสไตน์เข้าสู่ทะเลสาบคอนสแตนท์ที่กั้นพรหมแดนระหว่างสวิตเซอร์แลนด์กับเยอรมันนี ส่วนที่ล้นไหลออกจากทะเลสาบคอนสแตนท์ก่อกำเนิดแม่น้ำไรน์สายใหญ่ ไหลผ่านหน้าผาสูงชันที่เมืองซาฟเฮาส์เซ่นเกิดเป็น “น้ำตกไรน์ที่สวยงามที่สุดในยุโรปกลาง” นำท่านออกเดินทางสู่สนามบินนานาชาติซูริคให้ท่านได้มีเวลาในการทำภาษีก่อนขึ้นเครื่องเดินทางกลับ
13.50 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯโดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG 973
09.50 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ / โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
อัตราค่าบริการนี้รวม
อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม
***หมายเหตุ โปรแกรมการเดินทางอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม เนื่องจากสภาพ ลม ,ฟ้า , อากาศ,การล่าช้าอันเนื่องมาจากสายการบิน และสถานการณ์ในต่างประเทศที่ทางคณะเดินทางในขณะนั้น เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง โดย ได้มอบหมายให้ หัวหน้าทัวร์ผู้นำทัวร์ มีอำนาจตัดสินใจ ณ ขณะนั้นทั้งนี้การตัดสินใจ จะคำนึงถึงผลประโยชน์ของหมู่คณะเป็นสำคัญ***
เงื่อนไขการสำรองที่นั่ง และการชำระเงิน
หมายเหตุ
เงื่อนไขการยกเลิก