กัสโต้ เวิล์ด ทัวร์

บริการคุณภาพ ทุกเส้นทางท่องเที่ยว

เลขที่ 11/03295

ทัวร์ยุโรป มหัศจรรย์…ฝรั่งเศส สวิต อิตาลี พักฝรั่งเศส

รหัส 008-3044
วันที่เดินทาง
เม.ย.66
ช่วงเวลา
10 วัน 7 คืน
ราคาเริ่มต้น
102,999 บาท
แผนการเดินทาง
วันที่ 1
สนามบินสุวรรณภูมิ • สนามบินดูไบ • กรุงปารีส

23.00 น. : พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 10 ROW U เคาน์เตอร์ สายการบินเอมิเรตต์ Emirate Airline (EK) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการเช็คอินให้แก่ทุกท่าน

วันที่ 2
ประตูชัยอาร์กเดอทรียงฟ์ • ถนนช็องเซลีเซ

02.00 น. : ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเที่ยวบินที่ EK 377  (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)

06.00 น. : เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ (เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง)

08.20 น. : ออกเดินทางสู่ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยเที่ยวบินที่ EK 73

13.30 น. : เดินทางถึงเดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติปารีส ชาร์ล เดอ โกลด์ ประเทศฝรั่งเศส (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง)

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงปารีส เมื่องหลวงสุดโรแมนติกของประเทศฝรั่งเศส หนึ่งในจุดหมายปลายทางในฝันของใครหลายๆ คนที่แม้กระทั่งชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่นอกเมืองหรือต่างจังหวัด หรือต่างแคว้นแดนไกล กล่าวว่าตราบใดที่มีลมหายใจ ก็ขอให้ได้เห็นมหานครปารีสสักครั้ง

จากนั้น นำท่านถ่ายรูปกับ ประตูชัยอาร์กเดอทรียงฟ์ (ARC DE TRIOMPHE) วงเวียนที่เชื่อมถนน12 เส้นของปารีสไว้ โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นสดุดีทหารฝรั่งเศสที่ร่วมรบในสงครามต่างๆ โดยเฉพาะในสงครามนโปเลียน เนื่องจากเริ่มสร้างในรัชสมัยของพระองค์หลังได้รับชัยชนะในสงครามยุทธการที่เอาสเทอร์ลิทซ์ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 1805 นอกเหนือจากนั้น ประตูชัยแห่งนี้ก็ยังเป็นที่ฝังศพทหารนิรนามในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 อีกด้วย อาร์กเดอทรียงฟ์ มีความสูง 49.5 เมตร กว้าง 45 เมตร และหนาถึง 22 เมตร ทางทิศตะวันตกยังเป็นที่ตั้งของถนนสายที่โด่งดังที่สุดของโลกสายหนึ่ง นั่นคือ ถนนช็องเซลีเซ (CHAMPS-ÉLYSÉES) ถนนที่ได้ชื่อมาจากสวนสวรรค์ของเหล่าเทพปกรนัมกรีก ในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของการขยายพื้นที่สวยหย่อมของพระราชวังตุยเลอรี โดยเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรป ทรงมีพระราชดำรัสให้นำรูปแบบถนนช็องเซลีเซ มาสร้างเป็นถนนพระราชดำเนินกลางในกรุงเทพมหานคร ว่ากันว่าอัตราค่าเช่าพื้นที่บนถนนแห่งนี้มีมูลค่าสูงที่สุดในยุโรป และเป็นที่ตั้งของสินค้าแบรนด์ระดับโลกมากมายทั้ง Louis Vuitton, Hermès, Omega, Lacoste, Swarovski, Longchamp ก็มีให้เลือกสรรอย่างครบถ้วน หรือหากท่านใดสนใจจิบกาแฟ ทานเบเกอรี่ชิลๆ ตลอดถนนเส้นนี้ก็มีร้านให้ท่านได้เลือกชิมอย่างอัดแน่น

ค่ำ : อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย เพื่อไม่เป็นการรบกวนเวลาของท่าน

วันที่ 3
พระราชวังแวร์ซายส์ • จัตุรัสทอคาเดโร • ล่องเรือแม่น้ำแซน • ห้าง Samaritaine • พิพิธภัณฑ์ลูฟร์

เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าชม พระราชวังแวร์ซายส์ (Château de Versailles) หนึ่งในพระราชวังที่มีคนพูดถึงมากที่สุด และยังเป็น1ใน7สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบันอีกด้วย แต่เดิมนั้นเป็นเพียงเมืองเล็กๆที่พระมหากษัตริย์ราชวงศ์บูร์บงโปรดมาล่าสัตว์เท่านั้นแต่เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่14 ครั้งทรงพระเยาว์ เสด็จตามพระราชบิดามาล่าสัตว์ ทรงโปรดพื้นที่บริเวณนี้มากเมื่อทรงขึ้นครองราชย์นจึงมีพระราชดำรัสให้สร้างพระราชวังแห่งใหม่แทนพระราชวังลูฟท์ที่กรุงปารีสโดยมีพระราชประสงค์ให้เป็นพระราชวังที่สวยงามที่สุดในโลก

เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน

ชมจุดถ่ายรูปหอไอเฟลที่สวยที่สุด ณ จัตุรัสทรอกาเดโร (TROCADÉRO) แต่เดิมบริเวณนี้เคยใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญๆ ของประเทศอยู่หลายครั้ง แต่โด่งดังด้วยเพราะทัศนียภาพที่ท่านจะสามารถเห็น หอไอไฟล (EIFFEL) ได้อย่างไม่มีอะไรมาบดบัง โดยหอส่งสัญญาแห่งนี้นั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ของพาปารีสที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง หอไอเฟลนั้น ตั้งตามชื่อของสถาปนิกผู้ออกแบบ กุสตาฟ ไอเฟล เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ในงาน แสดงสินค้าโลก ในปี 1889 เมื่อมีภาพยนตร์เรื่องใดที่จะกล่าวถึงปารีส ก็จะจะต้องมีโครงสร้างเหล็กเจ้าของความสูง 324 เมตร ที่เคยเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลก แห่งนี้อยู่ด้วยเสมอ

จากนั้นนำท่าน ล่องเรือแม่น้ำแซน ชมบรรยากาศรอบเมืองปารีส เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน เมืองที่โรแมนติกที่สุดของโลกในอีกมุมหนึ่งโดยในระหว่างทางนั้นจะผ่านสถานที่สำคัญๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น สะพาน PONT DE L’ALMA สะพานอเล็กซานเดอร์ที่ 3 พิพิธภัณฑ์ออร์แซ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ รวมไปถึงอาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส  ถือเป็นอีก 1 กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาปารีส

นำท่านสัมผัสกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยนักช้อปปิ้งจากทั่วทุกมุมโลก ในห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางกรุงปารีส ณ ห้าง Samaritaine ห้างที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เป็นศูนย์รวมความหรูหราของปารีสไว้ ซึ่งครั้งนึง รัชกาล 5 ของไทยเคยเสด็จครั้งประพาสยุโรป โครงเหล็กต่างๆ ถูกออกแบบโดยกุสตาฟ ไอเฟล ผู้สร้างหอไอเฟล สะท้อนถึงยุคอุตสาหกรรม

แวะถ่ายรูปด้านหน้า พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (LOUVRE MUSEUM) เป็นสถานที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกจำนวนมาก นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวในปารีสที่ต้องไปเยือน

ค่ำ : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น พร้อมพิเศษ หอยเอสคาโก้ ต้นตำหรับฝรั่งเศส พร้อมไวน์แดง

วันที่ 4
เมืองดิฌง • เมืองอินเทอลาเก้น • ถนน Hoheweg

เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองดิฌง (DIJON) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม.) ผ่านชมทัศนียภาพอันงดงามที่เต็มไปด้วยขุนเขาทะเลสาบ และดอกไม้ป่า ที่สวยสดงดงาม ที่จะทำให้ท่านตื่นตาตื่นใจ ตลอดการเดินทางจนทำให้ท่านหลับตาไม่ลง เป็นแห่งเมืองชุมทางรถไฟ และศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส และเป็นเมืองที่มีลักษณะคล้ายปารีสอย่างมาก เดินทางถึงเมืองดิฌง

เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน

จากนั้นเดินทางต่อไปยัง เมืองอินเทอลาเก้น (Interlaken) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ช.ม.) จุดศูนย์กลางของประเทศ ที่รายล้อมไปด้วย 4 ขุนเขา และ 2 ทะเลสาบ พาท่านเดินชม ความงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมือง พาท่านเดินชม ถนน Hoheweg จุดที่ครึกครื่นที่สุดในเมืองอินเทอลาเก้น ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าคุณภาพสวิสได้อยากหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Omega, Swatch ช็อคโกแลตสวิสที่ขึ้นชื่อ หรือแม้แต่เสื้อผ้า เครื่องประดับก็ยังมีให้ท่านเลือกสรรได้ตลอดถนนเลยทีเดียว

ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น พิเศษเมนูสวิสฟองดู 3 ชนิด ชีส ออย และช็อกโกแล็ต แบบจัดเต็ม

วันที่ 5
เมืองกรินเดอวาลด์ • กระเช้า Eiger Express • อุโมงค์น้ำแข็ง • อุโมงค์โลกอัลไพน์ • Jungfrau Panorama view • เมืองเลาเทอร์บรุนเนน • น้ำตกชเตาบ์บาค • มิลาน

เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านสู่ เมืองกรินเดอวาลด์ (Grindelwald) เมืองอันเป็นจุดเริ่มต้นในการพิชิตยอดเขาจุงฟราว Top Of Europe ด้วยทัศนียภาพที่เป็นหุบเขาที่มีบ้านสไตล์สวิสชาเลย์ตั้งอยู่โดยรอบ ทำให้มีความสวยงามจนเป็นเหมือนหน้าตาของสวิสเซอร์แลนด์ที่คุ้นเคย

ใหม่ล่าสุด!!! พาท่านสู่สถานีกรินเดอวาลด์ เพื่อพาท่านขึ้น กระเช้า Eiger Express ที่เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา โดยจะทำให้ท่านประหยัดเวลาในการพิชิตเขาจุงฟราวเร็วขึ้นถึง 47 นาที เพื่อให้ท่านได้มีเวลาเพลิดเพลินบน Top Of Europe

เมื่อถึงแล้ว พาท่านชม อุโมงค์น้ำแข็ง (Ice Palace) ที่มีอายุเก่าแก่ 1,000 ปี ธารน้ำแข็งลึกเขาไปกว่า 30 เมตร มีประติมากรรมน้ำแข็งอยู่อย่างมากมาย และคงอุณหภูมิอยู่ที่ -3 องศา ตลอดทั้งปี เก็บภาพความสวยงามและยิ่งใหญ่ของของธารน้ำแข็ง Aletsch ที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ชม อุโมงโลกอัลไพน์ (ALPINE SENSATON) ที่จัดแสดงวิถีชีวิต วัฒนธรรมและธรรมชาติของชาวเมือง

นอกจากนั้นหากมีเวลาแนะนำให้ท่านชม พิพิธภัณฑ์ช็อคโกแลต LINDT และเลือกซื้อกลับเป็นไปเป็นของฝากจากร้านช็อคโกแลตที่สูงที่สุดในโลก และนำท่านขึ้นสู่ JUNGFRAU PANORAMA VIEW จุดสูงสุดของสถานี ที่ 3,571 เมตร ให้ท่านได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

เที่ยง ä บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บนยอดเขาจุงฟราว ให้ท่านเต็มอิ่มกับบรรยากาศของทิวทัศน์สุดอลังการ

นำท่านลงสู่อีก 1 เมืองชานเขาจุงฟราว เมืองเลาเทอร์บรุนเนน (Lauterbrunnen)  เมืองสวยอีกเมืองที่ต้องแวะชม ด้วยรถไฟไต่เขาแสนคลาสสิก ที่นี่เป็นที่ตั้งของ น้ำตกชเตาบ์บาค (Staubbach) ที่สูงกว่า 300 เมตร มุมสุดอลังการกับริ้วน้ำตกที่แทรกผ่านหน้าผาสูง โดยมีเบื้องล่างเป็นบ้านเรือนสลับทุ่งหญ้า ที่มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ

นำท่านเดินทางสู่ มิลาน (MILAN) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชม.) เมืองสำคัญทางภาคเหนือของอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี ชื่อเมืองมิลานมาจากภาษาเซลต์คำว่า MID-LAN ซึ่งหมายถึงอยู่กลางที่ราบ มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ

ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน

วันที่ 6
มหาวิหารมิลาน • กัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซ คอนโด • เกาะเวนิส • จัตุรัสเซ็นท์ มาร์ค • มหาวิหารซันมาร์โก • พระราชวังดอร์จ • หอระฆังซันมาร์โก • สะพานถอนหายใจ • สะพานรีอาลโต้ • เวนิสเมสเตร้

เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านถ่ายรูปบริเวณด้านหน้า มหาวิหารมิลาน (Duomo di Milano) หนึ่งในโบสถ์ศริสต์สถาปัตยกรรมกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายใน วิหารเชื่อกันว่ามีการบรรจุหมุดตรึงไม้กางเขนของจริงที่ใช้ในการประหารชีวิตพระเยซู บริเวณด้านหน้าตกแต่งด้วยรูปสลักหินอ่อนที่วิจิตรเป็นอย่างยิ่ง

ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับช้อปปิ้งมอลล์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปที่ กัลเลรีอาวิตโตรีโยเอมานูเอเลเซ คอนโด (Galleria Vittorio Emanuele II) ที่อัดแน่นไปด้วย แบรนด์ชั้นนำระดับโลก ที่บางแบรนด์นั้นก็ยังถือ กำเนิด ณ เมืองแห่งนี้ อาทิ Prada, Versace, Armani, Dolce & Gabbana, Valentino รวมไปถึงแบรนด์เนมที่คุ้นหู อีกมากมายอย่าง Gucci, LOUIS VUITTON, Swarovski

จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวนิสเมสเตร้ (Venice Mestre) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.)  ฝั่งแผ่นดินใหญ่เมืองหลวงของแคว้นเวเนโต

เที่ยง : บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย

นำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือตรอนเคตโต้ (Tronchetto) นำท่านล่องเรือผ่านชมบ้านเรือนของชาวเวนิส สู่เกาะเวนิสหรือเวเนเซีย(VENEZIA) ดินแดนแสนโรแมนติก เป็นเมืองที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน มีสมญานามว่าเป็น “ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก” มีเกาะน้อยใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมถึงกันกว่า 400 แห่ง ขึ้นฝั่งที่บริเวณ ซานมาร์โค ศูนย์กลางของเกาะเวนิส นำท่านเดินชมความงามของเกาะเวนิส จากนั้น

นำท่านถ่ายรูปบริเวณ จัตุรัสเซ็นท์ มาร์ค (St.Mark’s Square) ที่จักรพรรดินโปเลียนยกย่องว่าเป็นห้องรับแขกที่สวยที่สุดของยุโรป และยังเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารซันมาร์โก (San Marco Basillica) มหาวิหารประจำเขตอัครบิดรเวนิส สร้างขึ้นในแบบสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ซึ่งหาได้ยากในปัจจุบัน เนื่องจากถูกทำลายไปเกือบหมดสิ้นในครั้งที่ออกโตมันเข้ายึด ซึ่งภายในโบสถ์นั้นจะมีภาพโมเสกบอกเล่าเรื่องราวในครั้งนั้นอยู่ โดยเซ็นท์มาร์โกถือว่าเป็นนักบวชที่สำคัญในการเผยแพร่ศาสนาในสมัยศตวรรษที่ 5 สำหรับตัวมหาวิหารจะเชื่อมกับ พระราชวังดอร์จ(Doge’s Palace)  พระราชวังแบบเวนิส-โกธิคที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของยุคแห่งเวนิสครั้งที่เมืองนี้ยังเป็น สาธารณะรัฐเวนิส ก่อนได้รับการปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์และเปิดอย่างเป็นทางการในปี 1923 และยังมี หอระฆังซันมาร์โก (St Mark’s Campanile) หอระฆังสูง 98.6 เมตร โดยอิงการสร้างจากรูปแบบเดิมในปี 1514 และพังทลายลงในปี 1902 ไม่ไกลกันจะเป็นที่ตั้งของ สะพานถอนหายใจ (Bridge of Sighs) สะพานซุ้มโค้งที่เชื่อมระหว่างพระราชวังดอร์ดและเรือนจำ นำท่านชมบริเวณ สะพานรีอาลโต้ (Rialto Bridge) สะพานข้ามคลองหลักอันเก่าแก่ที่สุดของเวนิส รายล้อมไปด้วยร้านค้าต่างๆ ถ่ายภาพกับจุดชมวิวบนสะพาน ที่ท่านสามารถมองเห็น GRAND CANAL คลองที่ใหญ่ที่สุด ผ่ากลางเกาะเวนิส ชมวิถีชีวิตกลางสายน้ำของชาวท้องถิ่นที่ใช้คลองแทนถนน

จากนั้นนำท่านล่องเรือกลับขึ้นสู่ฝั่งเมสเตร้

เย็น : บริการอาหารเย็น ด้วยเมนู เมนูสปาเก็ตตี้เส้นหมึกดำเวนิส

วันที่ 7
The mall Outlet Firenze • เมืองปิซ่า • จัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม • หอเอนเมืองปีซ่า

เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นพาท่านช้อปปิ้งที่ The mall Outlet Firenze (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.) เอ้าท์เลทหรูที่มีสินค้าแบรนด์เนมคุณภาพเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น Gucci Versace Prada Armani Bottega Veneta Dolce&Gabbana Tory Burch Burberry และอีกมากมาย

เที่ยง : อิสระอาหารเที่ยงตามอัธยาศัย เพื่อไม่เป็นการรบกวนเวลาของท่าน

จากนั้นเดินทางสู่ เมืองปิซ่า (Pisa) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) แคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี อยู่ทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ ประมาณ 100 กิโลเมตร และทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเซียนาปรมาณ 130 กิโลเมตร จตุรัสดูโอโมแห่งปิซาได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 1987

นำท่าน เข้าชม จัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza del Duomo Pisa) ศาสนสถานที่สำคัญที่สุดของเมือง ซึ่งจัตุรัสแห่งนี้จะประกอบไปด้วย หอศีลจุ่ม วิหาร และหอระฆัง ซึ่งที่นี่มีหอระฆังที่โด่งดังระดับโลก นั้นคือ หอระฆังเอน แห่งเมืองปิซ่า จากนั้น นำท่านชมบริเวณรอบหอระฆังแห่งนี้พร้อมเก็บรูปเป็นที่ระลึกกับ หอเอนเมืองปีซ่า (LEANING TOWER OF PISA) หอระฆังทรงกระบอก 8 ชั้น  โดยเอกลักษณ์และสาเหตุที่ทำให้หอระฆังแห่งนี้ได้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนั้นคือการที่ตัวอาคารมีลักษณะเอียงไปทางเหนือประมาณ 3.97 องศา หอเอนแห่งปิซ่าแรกเริ่มสร้างในปี 1174 แต่เมื่อสร้างขึ้นไปเพียง 3 ชั้น ฐานอาคารก็เกิดการทรุดตัวลง เนื่องจากเนื้อดินในบริเวณนี้ไม่มีชั้นหินแทรก ประกอบกับตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำอาร์โน ทำให้ดินมีความชื้นและเหลวกว่าปกติ จนทำให้ต้องยุติการก่อสร้างไปกว่า 94 ปี จนกระทั่งปี 1272 สถาปนิกนาม จีโอวานี ดี ซีโมเน่ (Giovanni di Simone) ได้มาสานต่อด้วยเทคนิคการสร้างให้เพดานไม่เท่ากันเพื่อรักษาอาหารให้สมดุล แต่ก็ต้องยุติการก่อสร้างในปี 1284 จากภัยสงคราม ก่อนชั้นที่ 7 ของอาคารจะเสร็จในปี 1319 และตัวหอระฆังถูกเติมจนเสร็จสิ้นเมื่อปี 1372 นับเป็นเวลาร่วม 199 ปี นับจากวันที่เริ่ม จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองปราโต (Prato) เพื่อเข้าสู่ที่พัก

เย็น : บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคารจีน

วันที่ 8
กรุงโรม • โคลอสเซี่ยม • โรมันฟอรั่ม • น้ำพุเทรวี่ • บันไดสเปน

เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

ท่านเดินทางสู่ศูนย์กลางการปกครองของอิตาลีที่ กรุงโรม (Rome) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.)  เมืองหลวงของประเทศอิตาลี และเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโรมันที่รุ่งเรืองถือเป็นรากฐานของสังคมและวัฒนธรรมของชาติยุโรป ไม่ว่าจะเป็น ปฏิทินตามหลักสุริยะคติ กฎหมาย การประชุมในสภาในรูปแบบสาธารณรัฐ เป็นต้น

เที่ยง : บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาท้องถิ่นด้วย เมนู พิซซ่าสูตรอิตาลีแท้ !!

จากนั้นนำท่านแวะถ่ายบริเวณด้านนอก โคลอสเซี่ยม (COLOSSEUM) หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า ฟราเวียนแอมฟิเธียเตอร์ อีก 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ต้นแบบของสนามกีฬาของโลก เป็นแหล่งบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในโรมัน สร้างขึ้นในสมัยของจักพรรดิเวสปาเซียนในปี ค.ศ. 70 ก่อนเปิดอย่างเป็นทางการในอีก 10 ปีต่อมาในสมัยพระเจ้าไททัส เป็นสนามกีฬาที่จะเป็นการประชันการต่อสู่ระหว่างเหล่านักรบกลาดิเอเตอร์ด้วยกันเอง และกับสัตว์ดุร้าย เช่น สิงโต ช้าง แรด เป็นต้น โดยบ้างก็กล่าวกันว่าการต่อสู้ในโคลอสเซี่ยมทำให้สัตว์บางชนิดแทบจะศูนย์พันธุ์เลยทีเดียว การสร้างอาคารแบบอัฒจันทร์กลม 3 ชั้นขนาดใหญ่แห่งนี้ยังถือว่าเป็นการผลิตซีเมนต์แห่งแรกๆ ของโลกอีกด้วย

พาท่านถ่ายรูปด้านหน้า กับ โรมันฟอรั่ม (ROMAN’S FORUM) อดีตศูนย์กลางทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของอาณาจักรโรมัน โดยบริเวณนี้นั้นเป็นที่ตั้งของประตูชัย 2 แห่ง ที่เป็นต้นแบบของฝรั่งเศส นั่นคือ ประตูชัยคอนสแตนติน สร้างขึ้นในครั้งที่พระเจ้าคอนสแตนตินได้ชัยชนะเหนือพระเจ้าแมกเซนเทียส และประตูชัยไททัสที่สร้างขึ้นหลังจากได้รับชัยชนะเหนือเมืองเยลูซาเล็มในปีค.ศ. 81

เย็น : อิสระอาหารเย็น เพื่อความสะดวกและไม่เป็นการรบกวนเวลาช้อปปิ้งของท่าน

วันที่ 9
นครรัฐวาติกัน • มหาวิหารนักบุญปีเตอร์ • ท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน • ดูไบ

เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

เดินทางสู่ นครรัฐวาติกัน (STATE OF THE VATICAN CITY) นครแห่งคริสตจักรที่อยู่ในกรุงโรม ถือเป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนิกชน นิกายโรมันคาทอลิก เป็นที่ประทับของพระสันตะปาปา และประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญ

นำท่านเข้าชม มหาวิหารนักบุญปีเตอร์ ( ST. PETER’ BASILICA) ศาสนสถานของคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่ฝังพระศพของพระสันตะปาปาพระองค์แรกที่ถูกลงโทษประหารชีวิตด้วยการตรึงไม้กางเขนในสมัยของจักรพรรดิเนโร เมื่อปี ค.ศ. 68 ถือเป็นศูนย์รวมทั้งทางกายและทางใจของวาติกัน โดยมหาวิหารแห่งนี้ได้สร้างทับวิหารหลังเดิมที่สร้างในสมัยศตวรรษที่ 4 ออกแบบโดยมีเกลันเจโลสุดยอดจิตกรร่วมสมัยกับดาวินชี่ภายในถูกตกแต่งอย่างวิจิตรด้วยหินอ่อน โดยมีประติมากรรมชื่อก้องโลกอย่าง ปีเอต้า (Pietà) เป็นรูปปั้นพระแม่นารีย์ทรงโอบอุ้มพระเยซูหลังจากสิ้นพระชนม์ ซึ่งทำจากหินอ่อนเพียงก้อนเดียวและใช้เวลาในการแกะสลัก 7 ปี บริเวณด้านหน้าคือ จัตุรัสนักบุญปีเตอร์ (St. Peter’s Square) ออกแบบโดย จาน ลอเรนโซ เบอร์นินี อีกหนึ่งประติมากรผู้ได้ฉายาว่า สามารถเสกหินอ่อนให้หายใจได้ จัตุรัสสามารถจุคนได้ประมาณ 60,000 คน ตรงกลางมีเสาโอบีสิสหินแกรนิตแดง สูง 25.5 เมตร จากอียิปต์ ซึ่งเป็นการแสดงถึงแสงยานุภาพของโรมันที่มีต่อประเทศในยุโรปและแถบเมดิเตอร์เรเนียนในขณะนั้น (ในกรณีมีพิธีด้านใน อาจจะไม่ได้รับการเข้าชม)

ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน (Aeroporto Leonardo da Vinci di Fiumicino) เพื่อให้ท่านได้มีเวลาทำการคืนภาษี (Tax Refund)

15.10 น. : ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบิน เที่ยวบินที่ EK98 **บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง **

23.15 น. : เดินทางถึง สนามบินนานาชาติดูไบ ให้ท่านผ่อนคลายอริยบทระหว่างรอเวลาเปลี่ยนเครื่อง

วันที่ 10
ดูไบ • สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ

02.50 น. : เดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ  โดยสายการบินเอมิเรตต์ เที่ยวบินที่ EK 384

12.15 น. : เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม

เงื่อนไข
  • ตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัด Economy Class ไป -กลับพร้อมกรุ๊ป
  • ที่พักโรงแรมตามรายการ พักห้องละ 2-3 ท่าน (กรณีที่โรงแรมไม่มีห้องพักสำหรับ 3 ท่าน ลูกค้าจะต้องเพิ่มเงินเป็นห้องพักห้องเดี่ยว)
  • อาหารตามรายการระบุ(สงวนสิทธิในการสลับมื้อหรือเปลี่ยนแปลงเมนูอาหารตามสถานการณ์)
  • ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการระบุ
  • ค่าระวางน้ำหนักกระเป๋าไม่เกิน 30 กก.ต่อ 1 ใบ กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง Hand Carry 7 กก.ต่อ 1 ใบ (ทั้งนี้หากสายการบินมีการแจ้งเปลี่ยนแปลงในเรื่องของน้ำหนักกระเป๋า การสะสมไมล์ หรืออื่นใดที่เป็นประกาศจากสายบิน ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการยึดตามการเปลี่ยนแปลงตามประกาศนั้นๆ)
  • ค่ารถโค้ชนำเที่ยวตามรายการระบุ (กฎหมายในยุโรปไม่อนุญาตให้คนขับรถเกิน 12 ชั่วโมงต่อวัน)
  • ค่าน้ำดื่มบนรถวันละ 1 ขวด/ท่าน
  • ค่าธรรมเนียมการยื่นวีซ่าเชงเก้น สถานฑูตจะไม่คืนค่าวีซ่าให้ท่านไม่ว่าจะผ่านการพิจารณาหรือไม่ก็ตาม

กรณีมีวีซ่าแล้ว จะคืนเงินให้ท่าน 3,500 บาท

  • ค่าไกด์ท้องถิ่นและหัวหน้าทัวร์นำเที่ยวตามรายการ
  • ประกันโควิด-19 วงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล 50,000 USD
  • ประกันอุบัติเหตุวงเงิน 2,000,000 บาท (เป็นไปเงื่อนไขตามกรมธรรม์)

เงื่อนไขประกันการเดินทาง  ค่าประกันอุบัติเหตุและค่ารักษาพยาบาล คุ้มครองเฉพาะกรณีที่ได้รับอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง ไม่คุ้มครองถึงการสูญเสียทรัพย์สินส่วนตัวและไม่คุ้มครองโรคประจำตัวและปัญหาสุขภาพอื่นๆของผู้เดินทาง

  • ภาษีน้ำมันและภาษีตั๋วทุกชนิด(สงวนสิทธิเก็บเพิ่มหากสายการบินปรับขึ้นก่อนวันเดินทาง)
  • ค่าทำหนังสือเดินทางไทย และค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ถือพาสปอร์ตต่างชาติ
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ อาหารและเครื่องดื่มที่สั่งเพิ่มพิเศษ,โทรศัพท์-โทรสาร,อินเตอร์เน็ต,มินิบาร์,ซักรีดที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ
  • ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากความล่าช้าของสายการบิน,อุบัติภัยทางธรรมชาติ,การประท้วง,การจลาจล,การนัดหยุดงาน,การถูกปฏิเสธไม่ให้ออกและเข้าเมืองจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่กรมแรงงานทั้งที่เมืองไทยและต่างประเทศซึ่งอยู่นอกเหนือความควบคุมของบริษัทฯ
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และหัก ณ ที่จ่าย 3%

**ทิปหัวหน้าทัวร์คนไทย ไม่บังคับ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของท่าน**

การจองทัวร์ :

  • กรุณาจองทัวร์ล่วงหน้า ก่อนการเดินทาง พร้อมชำระมัดจำ 50,000 บาท ส่วนที่เหลือชำระทันทีก่อนการเดินทางไม่น้อยกว่า 30 วัน มิฉะนั้นถือว่าท่านยกเลิกการเดินทางโดยอัตโนมัติ (ช่วงเทศกาลกรุณาชำระก่อนเดินทาง 45 วัน)

กรณียกเลิก : (จอยกรุ๊ป)

  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 45 วัน บริษัทฯ จะคืนเงินค่ามัดจำให้ทั้งหมด ยกเว้นในกรณีวันหยุดเทศกาล, วันหยุดนักขัตฤกษ์ ยกเลิกก่อนการเดินทาง 60 วัน จะคืนเงินค่ามัดจำให้ทั้งหมด
  • ยกเลิกน้อยกว่า 45 วัน ก่อนการเดินทาง หักค่าทัวร์ 50%จากราคาขาย และยึดเงินมัดจำทั้งหมดไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น
  • ยกเลิกน้อยกว่า 30 วัน ก่อนการเดินทาง บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์เก็บเงินค่าทัวร์ทั้งหมดไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น

กรณียกเลิก : (ตัดกรุ๊ป)

  • ยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางต้องทำก่อนการเดินทาง 60 วัน บริษัทฯจะคืนเงินค่ามัดจำให้ทั้งหมด ยกเว้นในกรณีวันหยุดเทศกาล,วันหยุดนักขัตฤกษ์ ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ยึดเงินมัดจำโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น
  • ยกเลิกการเดินทางภายใน 60 วัน ทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ยึดเงินมัดจำโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น
  • ยกเลิกการเดินทางหลังชำระเต็มจำนวนทางบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เก็บเงินค่าทัวร์ทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น

กรณีเจ็บป่วย :

  • กรณีเจ็บป่วย จนไม่สามารถเดินทางได้ ซึ่งจะต้องมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลรับรอง บริษัทฯจะทำการเลื่อนการเดินทางของท่านไปยังคณะต่อไป แต่ทั้งนี้ท่านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทางได้ตามความเป็นจริง
  • ในกรณีเจ็บป่วยกะทันหันก่อนล่วงหน้าเพียง 7 วันทำการ ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินทุกกรณี

กรณีวีซ่าที่ท่านยื่นไม่ผ่านการพิจารณาและคณะสามารถออกเดินทางได้ท่านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้นดังต่อไปนี้

  • ค่าธรรมเนียมการยื่นวีซ่าและค่าดำเนินการตามจริง ทางสถานทูตจะไม่คืนค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้นแม้ว่าจะ ผ่านหรือไม่ผ่านการพิจารณา
  • ค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน หรือตั๋วเครื่องบินที่ออกมาจริง ณ วันยื่นวีซ่า ซึ่งตั๋วเป็นเอกสารที่สำคัญในการยื่นวีซ่า หากท่านไม่ผ่านการพิจารณา ตั๋วเครื่องบินถ้าออกตั๋วมาแล้วจะต้องทำการ REFUND โดยจะมีค่าธรรมเนียมที่ท่านต้องถูกหักบางส่วน และส่วนที่เหลือจะคืนให้ท่านภายใน 45-60 วัน(ตามกฎของแต่ละสายการบิน) ถ้ายังไม่ ออกตั๋วท่านจะเสียแต่ค่ามัดจำตั๋วตามจริงเท่านั้น
  • ค่าห้องพักในทวีปยุโรป ถ้าคณะออกเดินทางได้ และท่านไม่ผ่านการพิจารณาวีซ่า ตามกฎท่านจะต้องโดนค่ามัดจำห้องใน 2 คืนแรกของการเดินทางหากท่านไม่ปรากฏตัวตามวันที่เข้าพัก ทางโรงแรมจะต้องยึดค่าห้อง 100% ในทันที ทางบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบ และมีเอกสารชี้แจงให้ท่านเข้าใจ
  • หากท่านผ่านการพิจารณาวีซ่า แล้วยกเลิกการเดินทางทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการยึดค่าใช้จ่ายทั้งหมด 100%
  • ทางบริษัทเริ่มต้น และจบ การบริการ ที่สนามบินสุวรรณภูมิกรณีท่านเดินทางมาจากต่างจังหวัด หรือ ต่างประเทศ และจะสำรองตั๋วเครื่องบิน หรือพาหนะอย่างหนึ่งอย่างใดที่ใช้ในการเดินทางมาสนามบิน ทางบริษัท จะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือจากโปรแกรมการเดินทางของบริษัท ฉะนั้น ท่านควรจะให้กรุ๊ป FINAL 100% ก่อนที่จะสำรองยานพาหนะ
Share on social networks
โปรแกรมทัวร์ที่น่าสนใจ