03.30 น. : คณะพร้อมกันที่ สนามบินดอนเมือง อาคาร 1 ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 3 ประตู 7 เคาน์เตอร์ สายการบิน NOK AIR (DD) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ท่าน
**หมายเหตุ : เนื่องจากตั๋วเครื่องบินเป็นประเภทตั๋วกรุ๊ป ระบบจะไม่สามารถล็อคที่นั่งได้ ที่นั่งอาจจะไม่ได้นั่งติดกัน ทั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ทางสายการบินกำหนด**
06.30 น. : ออกเดินทางสู่ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า โดยสายการบิน NOK AIR (DD) เที่ยวบินที่ DD900
07.30 น. : เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติมิงกาลาดง ประเทศพม่า (ย่างกุ้ง) จากนั้นนำทุกท่านตรวจ ATK ภายในสนามบิน เมื่อเดินทางถึงประเทศพม่า ค่าตรวจ 15,000 จ๊าด หรือประมาณ 300 บาท (ราคาทัวร์ไม่รวมค่าตรวจ ATK) นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (เวลาท้องถิ่นที่พม่าช้ากว่าประเทศไทย 30 นาที) กรุณาปรับนาฬิกาให้ตรงตามเวลาท้องถิ่นเพื่อสะดวกในการนัดหมาย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองพะโค หรือ เมืองหงสาวดี เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงย่างกุ้ง ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรพม่า และมอญ ยังเป็นเมืองหลวงที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองมอญโบราณที่ยิ่งใหญ่และอายุมากกว่า 400 ปี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง)
จากนั้นนำชม พระราชวังบุเรงนอง ซึ่งเพิ่งเริ่มขุดค้นและบูรณปฏิสังขรณ์เมื่อปี พ.ศ.2533 จากซากปรักหักพังที่ยังหลงเหลืออยู่ ทำให้สันนิษฐานได้ว่าโบราณสถานแห่งนี้เป็นที่ประทับของ พระเจ้าบุเรงนอง ท่านผู้ที่ได้รับคำสรรเสริญว่าเป็น ผู้ชนะสิบทิศ และเป็นที่ประทับของพระนางสุพรรณกัลยา และ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งต้องตกเป็นเชลยศึก เมื่อต้องเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า แต่ปัจจุบัน พระราชวังแห่งนี้ได้เหลือเพียงแต่ร่องรอย ทางประวัติศาสตร์ และถูกสร้างจำลองพระราชวังและตำหนักต่างๆ ขึ้นมาใหม่โดยอ้างอิงจากพงศาวดาร
จากนั้นนำชม เจดีย์ชเวมอดอร์ มีชื่อเรียกในภาษามอญซึ่งคนไทยจะคุ้นเคยกับชื่อ พระธาตุมุเตา แปลว่า “จมูกร้อน” เป็นเจดีย์เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญสูงสุดของชาวพม่า เป็นศิลปะที่ผสมผสานระหว่างศิลปะพม่าและศิลปะของมอญได้อย่างกลมกลืน มีจุดอธิษฐานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ตรงบริเวณยอดฉัตรที่ตกลงมาเมื่อปี พ.ศ. 2473 เจดีย์ชเวมอดอเคยผ่านการพังทลายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มาแล้วถึง 4 ครั้ง โดยแผ่นดินไหวครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 5 ก.ค. พ.ศ. 2473 ได้ทำให้ปลียอดของเจดีย์หักพังลงมา แต่ชาวเมืองได้ร่วมใจช่วยกันบูรณะเจดีย์ชเวมอดอขึ้นมาใหม่ในปีพ.ศ.2497 พร้อมด้วยความสูงถึง 374 ฟุต อย่างในปัจจุบัน
นำท่านชม เจดีย์ฮินตะกอง (HINTHA GON PAGODA) หรือวัดหงส์คู่ เอกลักษณ์ของวัดคือรูปหงส์ตัวเมีย (HANSA ) เกาะอยู่บนหลังหงส์ตัวผู้ (HINTHA) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองหงสาวดี เจดีย์แห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา ทำให้สามารถมองเห็นวิวพระธาตุมุเตาได้จากระยะไกล สักการะขอพร นางพญาควายมอญ หรือ ชาวพม่าเรียกว่า “พะโคแหม่ด่อนัต” ชาวมอญเรียกว่า “มิอะแหน่งโกล่ง” แห่งเมืองหงสาวดี ชาวพม่านับถือในฐานะนัตที่สำคัญมากที่สุดตนหนึ่ง ปัจจุบันนิยบูชาด้วย ได้แก่ มะพร้าว กล้วย หมาก เมี่ยง บุหรี่ ธูป เทียน ดอกไม้ ใบหว้า และฉัตรธง
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน **เมนูพิเศษ!! กุ้งแม่น้ำเผาท่านละ 1 ตัว
เดินทางต่อสู่ เมืองไจ้โท แห่งรัฐมอญระหว่างทางท่านจะได้พบกับสะพานเหล็กที่ข้ามผ่านชมแม่น้ำสะโตงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เดินทางสู่ พระธาตุอินทร์แขวน นับเป็น1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวพม่าต้องไปสักการะ และยังเป็นพระธาตุประจำปีจอ พระธาตุอินทร์แขวน คือ เป็น หินสีทอง ขนาดใหญ่ สูง 5.5 เมตร อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 3,615 ฟุต ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่ ท้าทายแรงดึงดูดของโลก ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะถึง คิ้มปูนแค้มป์ ซึ่งเป็นจุดสำหรับทำการเปลี่ยนรถเป็น รถบรรทุกหกล้อ (เป็นรถประจำเส้นทางชนิดเดียวที่จะสามารถขึ้นพระธาตุอินทร์แขวนได้) (ใช้เวลาเดินทางจากคิ้มปูนแคมป์ถึงยอดเขาประมาณ 1 ชั่วโมง) ท่านสามารถขึ้นไปนมัสการหรือนั่งสมาธิที่พระเจดีย์ได้ตลอดทั้งคืน แต่ประตูเหล็กที่เปิดให้สำหรับสุภาพบุรุษ เข้าไปปิดทององค์เจดีย์ เปิดถึงเวลา 21.00 น.
**เพื่อความสะดวกในการเดินทางขึ้นพระธาตุอินทร์แขวน แนะนำให้ท่านแยกกระเป๋าสัมภาระขนาดเล็กสำหรับ 1 คืน เนื่องจากอาจจะต้องจ้างลูกหาบแบกสัมภาระขึ้นไปด้านบน ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายตามขนาดกระเป๋า เริ่มต้นที่ 1,000 จ๊าต (ทั้งนี้การใช้บริการขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เดินทาง)**
เย็น : รับประทานอาหารเย็น
05.00 น. : ช่วงเช้า สำหรับผู้ที่ต้องการใส่บาตร สามารถซื้อได้โดยมีร้านค้าจำหน่าย อยู่ที่ชุดละประมาณ 3,000-10,000 จ๊าต และดอกไม้ธูปเทียนชุดละ 2,000 จ๊าต ท่านสามารถเลือกทำบุญได้ตามอัธยาศัย
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม สมควรแก่เวลา นั่งรถบรรทุกหกล้อถึงคิ้มปูนแค้มป์ และเปลี่ยนเป็นรถโค้ชปรับอากาศ เดินทางสู่กรุงหงสาวดี
จากนั้นนำท่าน นมัสการพระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว (SHEWTHALYANG BUDDHA) กราบนมัสการพระพุทธรูปนอนที่ที่มีพุทธลักษณะที่สวยงามในแบบของมอญ ในปี พ.ศ.2524ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวพม่าทั่วประเทศและเป็นพระนอนที่งดงามที่สุดของพม่าองค์พระยาว 55 เมตร สูง 16 เมตร
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน **เมนูพิเศษ!! กุ้งแม่น้ำเผาท่านละ 1 ตัว
นำชม เจดีย์ไจ๊ปุ่น (KYAIK PUN BUDDHA) สร้างในปี 1476 มีพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ สูง 30 เมตร ประกอบด้วย องค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า (ผินพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ กับพระพุทธเจ้าในอดีต สามพระองค์คือพระพุทธเจ้ามหากัสสปะ ทิศตะวันตก) เล่ากันว่าสร้างขึ้นโดยสตรีสี่พี่น้องที่มีพุทธศรัทธาสูงส่งและต่างให้สัตย์สาบานว่าจะรักษาพรหมจรรย์ไว้ชั่วชีวิต สมควรแก่เวลานำเดินทางสู่เมืองย่างกุ้ง
เย็น : รับประทานอาหารเย็น **เมนูพิเศษ!! กุ้งมังกร+เป็ดปักกิ่ง
จากนั้นนำชม พระมหาเจดีย์ชเวดากอง ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาสิงคุตระ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชม เจดีย์โบตาทาวน์ สร้างโดยทหารพันนายเพื่อบรรจุพระบรมธาตุที่พระสงฆ์อินเดีย 8 รูป ได้นำมาเมื่อ 2,000 ปีก่อน ในปี 2486 เจดีย์แห่งนี้ถูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรเข้ากลางองค์จึงพบโกศทองคำบรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมธาตุอีก 2 องค์ และพบพระพุทธรูปทองเงินสำริด 700 องค์ ภายในเจดีย์ที่ประดับด้วยกระเบื้องสีสันงดงาม และมีมุมสำหรับฝึกสมาธิหลายจุดในองค์พระเจดีย์
จากนั้นพาท่านขอพร พระเทพทันใจ เป็นเทพที่รักษาองค์พระบรมเกศาธาตุที่เจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง ซึ่งตามตำนานพระไตรปิฎกเล่าว่า ก่อนที่ชาวรามันทั้ง 8 จะเข้าไปนมัสการพระพุทธเจ้า ได้มีเทวดาองค์หนึ่งซึ่งเคยเกิดเป็นญาติของชาวรามัญกลุ่มนี้ ได้ชี้นิ้วไปยังทิศที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ซึ่งจุดนี้จึงเป็นตำนานในการสร้างเทวรูปเป็น “เทพทันใจ” ยื่นชี้นิ้ว ไปทางพระบรมสารีริกธาตุ ในเจดีย์ชเวดากองนั่นเอง และ “เทพทันใจ” ยังคง จัดได้ว่าที่พึ่งทางใจของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นอาชีพ นักการเมือง ดารา ศิลปิน นักร้องหรือคนทั่วไปนับถือกันเป็นจำนวนมาก หรือ แม้กระทั้งพ่อค้าแม่ขายจะนิยมกันมาก เพราะเชื่อกันว่าเมื่อได้ขอพรเกี่ยวกับธุรกิจก็ได้สมหวังรวดเร็วทันใจทุกที ชื่อว่า เทพทันใจ จึงเป็นคำที่ติดปาก และคนไทยเป็นคนตั้ง ซึ่งตามชื่อจริงๆ แล้วก็คือชื่อ “นัตโบโบยี” ที่ชาวพม่ารู้จัก เป็นที่เคารพมาตั้งแต่ สมัยโบราณ
จากนั้นนำท่านข้ามฝั่งไปอีกฟากหนึ่งของถนน เพื่อสักการะเทพกระซิบ ซึ่งมีนามว่า “อะมาดอว์เมี๊ยะ” ตามต านาน กล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธ ศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อ สิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานาน แล้ว การขอพรเทพกระซิบต้องเข้าไปกระซิบเบาๆ ห้ามคนอื่นได้ ยิน การบูชาเทพกระซิบ บูชาด้วยน้ำนม ข้าวตอก ดอกไม้และ ผลไม้
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ตลาดสก๊อต หรือ ตลาดโบยกอองซาน สร้างโดย นายสก๊อต ชาวอังกฤษ ตลาดสก๊อต เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด มีอาคารหลายหลังเชื่อมต่อกันหลายหลัง มีสินค้าวางขายแทบทุกชนิด เป็นสถานที่ช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศพม่า เป็นแหล่งศูนย์รวมของฝากทุกชนิด เป็นตลาดที่มีสินค้าหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า ของที่ระลึกต่างๆ เครื่องเงิน, อัญมณี, เครื่องแกะสลัก, ผ้าไหมลายต่างๆ, สินค้าจากชนกลุ่มน้อย ฯลฯ
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน **เมนูพิเศษ!! HOT POT & BBQ BUFFET
นำท่านสักการะ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตจี หรือ พระนอนตาหวาน ซึ่งเป็นพระพุทธไสยาสน์องค์ขนาดใหญ่ที่มีความสูงถึง 6 ชั้น ยาวกว่า 70 เมตร ใช้โครงเหล็กกั้นถึง 65 เมตร มีหลังคาคลุม 6 ชั้น สร้างขึ้นเมื่อปี 1907 ถูกยกย่องให้เป็นพระนอนที่มีขนาดใหญ่และงดงามที่สุดในพม่า ด้วยพระพักตร์ที่งดงามเปื้อนยิ้มดวงตาทำจากลูกแก้ว ที่สั่งผลิตจากต่างประเทศ ทาขอบตาด้วยสีฟ้าและมีขนตาหนายาวทำให้ดวงตาดูหวาน จนถูกเรียกพระนาม อีกชื่อคือ “ พระตาหวาน ” บริเวณพระบาทมีภาพวาดลายธรรมจักร ตรงกลางฝ่าพระบาทล้อมรอบด้วยรูป มงคล 108 ประการ ที่แสดงถึงอากาศโลก สัตว์โลก และสังขารโลก อีกทั้งจีวรยังมีลักษณะพริ้วไหวสมจริง และตรงชายประดับด้วยอัญมณีแวววาว ถือเป็นพุทธศิลป์ ที่มีความงดงามทรงคุณค่า
จากนั้นนำชม วัดหงาทัตจี มีพระพุทธรูปที่สวยงามตามแบบฉบับของพม่า ประชาชนมานิยมกราบไหว้ โดยผู้ชายพระพม่าจะกราบไหว้พระแบบนั่งยองๆ ส่วนผู้หญิงจะนั่งขัดสมาธิลงกับพื้น ที่นี่จะมีพระพุทธรูปปรางค์สมาธิ แบบศิปะของพม่า มีความสูงประมาณ ตึก 5 ชั้น
เย็น : อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่สนามบิน
21.15 น. : เดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน NOK AIR เที่ยวบินที่ DD909
23.10 น. : ถึง สนามบินดอนเมือง โดยสวัสดิภาพและความประทับใจ……..
หมายเหตุ