06.30 น. : คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตูทางเข้า 9 เคาน์เตอร์ U สายการบิน OMAN AIR พบเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน
09.10 น. : ออกเดินทางสู่สนามบินมัสกัต ประเทศโอมาน โดยเที่ยวบินที่ WY818
12.05 น. : ถึงสนามบินมัสกัต แวะพักเปลี่ยนเครื่อง
14.35 น. : ออกเดินทางอีกครั้ง โดยเที่ยวบินที่ WY165
19.00 น. : เดินทางถึงสนามบินเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและรับสัมภาระแล้ว นำท่านเดินทางสู่โรงแรมพี่พัก (เวลาที่ประเทศตุรกีช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านหลบหนีจากถนนที่วุ่นวายของเมืองใหญ่ ไปสำรวจเกาะเจ้าชาย (Prince Islands) ให้ท่านเพลิดเพลินไปบนเรือสำราญล่องทะเลมาร์มารา (Marmara Sea) และตื่นตากับทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองอิสตันบลูสองฝั่งทะเล นำท่านเที่ยวชมเขตบูยูกาดา (Büyükada) บนเกาะอดาลา เกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะเจ้าชาย (Adalar Island) สถานที่พักตากอากาศหน้าร้อนยอดฮิตบนหมู่เกาะ ซึ่งบรรดาเจ้าชายในยุคไบแซนไทน์เคยใช้เป็นที่ประทับ และเป็นที่มาของชื่อเกาะ
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย : เป็นเวลาอิสระให้ท่านได้เที่ยวชมบ้านเรือนยุคออตโตแมนที่หรูหรา ที่บางแห่งปรับเปลี่ยนมาเป็นคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านค้า หรือมองหาวิวสวย ๆ ของเกาะ ถ่ายรูปได้ตามสบาย
*ท่านสามารถซื้อทัวร์ท่องเที่ยวทั่วเกาะด้วยรถม้า (ยังไม่รวมในค่าทัวร์) ให้ท่านชื่นชมความสงบและความงามของเกาะ เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่น่าอัศจรรย์ของท้องถิ่น พร้อมไกด์บรรยายบนรถม้าลาก หรือที่เรียกกันว่าเฟอิทอน (Phaeton) ได้เวลาพอสมควรนำท่านนั่งเรือกลับสู่เมืองอิสตันบูล
จากนั้นนำท่านเที่ยวชมมัสยิดชามลีกา (Camlica Mosque) ตั้งอยู่ฝั่งเอเซียของเมืองอิสตันบูล มัสยิดชามลีกาตั้งอยู่บนเนินเขา Kamlyka เป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตุรกี มีเนื้อที่ 57,500 ตารางเมตร เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2013 และเปิดให้ปฏิบัติศาสนกิจครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ 2019 ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 66.60 ล้านเหรียญดอลล่าสหรัฐ มัสยิดแห่งนี้ได้ถูกบันทึกให้เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตุรกี หอคอยที่มีความสูงตระหง่านจำนวน 6 หอคอย โดยการอ้างจากศรัทธาของศาสนาอิสลามที่มีอยู่ 6 ประการด้วยกัน โดยหอคอยทั้ง 4 มีความสูง 107.10 เมตร ได้สื่อถึงชัยชนะของชาวเติร์กที่ชนะไบเซนไทล์ ในการทำสงคราม Malazgirt ปีค.ศ. 1071 ส่วนโดมหลักจะมีความสูง 72 เมตร สร้างโดยมีการอ้างอิงจาก 72 เชื้อชาติที่พักอาศัยในเมืองอิสตันบูล
จากนั้นนำท่านเที่ยวชมย่านคาดิคอย (Kadikoy) ย่านท่องเที่ยวฝั่งเอเชียของเมืองอิสตันบูล ด้วยความที่อาคารบ้านเรือนมีลักษณะน่ารักแปลกตาด้วยมีสีสันสดแตกต่างกันไปในแต่ละหลัง ตั้งลดหลั่นกันตามแนวเนินเขาเตี้ยๆ ย่านนี้เป็นอีกหนึ่งในย่านที่ชาวอิสตันบูลจะมาใช้เวลาในการพักผ่อน นั่งดื่มกาแฟตามคาเฟ่น่ารักๆ
***อิสระรับประทานอาหารค่ำในย่านคาดิคอย เพื่อไม่เป็นการรบกวนเวลาส่วนตัวของท่าน***
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่เมืองบูร์ซ่า (Bursa) ระยะทาง 155 กม. เมืองที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของตุรกี เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศ เมืองนี้มีชื่อเสียงทางด้านเส้นไหมที่มีคุณภาพ และเป็นศูนย์กลางการผลิตผ้าไหมเพื่อส่งออกกว่า 70% ของไหมที่นี่จะนำไปทอเป็นพรม ซึ่งเป็นสินค้าขึ้นชื่อของตุรกี เมืองนี้ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรออตโตมัน ตั้งแต่ปีค.ศ. 1326-1362 ก่อนที่จะย้ายไปยังเมืองเอดิร์เน
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย : นำท่านชมความงามของมัสยิดเก่าแก่ของเมืองบูร์ซ่า (Grand Mosque) ภายในจะพบกับผลงานอันละเอียดอ่อน และประณีตของงานกระเบื้องประดับที่มีสีสันลวดรายที่ละเอียด และซับซ้อนอย่างพิศดาร ทั้งลายรูปวงกลม รูปดาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลาม และรูปเรขาคณิต ให้ท่านได้ชมความสวยงามของตัวเมือง ที่ในอดีตกษัตริย์ที่เคยปกครองอาณาจักรออตโตมาน ได้ใช้เมืองนี้เป็นที่ฝังศพ และนอกจากนั้นยังถูกตกแต่งให้เป็นสวนที่สวยงามร่มรื่นไปด้วย ต้นไม้ที่เขียวชอุ่มเป็นจำนวนมาก จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีสีเขียว Green Bursa ผ่านชมสุเหร่าสีเขียว (Green Mosque) และสุสานสีเขียว (Green Tomb) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของเมืองบูร์ซ่า
จากนั้นนำท่านช้อปปิ้ง ตลาดผ้าไหมเมืองบูร์ซา (Bursa Silk Market) ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทะเลมาร์มาร่ามากนัก โดยตลาดแห่งนี้ค้าขายผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมเป็นหลักโดยเฉพาะผ้าคลุมศีรษะลวดลายพื้นเมืองจะขายดีเป็นพิเศษ อันเนื่องมาจากตุรกีเป็นประเทศที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามมากอีกหนึ่งประเทศ ซึ่งนอกจากผ้าคลุมแล้วก็ยังมีเสื้อผ้าหลากหลายแบบ และด้วยสีสันของผ้าไหมที่สดใสนี่เองที่ทำให้ตลาดแห่งนี้กลายเป็นตลาดที่สวยงามที่สุด
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่เมืองเอสเกซีเฮียร์ (Eskişehir) ระยะทาง 150 กม. ชื่อของเมืองนี้เป็นคำประสมสองคำในภาษาตุรกีคือ Eski แปลว่า “เก่า” และ Sehir แปลว่า “เมือง” เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศตุรกี มีประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองราว 717,135 คน เมืองนี้ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำ Porsuk ที่อยู่เหนือจากระดับน้ำทะเลประมาณ 792 เมตร เป็นแม่น้ำที่ไหลหล่อเลี้ยงหุบเขา Phrygian อันอุดมสมบูรณ์ ในบริเวณเนินเขาใกล้ๆ นั้นมีการค้นพบน้ำพุร้อน (Hot springs) อยู่หลายแห่ง เมืองนี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นเมืองมหาวิทยาลัยเพราะเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยสองแห่งคือมหาวิทยาลัยออสมังกาซี เอสเกสซีเฮียร์ (Osmangazi Eskişehir University) และมหาวิทยาลัยอนาโดลู (Anadolu University) โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยอนาโดลูนั้นถือได้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกตามจำนวนนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียน เนื่องจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีโปรแกรมการเรียนทางไกลหรือ Distance Education System จำนวนนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนกับมหาวิทยาลัยแห่งนี้จึงมีมากเกือบสองล้านคน
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย : นำท่านล่องเรือชมความสวยงามและทัศนียภาพของเมืองริมสองฝั่งแม่น้ำ จากนั้นนำท่านเที่ยวชมย่านเมืองเก่าของเมืองเอสเกซีเฮียร์ ที่มีสภาพแวดล้อมคล้ายกับบ้านเมืองในทวีปยุโรป
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่เมืองบีเลจิค (Bilecik) ระยะทาง 80 กม. เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านบ้านสไตล์ตุรกี ที่ได้รับการบูรณะใหม่หลายหลัง จนสามารถดึงดูดใจนักท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยมรดกทางสถาปัตยกรรมอันยาวนาน เมืองบีเลจิคจึงได้รับเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ European Association of Historic Towns and Regionsนำท่านเข้าชมสุสานของเออร์ตุกรุล กาซี (Ertugrul Gazi) สร้างโดยออสมัน เบย์ (Osman Bey) บิดาแห่งรัฐออตโตมัน (Ottoman State) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 เพื่อเป็นสุสานแก่เออร์ตุกรุล กาซี ผู้เป็นบิดาที่เสียชีวิตในปีค.ศ 1280 สุสานแห่งนี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีมาตลอด บริเวณสุสานมีการจัดสวนดอกไม้ที่สวยงาม ให้ท่านเวลาถ่ายภาพประทับใจร่วมกับยามประจำการหน้าประตูทางเข้า ที่แต่งกายด้วยชุดทหารออตโตมัน จากนั้นเป็นเวลาอิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองบริเวณรอบสุสาน
จากนั้นนำท่านชมและถ่ายภาพกับหอนาฬิกาบีเลจิค (Bilecik Clock Tower) หอนาฬิกาโบราณใจกลางเมือง ที่บริเวณโดยรอบตกแต่งด้วยสวนดอกไม้ที่สวยงาม พร้อมกับป้ายชื่อเมือง
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย : นำท่านชมซากโบสถ์เซนต์จอร์จ (Ruins for St.George) ซากโบสถ์คริสต์นิกายออร์โธด๊อกซ์ ที่ยังหลงเหลืออยู่ในประเทศตุรกี ที่มีอายุมากกว่าหลายร้อยปีก่อนที่พวกออตโตมันจะมายึดครองพื้นทีบริเวณนี้ จุดเด่นของโบสถ์แห่งนี้คือ โครงสร้างของบริเวณหลังคาของโบสถ์ที่ยังคงเหลืออยู่ แต่กระเบื้องหลังคาได้สูญหายไปหมดแล้ว ทำให้ซากโบสถ์แห่งนี้มีลักษณะที่สวยงามแปลกตา และเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวที่ผ่านมาต้องแวะถ่ายรูปเก๋ๆกลับไป ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางสู่
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านชมสุเหร่าเซนต์โซเฟีย (Mosque of Hagia Sophia) หรือชื่อในปัจจุบัน คือ พิพิธภัณฑ์ฮายาโซฟีอา เดิมเคยเป็นโบสถ์ของคริสต์ศาสนานิกายออร์โธดอกส์ ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า และในปัจจุบันได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ สุเหร่าเซนต์โซเฟียถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง และมักถูกจัดให้อยู่ในรายการ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่ยอดโดมขนาดมหึมากลางวิหาร และนับเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์
นำท่านเข้าชมภายใน สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาที่มีความสวยงามอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งชื่อนี้ได้มาจากสีน้ำเงินของกระเบื้องเคลือบที่ใช้ปูตลอดแนวฝาผนังด้านใน ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นวังของจักรพรรดิไบเซนไทน์ โดยสุลต่านอาห์เหม็ดที่ 1 ค.ศ. 1609 ใช้เวลาสร้างโดยรวมแล้ว 7 ปี
จากนั้นนำท่านเข้าชมอุโมงก์เก็บน้ำเยเรบาทัน (Yerebatan Sarnici) สร้างในสมัยจักรพรรดิ
จัสติเนียนในปี ค.ศ. 532 เพื่อเป็นที่เก็บน้ำสำหรับใช้ในพระราชวัง สำรองไว้ใช้ยามอิสตันบูลถูกข้าศึกปิดล้อมเมือง กว้าง 65 เมตร ยาว 143 เมตร มีเสาค้ำหลังคา 336 ต้น แบ่งเป็น 12 แถว จุน้ำได้ทั้งหมด 80,000 ลูกบาศก์เมตร น้ำที่ได้ส่งผ่านท่อมาจากแหล่งน้ำที่อยู่ห่างออกไป 20 กิโลเมตร ใกล้กับทะเลดำ ที่มาของสถานที่แห่งนี้ชวนให้ขนลุกอยู่ไม่น้อย เสาคอลัมน์ หัวเสา และฐานเสานำมาจากซากหักพังของอาคารหลายแห่ง มีเสาทรงแปลกๆ อย่างเสาประดับรูปศีรษะเมดูซาที่กลับหัวลงและตะแคงข้าง รวมทั้งเสาหยาดน้ำตาในยุคออตโตมัน
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
บ่าย : นำท่านเที่ยวชมจัตุรัสทักซิม (Taksim Square) ถนนสายนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองอิสตันบูล มีร้านค้ามากมาย ตั้งแต่ของที่ระลึก , ร้านอาหารพื้นเมืองหรือแม้แต่ร้านอาหารทะเล อีกทั้งยังมีร้านหนังสือ, ร้านชา กาแฟ และไอศกรีม ตลอดถนนสายนี้ และยังมีแทรม (Tram) โบราณ
ให้นั่งเล่นชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองอิสตันบูล ถนนนี้ใช่ ว่าจะมีแต่คนเดินตอนกลางวันเท่านั้น พอตกกลางคืนจะเห็นร้านตามตรอกซอยเล็กๆเปิดเพลงเสียงดังกึ่งบาร์
มีทั้งนักท่องเที่ยวและคนหนุ่มสาวตุรกีมานั่งพบปะสังสรรค์เต็มแน่นแทบทุกร้าน เรียกว่าเป็นจุดนัดพบยอดนิยมของ ชาวเมืองเลยก็ว่าได้ จากนั้นเป็นเวลาอิสระให้ท่านได้เพลิดเพลินไปกับเลือกซื้อสินค้าของฝาก หรือนั่งพักผ่อนตามร้านคาเฟ่น่ารักๆ ในย่านนี้
พิเศษก่อนเดินทางกลับสู่ประเทศไทย***
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร Nusr-Et (Salt Bae) เมนูสเต็กเนื้อ (3 Course / Salad – Steak – Dessert) ไม่รวมเครื่องดื่ม.
ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบินอิสตันบูล
00.55 น. : ออกเดินทางกลับสู่ประเทศไทย โดยสายการบิน OMAN AIR โดยเที่ยวบินที่ WY166
06.50 น. : ถึงสนามบินมัสกัต ประเทศโอมาน แวะพักเปลี่ยนเครื่อง
08.50 น. : ออกเดินทางอีกครั้ง โดยเที่ยวบินที่ WY815
18.00 น. : เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ…
-คุ้มครองวงเงิน 2,000,000 บาท สำหรับ ผู้เดินทางอายุ 1-75 ปี
-คุ้มครองวงเงิน 1,000,000 บาท สำหรับผู้เดินทางอายุ 76 ปีขึ้นไป
-เด็กทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี ไม่สามารถทำประกันการเดินทางได้
-กรมธรรม์นี้ ไม่คุ้มครองผู้ที่เดินทางไป หรือผ่าน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส
หมายเหตุ : กรุณาอ่านศึกษารายละเอียดทั้งหมดก่อนทำการจอง เพื่อความถูกต้องและความเข้าใจตรงกันระหว่างท่านลูกค้าและบริษัท