19.30 น. : คณะผู้เดินทางพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น4 สายการบินTURKIST AIRLINE เคาน์เตอร์ U ประตู 9 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทคอยอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทางแก่ท่าน
23.00 น. : เหิรฟ้าสู่กรุงอิสตันบูล โดยสายการบิน TURKIST AIRLINE เที่ยวบินที่ TK 69 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
05.20 น. : เดินทางถึง สนามบินนานาชาติ อตาเติร์กกรุงอิสตันบูล หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
จากนั้นนำทุกท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองอิสตันบูล (ISTANBUL)
** ข้อกำหนด โปรดแต่งกายด้วยชุดสุภาพ สำหรับการเข้าชมสุเหร่า และ จำเป็นต้องต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าชม**
สุภาพสตรี : ควรสวมกางเกงขายาวคลุมข้อเท้า เสื้อแขนยาวคลุมข้อมือ มิดชิดไม่รัดรูป และเตรียมผ้าสำหรับคลุมศีรษะ สุภาพบุรุษ : ควรสวมกางเกงขายาว และ เสื้อแขนยาว ไม่รัดรูป
จากนั้นนำทุกท่านชม สุเหร่าสีน้ำเงิน (BLUE MOSQUE) หรือ SULTAN AHMET MOSQUE ถือเป็นสุเหร่าที่มีสถาปัตยกรรมเป็นสุดยอดของ 2 จักรวรรดิ คือ ออตโตมันและไบเซนไทน์ เพราะได้รวบรวมเอาองค์ประกอบจากวิหารเซนต์โซเฟียผนวกกับสถาปัตยกรรมแบบอิสลามดั้งเดิม ถือว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี สามารถจุคนได้เรือนแสน ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 7 ปี ระหว่าง ค.ศ.1609-1616 โดยตั้งชื่อตามสุลต่านผู้สร้างซึ่งก็คือ Sultan Ahmed นั้นเอง
จากนั้นนำทุกท่านสู่ จัตุรัสสุลต่านอะห์เมตหรือฮิปโปโดรม (HIPPODROME) สนามแข่งม้าของชาวโรมัน จุดศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวเมืองเก่า สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิ เซปติมิอุสเซเวรุสเพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่างๆของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนตินฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้นตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่าง ๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่จัดงานพิธีแต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมตซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์3 ต้น คือเสาที่สร้างในอียิปต์เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูลเสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือเสาคอนสแตนตินที่ 7
จากนั้นนำทุกท่านชม พระราชวังทอปกาปึ (TOPKAPI PALACE) ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าซึ่งถือเป็นเขตประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 พระราชวังทอปกาปึ สร้างขึ้นโดยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 ในปี ค.ศ.1459 บนพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 4 ลานกว้าง และมีอาคารขนาดเล็กอีกจำนวนมาก ณ จุดที่สร้างพระราชวังแห่งนี้สามารถมองเห็นช่องแคบบอสฟอรัสโกลเดนฮอร์นและทะเลมาร์มาร่าได้อย่างชัดเจน ในช่วงที่เจริญสูงสุดของอาณาจักรออตโตมัน พระราชวังแห่งนี้มีราชวงศ์และข้าราชบริพารอาศัยอยู่รวมกันมากถึงสี่พันกว่าคนนำท่านเข้าชมส่วนของท้องพระโรงที่เป็นที่จัดแสดงทรัพย์สมบัติข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์เครื่องเงินต่างๆ มากมาย
กลางวัน : บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำทุกท่านชม สุเหร่าเซนต์โซเฟีย (SAINT SOPHIA)หรือ โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์พระเจ้าจักรพรรดิคอนสแตนติน เป็นผู้สร้างเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่13 ใช้เวลาสร้าง 17 ปี
นำท่านสู่ ตลาดสไปซ์มาร์เก็ต (SPICE MARKET)หรือตลาดเครื่องเทศ ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึก เครื่องประดับ ชา กาแฟ ผลไม้อบแห้ง ขนมของหวานขึ้นชื่อและถั่วหลากหลายชนิดให้เลือกสรร
จากนั้น อิสระให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินกับการ เดินช้อปปิ้ง ถ่ายรูป ย่าน TAKSIM SQUARE เป็นสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงและนับว่าเป็นหัวใจ ของ เมืองอิสตันบูลเลยทีเดียว ซึ่ง ไฮไลท์ของ TAKSIM SQUARE อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ รถรางสีแดงสด ที่วิ่งจาก จัตุรัส ทักซิม ไปตามถนน ใกล้กับ สถานีทูเนล ซึ่งเป็นสถานีรถไฟใต้ดิน ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเป็นอันดับ สอง
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำทุกท่าน ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส จุดที่บรรจบกันของทวีปยุโรปและเอเชีย ซึ่งทำให้ประเทศตุรกีได้รับสมญานามว่า ดินแดนแห่งสองทวีป ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญเนื่องจากเป็นเส้นทางเดินเรือที่เชื่อมทะเลดำทะเลมาร์มาร่า เราจะได้เห็นป้อมปืนที่ตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบได้แก่ Rumeli Castle และ Anatolia Castle โดยจุดชมวิวที่สำคัญคือสะพาน แขวนบอสฟอรัส เชื่อให้รถยนต์สามารถวิ่งข้ามฝั่งยุโรปและเอเชียได้ สร้างเสร็จในปี ค.ศ.1973 มีความยาวทั้งสิ้น 1,560 เมตร และได้กลายเป็นสะพานแขวนที่ยาวเป็นอันดับ 4 ของโลกในสมัยนั้น (ปัจจุบันตกไปอยู่อันดับที่ 21) ขณะที่ล่องเรือพร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศสองข้างทาง ซึ่งสามารถมองเห็นได้ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาเช่และบ้านเรือนของบรรดาเหล่าเศรษฐีที่สร้างได้สวยงามตระการตา
จากนั้นนำท่านสู่ เมืองชานัคคาเล่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง
กลางวัน : บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังจากนำท่านสู่ แวะถ่ายรูปเพื่อชม ม้าไม้จำลองเมืองทรอย ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลศึกของนักรบโบราณซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้กรุงทรอยแตก สงครามม้าไม้ เป็นสงครามที่สำคัญตำนานของกรีกและเป็นสงครามระหว่างกองทัพของชาวกรีกและกรุงทรอยหลังจากสู้รบกันเป็นเวลาสิบปี กองทัพกรีกก็ได้คิดแผนการที่จะตีกรุงทรอย โดยการสร้างม้าไม้จำลองขนาดยักษ์ที่เรียกว่าม้าไม้เมืองทรอย โดยทหารกรีกได้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในม้าโทรจันแล้วก็ทำการเข็นไปไว้หน้ากรุงทรอยเหมือนเป็นของขวัญและสัญลักษณ์ว่าชาวกรีกยอมแพ้สงครามและได้ถอยทัพออกห่างจากเมืองทรอย ชาวทรอยเมื่อเห็นม้าโทรจันก็ต่างยินดีว่ากองทัพกรีกได้ถอยทัพไปแล้วก็ทำการเข็นม้าโทรจันเข้ามาในเมืองแล้วทำการเฉลิมฉลองเป็นการใหญ่เมื่อชาวทรอยนอนหลับกันหมด ทหารกรีกที่ซ่อนตัวอยู่ก็ออกมาจากม้าโทรจันแล้วทำการเปิดประตูเมืองให้กองทัพกรีกเข้ามาในเมืองแล้วก็สามารถยึดเมืองทรอยได้ ก่อนที่จะทำการเผาเมืองทรอยทิ้ง
นำทุกท่าน เดินทางไปยัง เมือง ไอยาวาลิค (AYVALIK) เป็นเมืองชายทะเล ล้อมรอบด้วยเนินเขาเตี้ยๆ และหมู่เกาะต่างๆ ซึ่ง สถาปัตยกรรม บ้านเรือนยังคงเป็น สไตล์ ออตโตมัน โบราณ เป็นสถานที่พักตากอากาศยอดนิยม ของนักท่องเที่ยว ทุกท่านสามารถ เดินเที่ยวชม ถ่ายรูป แวะซื้อของฝากของที่ระลึกตามอัธยาศัย
จากนั้นนำทุกท่านไปชมวิว เกาะ คุนด้า (Cunda Island) และ ทะเล อีเจียน (Aegean Sea) ที่มองออกจากฝั่ง เมือง AYVALIK ซึ่งเกาะ คุนด้า นี้ เป็นหมู่เกาะ ที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะ AYVALIK ISLAND ตั้งอยู่ในอ่าว EDREMIT บนชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของตุรกีนอกชายฝั่ง AYVALIK ส่วน ทะเล อีเจียน AEGEAN SEA เป็นทะเลที่ติดต่อกับ ทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน อยู่ระหว่างประเทศ กรีซ และ ประเทศ ตุรกี
(กรณีมีเวลา และท่านต้องการนั่งเรือไปยัง เกาะคุนด้า เพื่อเที่ยวชมบรรยากาศ เกาะคุณด้า ไม่ได้ร่วมอยู่ในค่าทัวร์ จำเป็นต้องจ่ายเงินค่าทัวร์ส่วนนี้เพิ่ม ประมาณ 25usd/ท่าน โปรดสอบถามรายละเอียดที่หัวหน้าทัวร์)
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารหรือห้องอาหารของโรงแรม
เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองคูซาดาซี (KUSADASI) (ระยะทาง 199 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.20 ชั่วโมง) เป็นเมืองท่าที่สำคัญทางการค้าอีกเมืองหนึ่งของตุรกีที่เป็นสถานที่ตั้งของโบราณสถานที่สำคัญสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ
นำท่านเดินทางชม โรงงานเครื่องหนัง ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเครื่องหนังขั้นหลากหลาย ให้ทุกท่านได้ทดลองการเป็นนายแบบและนางแบบเสื้อหนังต่างๆตามอัธยาศัย
กลางวัน : บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองโบราณเอฟฟิซุส (EPHESUS) เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีเมืองหนึ่ง เคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนก (Ionia) จากกรีก ซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมือง ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนาเอฟฟิซุส ขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน นำท่านเดินบนถนนหินอ่อนผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบันนี้ นำท่านชม ห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (ROMAN BATH) ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำ ให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้, ห้องสมุดโบราณ ที่มีวิธีการเก็บรักษาหนังสือไว้ได้เป็นอย่างดีทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นศิลปะแบบ เฮเลนนิสติคที่มีความอ่อนหวานและฝีมือประณีต
จากนั้นนำท่านซื้อขอฝากตามอัธยาศัย ร้านขนม (TURKIST DElIGHT) ของฝากขึ้นชื่อของประเทศตุรกี
จากนั้นนำท่านชม วิหารเทพีอาร์เทมิสโบราณ (THE TEMPLE OF ARTEMIS) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ที่ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตได้
จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูป มัสยิดอิสเบ ISA BEY MOSQUE เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีและสำคัญที่สุดซึ่งสะท้อนถึงจุดสิ้นสุดของยุคจักรวรรดิ Seljuk ในช่วงปลายคริสต์ ค.ศ. 1400 นอกจากนี้มัสยิดแห่งนี้ยังเป็นที่ประทับของมัสยิดเมยยาดในดามัสกัส มัสยิด ISA BEY MOSQUE ก่อตั้งขึ้นบนเนินเขาตะวันตกของเขา Ayasuluk ที่มองเห็นพื้นที่และมี harem ขนาดใหญ่ที่มีสอง naves และประกอบด้วยลานขนาดใหญ่
และแวะถ่ายรูป โบสถ์นักบุญเซนต์ จอห์น (ST. JOHN CASTLE) สาวกของพระเยซูคริสต์ที่ออกเดินทางเผยแพร่ศาสนาไปทั่วดินแดนอนาโตเลียหรือประเทศตุรกีในปัจจุบัน
จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูป มัสยิดอิสอิสเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีและสำคัญที่สุดซึ่งสะท้อนถึงจุดสิ้นสุดของยุคจักรวรรดิ Seljuk ในช่วงปลายคริสต์ ค.ศ. 1400 นอกจากนี้มัสยิดแห่งนี้ยังเป็นที่ประทับของมัสยิดเมยยาดในดามัสกัส มัสยิด Isa bey ก่อตั้งขึ้นบนเนินเขาตะวันตกของเขา Ayasuluk ที่มองเห็นพื้นที่และมี harem ขนาดใหญ่ที่มีสอง naves และประกอบด้วยลานขนาดใหญ่
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารหรือห้องอาหารของโรงแรม
เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังจากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ (PAMUKKALE) ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง (189 กิโลเมตร) เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนที่ไหลลงสู่หน้าผา
จากนั้นนำท่านเข้า ชมโรงงานคอตตอน สามารถเลือกซื้อของฝากเช่น ผ้าพันคอ ผ้าปูที่นอน เสื้อผ้า เป็นต้น เป็นสินค้าที่ผลิตด้วยคอตตอน100%
กลางวัน : บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านชม ปราสาทปุยฝ้าย ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆหลายชั้นและผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมากท่านจะได้สัมผัส เมืองเฮียราโพลิส HIERAPOLIS เป็นเมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อนซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรคเมื่อเวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้เกิดการพังทลายลงเหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไปบางส่วนยังพอมองออกว่าเดิมเคยเป็นอะไรเช่นโรงละครแอมฟิเธียร์เตอร์ขนาดใหญ่วิหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณเป็นต้น
**พิเศษช่วงเดือน กรกฎาคม เดือนเดียวเท่านั้น** ระหว่างทางนำท่านชม ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ณ Kuyucak Village แห่ง เมืองอิสปาร์ตา หรืออีกชื่อหนึ่งคือ The Lavender Village ที่บานสะพรั่งสวยงาม จะมีเฉพาะเดือน กรกฏาคม ของทุกปี
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารหรือห้องอาหารของโรงแรม
เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองคอนย่า (KONYA) ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุก ระยะทาง 387 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
กลางวัน : บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย (CAPPADOCIA) ระยะทาง 215 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที ระหว่างทางแวะถ่ายรูป CARAVANSARAI ที่พักของกองคาราวานในสมัยโบราณ เป็นสถานที่พักแรมของกองคาราวานตามเส้นทางสายไหมและชาวเติร์กสมัยออตโตมัน
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารหรือห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านชมการแสดงพื้นเมือง “ระบำหน้าท้อง”หรือ Belly Dance เป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่งเกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 6000 ปี ในดินแดนแถบอียิปต์ และเมดิเตอร์เรเนียนนักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องให้มีมาจนถึงปัจจุบัน และการเดินทางของชาวยิปซีทำให้ระบำหน้าท้องแพร่หลายมีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงามจนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องตุรกีในปัจจุบัน(บริการเครื่องดื่มฟรีตลอดการแสดง)
นำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรมสไตล์ถ้ำ!! ALP CAVE DESIGN HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
** แนะนำโปรแกรมเสริมพิเศษ ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์ (Optional Tour) **
1.บอลลูนทัวร์ (Balloon Tour) ** สำหรับท่านที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกีย โปรแกรมเสริมพิเศษ จำเป็นต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 04.30-05.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับไปขึ้นบอลลูน เพื่อชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาเดินทางจากโรงแรมไปขึ้นบอลลูน ประมาณ 30-45 นาที อยู่บนบอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการขึ้นบอลลูน ท่านละ 250-300 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ (USD.) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และ เครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน **
2.รถจี๊บทัวร์ (Jeep Tour) ** สำหรับท่านใดที่สนใจชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเจียบริเวณภาคพื้นดิน โปรแกรมจำเป็นต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 05.00-06.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับ เพื่อชมความสวยงามโดยรอบของเมืองคัปปาโดเจียบริเวณภาคพื้นดิน ในบริเวณที่รถเล็กสามารถตะลุยไปได้ ใช้เวลาอยู่บนรถจี๊บประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการนั่งรถจี๊บอยู่ที่ ท่านละ ประมาณ 100-150 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ (USD.) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการนั่งรถจี๊บ ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน **
** คำแนะนำ **
– เนื่องด้วยข้อกำหนดของเวลา ท่านจำเป็นต้องเลือกซื้อแพ็คเกจทัวร์เสริมอย่างใด อย่างหนึ่ง
– ท่านที่เมารถ กรุณาทานยาแก้เมารถล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงก่อนออกเดินทาง และ ควรแจ้งให้หัวหน้าทัวร์ทราบตั้งแต่ก่อนวันเดินทาง (ตั้งแต่อยู่ประเทศไทย เพื่อเตรียมยาแก้เมารถจากประเทศไทยไป)
– กิจกรรมนี้ ไม่อนุญาตให้ผู้ที่เป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรง หรือ ตั้งครรภ์ เข้าร่วมโดยเด็ดขาด กรณีเกิดความเสียหายไม่ว่ากรณีใดๆทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการไม่รับผิดชอบทุกกรณี
– สำหรับท่านที่ไม่ร่วมในโปรแกรมเสริมพิเศษ ท่านจำเป็นต้องพักผ่อนรอคณะอยู่ที่โรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านเข้า ชมโรงงานทอพรม สิ่งท่อขึ้นชื่อของประเทศตุรกี เป็นพรมทอมือ สามารถเลือกชมเลือก ซื้อได้ตามอัธยาศัย
จากนั้นนำทุกท่านสู่ นครใต้ดิน (UNDERGROUND CITY) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกเป็นมรดกโลก เมืองใต้ดินของตุรกีมีอยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งมีอุโมงค์เชื่อมต่อถึงกันเป็นสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบภัยชาวโรมันที่ต้องการทำลายร้างพวกนับถือศาสนาคริสต์ เมืองใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ แต่ละชั้นมีความกว้างและสูงขนาดเท่าเรายืนได้ ทำเป็นห้อง ๆ มีทั้งห้องครัวห้องหมักไวน์ มีโบสถ์ ห้องโถงสำหรับใช้ประชุม มีบ่อน้ำและระบบระบายอากาศที่ดี แต่อากาศค่อนข้างบางเบาเพราะอยู่ลึกและทางเดินบางช่วงค่อนข้างแคบจนเดินสวนกันไม่ได้
จากนั้น นำท่านชมวิว หุบเขาแห่งเทพนิยายสีชมพู (Devrent Valley) เป็นหุบเขาที่ถูกธรรมชาติสร้างสรรค์เป็นรูปต่างๆ มีภูมิทัศน์ที่สวยงามและคล้ายคลึงกับพื้นผิวบนดวงจันทร์ ซึ่งรอบๆบริเวณนี้ เต็มไปด้วยหินรูปทรงต่างๆ จำนวนมาก โดยธรรมชาติเป็นผู้สร้างขึ้น เช่น รูป อูฐ, งู, แมวน้ำ, พระแม่มารีย์ และ ภูมิประเทศบริเวณนี้เป็นสีชมพู เป็นเอกลักษณ์และเป็นจุดเด่นที่ทำให้ หุบเขาแห่งนี้ มีชื่อเสียง เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว
กลางวัน : บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูป หุบเขาอุซิซาร์ (UCHISAR VALLEY) หุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาดังกล่าวมีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อาศัย และถ้ามองดี ๆ จะรู้ว่าอุซิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ดังนั้นในอดีตอุซิซาร์ ก็มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วย
จากนั้นนำท่านแวะ ชมโรงงานจิวเวอร์รี่และโรงงานเซรามิค อิสระกับการเลือกซื้อสินค้าและของที่ระลึก
นำทุกท่านชมวิว หุบเขานกพิราบ (Pigeon Valley) เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมือง Cappadogia ซึ่งมีจุดชมวิวที่อยู่ตรง บริเวณหน้าผา ที่ชาวเมืองในสมัยโบราณได้ขุดเจาะเป็นรู เพื่อให้นกพิราบได้เข้าไปทำรังอาศัยอยู่มากมาย ภูมิประเทศมีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง นักท่องเที่ยว นิยม มาชมวิว ถ่ายรูป ที่นี่เป็นอย่างมากเมื่อได้มาเที่ยวที่เมือง คัปปาโดเกีย
ต่อมานำทุกท่านเยี่ยมชม ปล่องไฟนางฟ้า (Fairy Chimney) ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่งในเมืองคัปปาโดเกีย มีลักษณะเป็น ภูเขาหินรูปทรงกรวย มีขนาดใหญ่ มีลักษณะคล้ายเห็ด เกิดจากการกัดเซาะ จาก ลม ฝน โดยธรรมชาติ เป็นระยะเวลายาวนาน จนมีรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์อย่างในปัจจุบัน
ได้เวลาอันสมควรนำทุกท่านเดินทางสู่สนามบิน
22.45 น. : เหิรฟ้าสู่ กรุงอิสตันบูล โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK-2233 ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1.30 ชั่วโมง (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
23.45 น. : เดินทางถึง กรุงอิสตันบูล (แวะเปลี่ยนเที่ยวบิน บินสู่กรุงเทพมหานคร)
01.45 น. : เหิรฟ้าสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK68 ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 10 ชั่วโมง (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
15.25 น. : คณะเดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิกรุงเทพมหานคร ด้วยความสวัสดิภาพและความประทับใจ
(หมายเหตุ:ค่าประกันอุบิติเหตุสำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือน และ ผู้ใหญ่อายุมากกว่า 75 ปีทางบริษัทประกันฯจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพียงครึ่งหนึ่งของสัญญาฯ)
เงื่อนไขการยกเลิกการเดินทาง
** กรณีที่มีค่าใช้จ่ายตามจริงมากกว่ากำหนด ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่ม ที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด **
** ทั้งนี้ ทางบริษัทจะหักค่าใช้จ่ายที่ได้จ่ายจริงจากค่าบริการที่ชำระแล้วเนื่องจากการจัดเตรียม การจัดการนำเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยว เช่น การสำรองที่นั่งตั๋วเครื่องบิน การจองที่พัก เป็นต้น **