กัสโต้ เวิล์ด ทัวร์

บริการคุณภาพ ทุกเส้นทางท่องเที่ยว

เลขที่ 11/03295

ทัวร์ตุรกี Miraculous Turkiye

รหัส 036-2921
วันที่เดินทาง
ก.พ.66
ช่วงเวลา
8 วัน 5 คืน
ราคาเริ่มต้น
49,999 บาท
แผนการเดินทาง
วันที่ 1
กรุงเทพ (สนามบินสุวรรณภูมิ)

19.00 น.           คณะพร้อมกัน ณ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศชั้น4 สนามบินสุวรรณภูมิเคาน์เตอร์สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์(TK) พบเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก

22.55 น.           ออกเดินทางสู่ สนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรเคีย โดย สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์(TK) เที่ยวบินที่ TK65 (22.55-05.45) ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 10.50 ชั่วโมง

บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง

วันที่ 2
อิสตันบูล-ฮิปโปโดรม-สุเหร่าสีน้ำเงิน-โบสถ์เซนต์โซเฟีย-พระราชวังทอปกาปี-พระราชวังโดลมาบาชเช่-แกรนด์บาซาร์-หอคอยกาลาตา-Taksim

05.45 น.           เดินทางถึง  สนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรเคีย

นำท่านเดินทางสู่ เมืองอิสตันบูล (Istanbul) เป็นเมืองที่มีความสำคัญที่สุดของประเทศตุรเคีย มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายศตวรรษตั้งแต่ก่อนคริสตกาล มีทำเลที่ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย) สถาปัตยกรรมอันงดงามผสมผสานทั้ง 2 ทวีป ทำให้เมืองอิสตันบูลมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์พิเศษ อีกทั้งพื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งอิสตันบูล ฝั่งทวีปยุโรป ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1986

นำท่านถ่ายภาพเป็นที่ระลึก จัตุรัสสุลต่านอะห์เมตหรือฮิปโปโดรม (Hippodrome) สนามแข่งม้าของชาวโรมัน จุดศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวเมืองเก่า สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิแซ็ปติมิอุสแซเวรุสเพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่างๆของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนตินฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้นตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่าง ๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่จัดงานพิธีแต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมตซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิสก์3 ต้น คือเสาที่สร้างในอียิปต์เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูลเสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือเสาคอนสแตนตินที่ 7

นำท่านเข้าชม สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) สร้างขึ้นในสมัยสุลต่านอะห์เมตที่ 1 ซึ่งมีพระประสงค์ที่จะสร้างมัสยิดของจักรวรรดิออตโตมันให้มีความงดงามและยิ่งใหญ่กว่าโบสถ์เซนต์โซเฟีย (St. Sophia) ของจักรวรรดิไบแซนไทน์ให้ได้ โดยสุเหร่าแห่งนี้สร้างประจันหน้ากับโบสถ์เซนต์โซเฟีย อย่างไรก็ตาม โบสถ์เซนต์โซเฟีย ยังคงเป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตุรเคียจวบจนปัจจุบัน

หมายเหตุ : โปรดแต่งกายด้วยชุดสุภาพ สำหรับการเข้าชมสุเหร่าและจำเป็นต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าชม

สุภาพสตรี : ควรสวมกางเกงขายาวคลุมข้อเท้า เสื้อแขนยาวคลุมข้อมือ มิดชิดไม่รัดรูป และเตรียมผ้าสำหรับคลุมศีรษะ

สุภาพบุรุษ : ควรสวมกางเกงขายาว และเสื้อแขนยาวไม่รัดรูป

นำท่านชม โบสถ์เซนต์โซเฟีย (ST.Sophia) เป็นศิลปะแบบไบเซนไทม์ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ สร้างขึ้นสมัยจักรพรรดิคอนสแตนตินของจักรวรรดิไบแซนไทน์ เดิมใช้เป็นโบสถ์คริสต์ แต่หลังจากจักรวรรดิออตโตมันเข้ามาปกครองจึงได้เปลี่ยนโบสถ์ดังกล่าวมาเป็นมัสยิด และได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติในสมัยเคมาล อะตาเตริ์ก หลังจากที่เป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์เป็นเวลากว่า 916 ปี และเป็นมัสยิดของศาสนาอิสลามอีกกว่า 447 ปี ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความงามและความยิ่งใหญ่ ภายในมีภาพประดับโมเสกทองที่สมบูรณ์ บ่งบอกถึงความศรัทธาอันแรงกล้าของจักรพรรดิคอนสแตนตินที่มีต่อคริสต์ศาสนา

จากนั้นนำท่านถ่ายรูป พระราชวังทอปกาปี (Topkapi Palace) สร้างขึ้นในสมัยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 หรือ เมห์เมตผู้พิชิต ภายหลังที่ทรงตีกรุงคอนสแตนติโนเบิลหรืออิสตันบูลในปัจจุบันได้แล้ว ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางของอาณาจักรออตโตมัน จึงโปรดให้มีการสร้างพระราชวังนี้ขึ้นเป็นที่ประทับอย่างถาวร พระราชวังทอปกาปีนี้มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ กินเนื้อที่เกือบ 700,000 ตารางเมตร ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงตามแนวฝั่งทะเลมาร์มารา ภายในพระราชวังประกอบด้วยตำหนักน้อยใหญ่ พลับพลา พระคลังมหาสมบัติ มัสยิด หอพัก โรงเรียน ฯลฯ ปัจจุบันพระราชวังทอปกาปีกลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ใช้เก็บมหาสมบัติอันล้ำค่า อาทิ เช่น เพชร 96 กะรัต กริชทองประดับมรกต เครื่องลายครามจากจีน หยก มรกต ทับทิม และเครื่องทรงของ สุลต่านในแต่ละยุคสมัย

กลางวัน            รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร Muazzam Restaurant

เมนูพิเศษ Mixed Seafood Platter

นำท่านชม พระราชวังโดลมาบาชเช่ (Dolmabahce Palace) พระราชวังที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญอย่างสูงสุดทั้งทางวัฒนธรรมและทางวัตถุของจักรวรรดิออตโตมัน ซึ่งได้แผ่ขยายอำนาจออกไปอย่างกว้างขวาง พระราชวังแห่งนี้สร้างโดย สุลต่าน อับดุล เมอซิท ในปีค.ศ. 1843 ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 12 ปี เพราะความที่สุลต่านทรงเป็นผู้คลั่งไคล้ยุโรปอย่างที่สุด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นศิลปะ วัฒนธรรม การดำรงชีวิต ตลอดจนการทหารล้วนคัดลอกมาจากตะวันตกทั้งสิ้น พระราชวังแห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิกคู่ใจชาวอาเมเนี่ยนชื่อ บัลยัน เป็นศิลปะผสมผสานของยุโรปและตะวันออกที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม ภายนอกพระราชวังประดับตกแต่งด้วยสวนไม้ดอกรายล้อมพระราชวัง อยู่เหนืออ่าวเล็กๆของช่องแคบบอสฟอรัส ภายในประกอบด้วยห้องต่างๆ ตกแต่งด้วยโคมระย้า บันไดลูกกรง แก้วเจียระไน และโคมไฟมหึมาหนัก 4.5 ตัน โดยแขวนไว้อย่างโดดเด่น ใน  ห้องท้องพระโรงใหญ่

จากนั้น นำท่านสู่ย่านการค้าชื่อดัง “แกรนด์บาร์ซาร์” (Grand Bazzar) เป็นตลาดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยกลาง ค.ศ. 15 เป็นตลาดค้าพรมและทองที่ใหญ่ที่สุดของตุรเคีย มีร้านค้ากว่า 4,000 ร้าน ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าที่มีชื่อเสียงของตุรเคียอย่างจุใจ เช่น โคมไฟ, ของฝาก, ผ้าพันคอ ฯลฯ นำท่านถ่ายภาพกับ หอคอยกาลาตา (Galata Tower) หอคอยหินสไตล์โรมัน แบบสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ ตัวตึกประกอบด้วย 9 ชั้น มีรูปทรงกระบอก และมีหลังคาเป็นทรงกรวย อีกหนึ่งสัญลักษณ์เมืองอิสตันบูล สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1348 เพื่อไว้เป็นหอสังเกตการณ์ป้องกันข้าศึกจากทางทะเล ปัจจุบันชั้นบนเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นชมทัศนียภาพของเมือง

จากนั้น อิสระให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินกับการ เดินช้อปปิ้ง ถ่ายรูป ย่าน Taksim Square เป็นสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงและนับว่าเป็นหัวใจ ของ เมืองอิสตันบูลเลยทีเดียว ซึ่ง ไฮไลท์ของ Taksim Square อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ รถรางสีแดงสด ที่วิ่งจาก จัตุรัส ทักซิม ไปตามถนน ใกล้กับ สถานีทูเนล ซึ่งเป็นสถานีรถไฟใต้ดิน ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเป็นอันดับสอง

เย็น              รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร Seven Hill Restaurant  เป็นร้านอาหารที่เหล่าบรรดาเหล่า Blogger และ Celebrity ทั้งหลายต่างก็ให้การยอมรับว่า เป็นร้านอาหารที่มีวิวที่สวยที่สุดในอิสตันบูล

พักที่ TRYP by Wyndham Istanbul Basın Ekspres หรือระดับเทียบเท่าระดับ 5 ดาว

วันที่ 3
อิสตันบูล-ล่องเรือชม ช่องแคบบอสฟอรัส-ม้าไม้จำลองแห่งทรอย

เช้า                 รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำท่าน ล่องเรือชม ช่องแคบบอสฟอรัส เป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ (The Black sea) เข้ากับ ทะเลมาร์มะรา (Sea of Marmara) ความยาวทั้งสิ้นประมาณ 32 กิโลเมตร ความกว้างตั้งแต่ 500 เมตรจนถึง 3 กิโลเมตร ถือว่าสุดขอบของทวีปยุโรปและสุดขอบของทวีปเอเชียมาพบกันที่นี่ นอกจากความสวยงามแล้ว ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย เพราะมีป้อมปืนตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบเหล่านี้จนกระทั่งถึงยุคของการนำเอาเรือปืนใหญ่มาใช้และไม่เคยปรากฏว่ากรุงอิสตันบูลถูกถล่มจนเสียหายอย่างหนักมาก่อนเลย ทั้งนี้เป็นเพราะป้อมปืนดังกล่าวนี้เอง ปี ค.ศ. 1973 มีการเปิดใช้สะพานบอสฟอรัส ทำให้เกิดการเดินทางไปมาระหว่างฝั่งเอเชียและยุโรปสะดวกมากขึ้น ขณะล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ข้างทาง ชมพระราชวังโดลมาบาชเช่ หรือ บ้านเรือนสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐี ซึ่งล้วนแล้วแต่สวยงามตระการตาทั้งสิ้น

กลางวัน            รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร  Osmanli Mutfagi Restaurant

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองชานัคคาเล่ (Canakkale) ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เดิมมีชื่อว่า โบกาซี่ (Bogazi) หรือ เฮลเลสปอนด์ (Hellespont) มีความยาว 65 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 1.3 กิโลเมตรเนื่องจากตั้งอยู่บนจุดแคบที่สุดของช่องแคบดาร์ดะเนลส์ ใกล้กับ แหลมเกลิโบลูของกรีซ บนฝั่งของ 2 ทะเลคือ ทะเลมาร์มะรา และ ทะเลอีเจียนซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลมาร์มะราตัดกับทะเลอีเจียน เป็นที่ตั้งของเมืองทรอย

นำท่านชมและถ่ายรูปคู่กับ ม้าไม้จำลองแห่งทรอย (Hollywood of Troy) ม้าไม้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดจากมหากาพย์ภาพยนตร์เรื่องทรอย (Troy) เป็นหนึ่งในอาวุธยุทโธปกรณ์อันชาญฉลาดในสมัยนั้นที่ชาวกรีกใช้อุบายส่งม้าไม้ให้เมืองทรอยเพื่อเป็นของกำนัล แต่ได้แอบบรรจุคนมาในม้าไม้เพื่อเข้ามาเปิดประตูเมืองทรอย ให้ทหารเข้าเมืองจนทำให้เมืองทรอยล่มสลาย ซึ่งเปรียบเสมือน สัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลการศึกของนักรบโบราณ

เย็น              รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม

พักที่ Kolin Hotel Spa & Convention Center หรือระดับเทียบเท่าระดับ 5 ดาว

วันที่ 4
เมืองคูซาดาซี-เอเฟซุส-ร้านเตอร์กิช ดีไลท์-บ้านพระแม่มารี

เช้า                 รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองคูซาดาซี (Kusadasi) เมืองท่าเลียบชายฝั่งทะเลของประเทศตุรเคีย ในอดีตเมืองนี้เหมือนท่าเรือขนส่งสินค้า เมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องการผลิตเครื่องหนังคุณภาพสูงส่งออกทั่วโลก

กลางวัน            รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร Bergama Restaurant ( Buffet )

เดินทางถึงสู่ เมืองเอฟิซุส (Ephesus City) เป็นเมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีที่สุดเมืองหนึ่ง ในอดีตเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในเเถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และรุ่งเรืองถึงขีดสุดอีกครั้งภายใต้การปกครองของโรมันสิ่งก่อสร้างที่คงเหลือให้ได้ชมในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มีอายุนับแต่สมัยจักรพรรดิออกุสตุส ราวศตวรรษที่ 11 เป็นต้นมา และล้วนเป็นศิลปะแบบเฮเลนนิสติก ที่มีความอ่อนหวาน และฝีมือประณีต ภายในอาณาเขตอันกว้างใหญ่ที่สำคัญ อาทิ โรงอาบน้ำ และโรงละครโบราณที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 25,000 คน

นำท่านเดินทางถึง ร้านเตอร์กิช ดีไลท์ (Turkish Delight Shop) เป็นร้านที่ขายขนมหวานขึ้นชื่อของประเทศตุรกี ซึ่งคนท้องถิ่นเรียกกันว่าโลคุม (Lokum) เป็นขนมหวานทรงลูกเต๋าที่ประกอบขึ้นจากแป้งและน้ำตาล มักจะมีอัลมอนด์ ถั่วพิสทาชิโอ วอลนัท และแมคคาเดเมียผสมเข้าไปด้วย โดยส่วนมากหน้าตาจะมีสีชมพูเข้ม แต่ก็ดูจางลงไปทันทีเมื่อเสิร์ฟกับน้ำตาลไอซิ่ง ที่คลุกเคล้าประหนึ่งแป้งฝุ่น มีรสหวาน สอดแทรกด้วยความกรอบและมันของถั่วคุณภาพดี ชาวตุรกีนิยมทานคู่กับชาร้อน หรือ ชากลิ่นแอปเปิล

จากนั้นนำท่านเข้าชม บ้านพระแม่มารี (House of Virgin Mary)  เชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนภูเขาสูงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คริสต์ศาสนิกชนจะต้องหาโอกาสขึ้นไปนมัสการให้ได้สักครั้งในชีวิต

เย็น              รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

พักที่ Ramada Resort Kusadasi หรือระดับเทียบเท่าระดับ 5 ดาว

วันที่ 5
ซิรินเซ-ปราสาทปุยฝ้าย

เช้า                 รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ โรงงานผลิตเครื่องหนัง (Leather Factory) ซึ่งประเทศตุรเคียเป็นประเทศที่มีฐานการผลิตเครื่องหนังคุณภาพสูงที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก ทั้งยังผลิตเสื้อหนังให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี อาทิ Versace, Prada, Michael Kors อีกด้วย อิสระให้ท่านเลือกชมผลิตภัณฑ์จากเครื่องหนัง และ สินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย

นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านซิรินเซ (Sirince Village) หมู่บ้านแห่งสองวัฒนธรรมระหว่างตุรเคียและกรีซ หมู่บ้านแห่งหุบเขาอุดมไปด้วยความสมบูรณ์บนยอดเขา สิ่งหนึ่งที่ทำให้หมู่บ้านซิรินเซโดดเด่นท่ามกลางสถานที่ท่องเที่ยวก็คือไวน์ เนื่องจากที่นี่คือหมู่บ้านชาวกรีกจริงๆ จึงมีวัฒนธรรมไวน์ รวมไปถึงไวน์ผลไม้อื่น อาทิ แอปเปิล สตรอว์เบอร์รี กล้วย พีช เมล่อน ไวน์ผลไม้ของซิรินเซขึ้นชื่อมาก สามารถ และช้อปปิ้งในห้องใต้ดินในใจกลางหมู่บ้านซิรินเซ ตลาดนัดของหมู่บ้านมีจำหน่ายสบู่โฮมเมด งานฝีมือ ผลิตภัณฑ์น้ำมันมะกอกทุกชนิด บ้านไวน์ และบ้านกรีกโบราณ นอกจากนี้ ทิวทัศน์ของหมู่บ้านจากหอคอย โฮดรี เมย์เดน (Hodri Meydan) ทางเหนือของหมู่บ้านซิรินเซก็สวยงามเช่นกัน

กลางวัน            รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร Modus Restaurant ( Asian Buffet )

นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ (Pamukkale) คำว่า “ปามุกคาเล่” ในภาษาตุรกี หมายถึง “ปราสาทปุยฝ้าย” Pamuk  หมายถึง ปุยฝ้าย และ Kale หมายถึง ปราสาท เป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส เป็นที่ที่มีแร่หินปูน (แคลเซียมออกไซด์) ผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมาก ไหลรินลงมาจากภูเขา “คาลดากึ” ซึ่งตั้งอยู่ ห่างออกไปทางทิศเหนือ รินเอ่อล้นขึ้นมาเหนือผิวดิน และทำปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้ว เป็นแอ่ง เป็นชั้น ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศ เกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติอันสวยงามแปลกตาและโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ปามุกคาเล่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1988 ภายในบริเวณเดียวกันนี้ยังเป็น เมืองโบราณเฮียราโพลิส (Hierapolis) เป็นเมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อน ซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรคเมื่อเวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้เกิดการพังทลายลง เหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไปบางส่วนยังพอมองออกว่าเดิมเคยเป็นอะไร อาทิ โรงละคร แอมฟิเธียร์เตอร์ขนาดใหญ่ วิหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1988

เย็น              รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม

พักที่ Richmond Pamukkale Thermal หรือระดับเทียบเท่าระดับ 5 ดาว

วันที่ 6
เมืองคอนย่า -เมืองคัปปาโดเกีย-คาราวานสไลน์-โชว์ระบำหน้าท้อง

เช้า                 รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่  เมืองคอนย่า (Konya) เมืองมหาอำนาจเศรษฐกิจ และเมืองอนุรักษ์นิยมแห่งอันโทเนีย ที่ให้กำเนิดการเต้น พื้นเมือง Whirling Dervish อันเป็นเอกลักษณ์ของตุรเคีย ทำให้เมืองแห่งนี้อุดมด้วยวัฒนธรรม Seljuk ผสมผสานกับความโมเดิร์นไว้อย่างลงตัว

กลางวัน            รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร Lokmahane  

** เมนูพิเศษ ไก่ย่าง และ แกะบนกระทะร้อน

ระหว่างทางแวะชม คาราวานสไลน์ (Caravanserai)  คาราวานสุลต่านฮานเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดในอนาโตเลียตอนกลาง อีกทั้งยังเป็นคาราวานเซลจุกที่ใหญ่ที่สุดและได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดในตุรเคียอีกด้วย ให้คุณได้ชมสถาปัตยกรรมมรดกโลกอันทรงคุณค่าที่สุดแห่งหนึ่งบนเส้นทางสายไหม

เดินทางถึง เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) ชมดินแดนที่มีภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์ ซึ่งเกิดจากลาวาภูเขาไฟที่ไหลออกมาปกคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง แล้วทับถมเป็นเวลาหลายล้านปีเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา เมื่อวันเวลาผ่านไป พายุ ลม ฝน และหิมะได้เป็นกัดเซาะแผ่นดิน มาเรื่อยๆ จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูปแท่งกรวย (คว่ำ) ปล่อง กระโจม โดม ดั่งสวรรค์บนดิน จนได้ชื่อว่า “ดินแดนแห่งปล่องนางฟ้า” และได้รับการแต่งตั้งจาก องค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี

นำท่านชมการแสดงพื้นเมือง โชว์ระบำหน้าท้อง (Belly Dance) เป็นการโชว์เต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่งของชาวตุรเคีย ซึ่งมีมาประมาณ 6,000 ปี ในดินแดนแถบอียิปต์และเมดิเตอร์เรเนียน นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องนี้ไว้ให้มีมาจนถึงปัจจุบัน การโชว์ระบำหน้าท้องนี้ได้มีมาอย่างแพร่หลายและมีการพัฒนาซึ่งเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงาม จนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องของประเทศตุรกีในปัจจุบัน

เย็น               รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

พักที่ Alfina Hotel Cappadocia หรือระดับเทียบเท่าระดับ 5 ดาว

หมายเหตุ : ท่านควรเตรียมกระเป๋าสัมภาระใบเล็ก เพื่อแยกสัมภาระสำหรับค้างคืนที่โรงแรมถ้ำ เพื่อความสะดวกใน   การเดินทางของท่าน เนื่องจากโดยส่วนใหญ่โรงแรมสไตล์ถ้ำในเมืองนี้ไม่มีลิฟท์ให้บริการ

วันที่ 7
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม-นครใต้ดิน-หุบเขาพาซาแบค

เช้า                 รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม

สำหรับการขึ้นบอลลูนเป็นไฮไลท์ของเมืองคัปปาโดเกียและจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก ให้ท่านได้อิสระหากท่านใดสนใจขึ้นบอลลูน และกิจกรรมอื่นๆ รายละเอียดดังนี้ กิจกรรมเสริมพิเศษนี้ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์ (Optional Tour)

  1. บอลลูนทัวร์ (Balloon Tour) สำหรับท่านที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกีย โปรแกรมเสริมพิเศษ จำเป็นต้องออกจากโรงแรมประมาณ 04.30 – 05.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับไปขึ้นบอลลูน เพื่อชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาเดินทางจากโรงแรมไปขึ้นบอลลูน ประมาณ 30 – 45 นาที อยู่บนบอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการขึ้นบอลลูน ท่านละ ประมาณ 250 – 300 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน
  2. รถจี๊ปทัวร์ (Jeep Tour) สำหรับท่านใดที่สนใจชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดิน โปรแกรมจำเป็นต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 05.00 – 06.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับ เพื่อชมความสวยงามโดยรอบของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดินในบริเวณที่รถเล็กสามารถตะลุยไปได้ ใช้เวลาอยู่บนรถจี๊ป ประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการนั่งรถจี๊ปอยู่ที่ ท่านละ 100 – 150 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน
  3. รถมัสแตงโบราณ (Mustang Classic Car) สำหรับท่านใดที่สนใจชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดิน โปรแกรมจำเป็นต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 05.00 – 06.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับ เพื่อชมความสวยงามโดยรอบของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดินในบริเวณที่รถเล็กสามารถเดินทางไปได้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จำกัดโดยสารไม่เกิน 3 ท่าน/คัน ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการนั่งรถมัสแตงโบราณอยู่ที่ ท่านละ 100 – 150 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน

คำแนะนำ

–  เนื่องด้วยข้อกำหนดของเวลา ท่านจำเป็นต้องเลือกซื้อแพ็กเกจทัวร์เสริมอย่างใด อย่างหนึ่ง

–  ท่านที่เมารถ กรุณาทานยาแก้เมารถล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งก่อนออกเดินทาง และควรแจ้งให้หัวหน้าทัวร์ทราบตั้งแต่ก่อนวันเดินทาง (ตั้งแต่อยู่ประเทศไทย เพื่อเตรียมยาแก้เมารถจากประเทศไป)

–  กิจกรรมนี้ ไม่อนุญาตให้ผู้ที่เป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรง, ตั้งครรภ์ หรือ เด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี เข้าร่วมโดยเด็ดขาด กรณีเกิดความเสียหายไม่ว่ากรณีใดๆ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการรับผิดชอบทุกกรณี

–  สำหรับท่านที่ไม่ร่วมในโปรแกรมเสริมพิเศษ ให้ท่านพักผ่อนรอคณะอยู่ที่โรงแรมที่พัก

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเกอเรเม (Goreme) เพื่อเข้าชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม หนึ่งใน Unesco World Heritage Site เป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 ความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนา โดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์และยังเป็นการป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์ ก่อนที่ศาสนาคริสต์จะเผยแพร่ในดินแดนคัปปาโดเกีย ผู้คนแถบนี้นับถือเทพเจ้ากรีก-โรมัน จนเมื่อประมาณกลางคริสต์ศตวรรษที่ 1 “เซนต์ปอล” เดินทางมาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ในคัปปาโดเกีย แต่ดูเหมือนว่าชาวโรมันผู้ปกครองในยุคนั้น จะไม่ให้การยอมรับทำให้ผู้นับถือศาสนาคริสต์ในคัปปาโดเกียต้องหลบซ่อนจากการถูกรังควานของโรมัน ด้วยการเจาะถ้ำขุดพื้นดินลงไปเป็นอุโมงค์เกิดเป็นเมืองใต้ดินขึ้นมา และได้ขุดเจาะบริเวณเกอเรเม่ทำเป็นโบสถ์ถ้ำจำนวนมาก กระทั่งในคริสต์ศตวรรษที่ 5 – 6 ชาวโรมันให้การยอมรับศาสนาคริสต์  สำหรับโบสถ์ถ้ำในเกอเรเม่ว่ากันว่ามีถึง 365 หลัง (สร้างตามจำนวนวันใน 1 ปี) แต่ว่าปัจจุบันเปิดให้ชมเพียงบางส่วนเท่านั้น อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

กลางวัน         รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารร้านอาหารจีน

นำท่านเข้าชม นครใต้ดิน Kaymakli (Underground  city of Kaymakli) เป็นเมืองใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในคัปปาโดเกีย มีครบทุกอย่าง ทั้งห้องโถง ห้องน้ำห้องนอน ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ สาเหตุแท้จริงของการสร้างเมืองใต้ดินปัจจุบันยังสรุปไม่ได้ ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าเป็นการสร้างเพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู (โดยเฉพาะพวกทหารโรมัน) แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น แต่ว่าอากาศภายในนั้นกลับถ่ายเทเย็นสบาย เนื่องจากเป็นหินภูเขาไฟ มีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 17-18 องศาเซลเซียส หน้าร้อนอากาศเย็น หน้าหนาวอากาศอบอุ่น

นำท่านเดินทางสู่ หุบเขาพาซาแบค (Pasabag Valley) หรือหุบเขาพระ (Monks Valley) เป็นหินทรงสูงใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายเห็ดสามหัว รูปร่างแปลกตา จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หุบเขานกพิราบ (Pigeon Valley) เป็นหน้าผาที่ชาวเมืองโบราณได้ขุดเจาะเป็นรู เพื่อให้นกพิราบเข้าไปทำรังอาศัยอยู่ เนื่องจากสมัยก่อนชาวเมืองใช้นกพิราบมีหน้าที่เป็นผู้ส่งสารสำคัญในแถบละแวกนั้น และยังเป็นสัตว์เลี้ยงอีกด้วย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หุบเขาอุชิซาร์ (Uchisar Valley)ให้ท่านได้ถ่ายภาพด้านหน้า เป็นหุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาแห่งนี้มีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อยู่อาศัย อุชิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ดังนั้นในอดีตอุชิซาร์ มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วย

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าเยี่ยมชม โรงงานเซรามิก (Ceramic Factory), โรงงานเครื่องประดับ (Jewelry Factory) และโรงงานทอพรม (Carpet Factory) เพื่อให้ท่านได้ชมการสาธิตกรรมวิธีการผลิตสินค้าพื้นเมืองทีมีคุณภาพและชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้า

จากนั้นนำท่านร่วมเดินเขาสู่ Red & Rose Valley หุบเขาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ระหว่างหมู่บ้าน Goreme และ Cavusin และแบ่งออกเป็นหุบเขาเล็กๆ ซึ่งมีเอกลักษณ์ความสวยงามาจากหินสีกุหลาบที่เปลี่ยนสี และความเข้มตลอดเวลาไปตามช่วงเวลาของวัน ฤดูกาล และสภาพอากาศ ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในสุดยอดสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกดินอย่างมาก ด้วยคุณจะได้สัมผัสแสงทองอร่ามทอดไปยังหินขาวแดง เป็นประสบการณ์ที่ต้องมาให้เห็นด้วยตนเอง จนถึงเวลาอันควร

เย็น              รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น

ท่านเดินทางสู่ สนามบินไกเซรี ประเทศตุรเคีย

22.55 น.        นำท่านออกเดินทางสู่ สนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรเคีย โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK2019

วันที่ 8
อิสตันบูล-สนามบินสุวรรณภูมิ

00.30 น.        เดินทางถึง สนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรเคีย เพื่อรอต่อเครื่อง

01.45 น.          ออกเดินทางจากเมืองอิสตันบูล กลับกรุงเทพฯ โดย สายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์(TK) เที่ยวบินที่ TK68 (01.45-15.25) ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 9.30 ชั่วโมง

15.25 น.           เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ

เงื่อนไข

อัตรานี้รวม

  1. ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ (Economy Class) แบบหมู่คณะ
  2. ค่ารถโค้ช ปรับอากาศนำเที่ยวตามรายการ
  3. ค่าห้องพักในโรงแรมที่ระบุตามรายการหรือเทียบเท่า
  4. ค่าอาหารที่ระบุตามรายการ
  5. ค่าเข้าชมสถานที่ทุกแห่งที่ระบุตามรายการ
  6. ค่าวีซ่าท่องเที่ยวยุโรป Etats Schengen
  7. ค่าประกันอุบัติเหตุในการเดินทางวงเงินประกันท่านละ 3,000,000 บาทและค่ารักษาพยาบาล 2,500,000 บาท ไม่คุ้มครองโรคประจำตัวหรือโรคร้ายแรงที่แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นก่อนเดินทางรายละเอียดอื่นๆ เป็นไปตามเงื่อนไขแห่งกรมธรรม์ฯ
  8. ค่าประกันรวมรักษาโควิดหากป่วยหรือต้องกักตัวในต่างประเทศ (รายละเอียดเป็นไปตามเงื่อนไขแห่ง.กรมธรรม์)
  9. น้ำดื่มวันละ 1 ขวด / ท่าน
  10. ค่าน้ำหนักกระเป๋า (น้ำหนัก 30 กิโลกรัม) จำกัดกระเป๋าท่านละ 1 ใบเท่านั้น

อัตรานี้ไม่รวม

  1. ค่าธรรมเนียมจัดทำหนังสือเดินทาง, แจ้งเข้าแจ้งออกสำหรับผู้ที่ไม่ได้ถือหนังสือเดินทางของไทย
  2. ค่าภาษีน้ำมันที่สายการบินเรียกเก็บเพิ่ม หากสายการบินมีการปรับขึ้นก่อนวันเดินทาง
  3. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ในกรณีที่ต้องการใบกำกับภาษี
  4. ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ เช่น ค่าอาหารและเครื่องดื่มสั่งพิเศษ นอกเหนือจากรายการทัวร์, ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, มินิบาร์และทีวีช่องพิเศษ ฯลฯ
  5. ค่าธรรมเนียมในกรณีที่กระเป๋าสัมภาระที่มีน้ำหนักเกินกว่าที่สายการบินนั้นๆ กำหนดหรือสัมภาระใหญ่เกินขนาดมาตรฐาน
  6. ค่าทิปคนขับรถและไกด์ท้องถิ่น (70 USD) ตลอดการเดินทาง
  7. ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของท่าน

การจองและการชำระ

  1. ชำระเงินมัดจำท่านละ 30,000 บาท ภายหลังจากที่ท่านส่งเอกสารการจองภายใน 2 วัน โดยโอนเข้าบัญชี ที่นั่งจะยืนยันเมื่อได้รับเงินมัดจำแล้วเท่านั้น
  2. ส่วนที่เหลือชำระ 30 วัน ก่อนการเดินทาง เฉพาะวันหยุดยาวและนักขัตฤกษ์ ชำระส่วนที่เหลือ 45 วันก่อนการเดินทาง เนื่องจากทางบริษัทต้องสำรองค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าที่พักและตั๋วเครื่องบิน มิฉะนั้นจะถือว่าท่านยกเลิกการเดินทางโดยอัตโนมัติ
    • หากไม่ชำระมัดจำตามที่กำหนด ขออนุญาตตัดที่นั่งให้ลูกค้าท่านอื่นที่รออยู่
    • หากชำระไม่ครบตามจำนวน บริษัทฯ ถือว่าท่านยกเลิกการเดินทางโดยอัตโนมัติ โดยไม่มีเงื่อนไข
    • เมื่อท่านชำระเงินแล้ว ไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน ทางบริษัทฯ ถือว่าท่านได้ยอมรับเงื่อนไขและข้อตกลงต่างๆที่ได้ระบุไว้ทั้งหมดนี้แล้ว
  3. ส่งสำเนาหน้าพาสปอร์ตของผู้ที่เดินทาง ที่มีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือนและเหลือหน้ากระดาษอย่างต่ำ 2 หน้า เพื่อทำการสำรองที่นั่งภายใน 2 วัน นับจากวันจอง หากไม่ส่งสำเนาหน้าพาสปอร์ตทางบริษัทขออนุญาตยกเลิกการจองทัวร์โดยอัตโนมัติ
  4. เมื่อได้รับการยืนยันว่ากรุ๊ปออกเดินทางได้ ลูกค้าสามารถจัดเตรียมเอกสารในการขอวีซ่าได้ทันที
  5. หากท่านที่ต้องการออกตั๋วโดยสารภายในประเทศ (กรณีลูกค้าอยู่ต่างจังหวัด) ให้ท่านติดต่อเจ้าหน้าที่ ก่อนออกบัตรโดยสารทุกครั้ง หากออกบัตรโดยสารโดยมิแจ้งเจ้าหน้าที่ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
  6. การยื่นวีซ่าในแต่ละสถานทูตมีการเตรียมเอกสาร และมีขั้นตอนการยื่นวีซ่าไม่เหมือนกัน ทั้งแบบหมู่คณะและยื่นรายบุคคล (แสดงตน) ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนการจองได้จากทางเจ้าหน้าที่
  7. กรณีวีซ่ายังไม่ทราบผลก่อนเดินทาง 30 วันทำการ ทางบริษัทฯต้องขอเก็บค่าทัวร์ทั้งหมดก่อน ตามกำหนดเงื่อนไขการชำระเงิน แต่หากวีซ่าของท่านไม่ผ่านการพิจารณาจากทางสถานทูตไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทางบริษัทจะคืนเงินค่าทัวร์ให้ท่าน โดยทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
  8. หากท่านจองและส่งเอกสารในการทำวีซ่าเข้าประเทศล่าช้า ไม่ทันกำหนดการออกตั๋วกับทางสายการบินและผลของวีซ่าของทางไม่ผ่าน บริษัทฯ จะขอสงวนสิทธิ์ในการไม่คืนเงินค่ามัดจำทั้งหมด
  9. หากในคณะของท่านมีผู้ต้องการดูแลพิเศษ นั่งรถเข็น (Wheelchair), เด็ก, ผู้สูงอายุ, มีโรคประจำตัว หรือไม่สะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวในระยะเวลาเกินกว่า 4-5 ชั่วโมงติดต่อกัน ท่านและครอบครัวต้องให้การดูแลสมาชิกภายในครอบครัวของท่านเอง เนื่องจากการเดินทางเป็นหมู่คณะ หัวหน้าทัวร์มีความจำเป็นต้องดูแลคณะทัวร์ทั้งหมด

เงื่อนไขการออกเดินทาง

กรุณาอ่านศึกษารายละเอียดทั้งหมดก่อนทำการจอง เพื่อความถูกต้องและความเข้าใจตรงกันระหว่างลูกค้าและบริษัท

  1. ในแต่ละเส้นทางจะมีการกำหนดผู้เดินทางขั้นต่ำของการออกเดินทาง โดยในทัวร์นี้กำหนดให้มีผู้เดินทาง ขั้นต่ำ 10 ท่าน หากมีผู้เดินทางไม่ถึงที่กำหนด บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเพิ่มค่าทัวร์ หรือ เลื่อนการเดินทาง หรือ ยกเลิกการเดินทาง หากท่านมีไฟล์ทบินภายในประเทศ แต่มิได้แจ้งทางให้ทางเราทราบล่วงหน้าก่อนทางบริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น กรุณาสอบถามยืนยันการออกเดินทางก่อนจองไฟล์ทบินภายในประเทศหรือต่างประเทศทุกครั้ง
  2. หากกรุ๊ปคอมเฟิร์มแล้ว ไม่สามารถเลื่อนการเดินทางได้ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆ ต่อท่านก็ตาม อันเนื่องมาจากการคอนเฟิร์มของกรุ๊ปนั้น ประกอบจากตัวเลขการจองการเดินทางของท่าน หากท่านถอนตัวออก ทำให้กรุ๊ปมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้น หรืออาจทำให้กรุ๊ปไม่สามารถออกเดินทางได้ ดังนั้น ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่อนุญาตให้เลื่อนวันเดินทางใดๆ ได้ทั้งสิ้น หากยกเลิกจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขการยกเลิกการจอง
  3. การชำระเงิน หมายถึง ท่านได้ยอมรับข้อเสนอและยืนยันจำนวนตามที่ท่านได้จองเข้ามา หากท่านชำระเงินเข้ามาแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงจำนวนผู้เดินทางได้ และหากมีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงท่านจะยินยอมให้ทางบริษัทฯ คิดค่าใช้จ่ายที่ทางบริษัทเสียหาย รวมถึงค่าเสียเวลาในการขาย อย่างน้อยที่สุดเท่าจำนวนเงินมัดจำ ทั้งนี้ทั้งนั้นให้เป็นไปตามเงื่อนไขของบริษัทฯ

เงื่อนไขการยกเลิกการจองและการปรับเงินค่าบริการ

  1. ยกเลิกการเดินทาง 45 วัน ไม่เก็บค่าใช้จ่าย (ในกรณีวันเดินทางตรงกับเทศกาลหรือหยุดยาว เช่น สงกรานต์ / ปีใหม่ เป็น 60 วัน) หรือ หักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง (ถ้ามี)
  2. ยกเลิกก่อนการเดินทาง 30 วัน คืนเงิน 100% ของค่าทัวร์ที่จ่ายมาแล้ว หรือ หักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เช่น ค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน, ค่ามัดจำโรงแรม, ค่าวีซ่า (ถ้ามี)
  3. ยกเลิกก่อนการเดินทาง 15–29 วัน คืนเงิน 50% ของค่าทัวร์ที่จ่ายมาแล้ว และหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เช่น ค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน, ค่ามัดจำโรงแรม, ค่าวีซ่า (ถ้ามี)
  4. ยกเลิกก่อนการเดินทางน้อยกว่า 15 วัน ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินค่าทัวร์ที่ชำระแล้วทั้งหมด
  5. หากมีการยกเลิกการเดินทางโดยไม่ใช่ความผิดของบริษัททัวร์ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบและคืนค่าทัวร์ส่วนใดส่วนหนึ่งให้ท่านได้ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น เช่น สถานทูตปฏิเสธวีซ่า ด่านตรวจคนเข้าเมือง เอกสารปลอม นโยบายห้ามเข้าออกประเทศ ฯลฯ
  6. กรณียื่นวีซ่าแล้วไม่ได้รับการอนุมัติจากทางสถานทูต (วีซ่าไม่ผ่าน) และท่านได้ชำระค่าทัวร์ทั้งหมกดหรือค่ามัดจำมาแล้ว ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการหักค่าบริการ ค่ายื่นวีซ่า และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง อาทิ เช่น กรณีออกตั๋วเครื่องบินแล้ว หรือได้ชำระค่าบริการในส่วนของทางต่างประเทศ เช่น โรงแรม ตั๋วรถไฟ เป็นต้น
  7. กรณีต้องการเปลี่ยนแปลงพีเรียดวันเดินทาง (เลื่อนวันเดินทาง) ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการหักค่าใช้จ่ายการดำเนินการต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงสำหรับการดำเนินการจองครั้งแรก ตามจำนวนครั้งที่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น
Share on social networks
โปรแกรมทัวร์ที่น่าสนใจ