กัสโต้ เวิล์ด ทัวร์

บริการคุณภาพ ทุกเส้นทางท่องเที่ยว

เลขที่ 11/03295

ทัวร์ตุรกี Maxx Value

รหัส 013-2614
วันที่เดินทาง
ม.ค.66
ช่วงเวลา
10 วัน 7 คืน
ราคาเริ่มต้น
35,999 บาท
แผนการเดินทาง
วันที่ 1
กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)

19.00   คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ชั้น 4 เคาน์เตอร์เช็คอิน สายการบิน MAHAN AIR โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับ อำนวยความสะดวกตลอดขั้นตอนการเช็คอิน และ หัวหน้าทัวร์ให้คำแนะนำเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง

22.00   ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน โดยสายการบิน MAHAN AIR เที่ยวบินที่ W5050 ** มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน **

วันที่ 2
สนามบินเตหะราน – อิสตันบูล – อังการ่า – สุสานมุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก – ปราสาทอังการ่า

02.15   เดินทางถึง ท่าอากาศยานกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง

** โปรดแต่งกายด้วยชุดสุภาพ ณ ท่าอากาศยาน กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน **
– สุภาพสตรี: ควรสวมกางเกงขายาว และเสื้อแขนยาวไม่รัดรูป และเตรียมผ้าสำหรับคลุมศรีษะ
– สุภาพบุรุษ: ควรสวมกางเกงขายาว และเสื้อแขนยาว

06.50   ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยสายการบิน MAHAN AIR เที่ยวบินที่ W5114 ** มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน **

09.35   เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติ อิสตันบูล เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี

นำท่านเดินทางสู่ เมืองอังการ่า (ANKARA) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) เมืองหลวงของประเทศตุรกี หรือที่มีชื่อตามประวัติศาสตร์ว่า ANGORA เป็นเมืองหลวงของตุรกีในปัจจุบัน และเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 รองจากเมืองอิสตันบูล เมืองอังการาตั้งอยู่ในเขต CENTRAL ANATOLIA ใจกลางประเทศตุรกีบนที่ราบสูงอนาโตเลีย โดยอยู่ห่างจากเมืองอิสตันบูลทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 450 กิโลเมตร เมืองอังการาเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง ส่วนราชการต่างๆ และสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ ชมวิวระหว่างสองข้างทางจนถึงที่หมาย

เที่ยง   บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ สุสานมุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก (ATATURK MAUSOLEUM) เป็นอนุสรณ์สถานและสุสานของ มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก ซึ่งเป็นผู้นําในสงครามการกอบกู้อิสรภาพของตุรกี หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกีและประธานาธิบดีคนแรก และมุสตาฟา อิสเมท อีเนอนือ ประธานาธิบดีคนที่ 2 ของตุรกี สุสานแห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1944 – 1953 มีความสําคัญกับประเทศตุรกีเป็นอย่างมาก โดยมีการบันทึกลงธนบัตรลีร่าตุรกี ถูกพิมพ์ขึ้นระหว่างปี 1966 – 1987 และ ปี 1999 – 2009 ปรากฏภาพสุสานแห่งนี้บนธนบัตรลีร่าด้วย

พาทุกท่านสู่ ปราสาทอังการ่า (ANKARA CASTEL) ป้อมปราการโบราณที่ตระหง่านงามอยู่ในเมืองอังการา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 หรือหลังจากนั้น และมีการสร้างขึ้นใหม่เพิ่มเติม 278 ปีก่อนคริสตกาลโดยชาวกาลาเทียน รวมถึงได้รับการบูรณะใหม่อยู่เรื่อยๆแล้วแต่ยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นยุคจักรวรรดิโรมัน ไบแซนไทน์ หรือออตโตมัน  ประกอบด้วยแนวกำแพงชั้นใน มีหอคอยที่เว้นระยะแนวกำแพงด้านนอก แม้ป้อมปราการแห่งนี้ถูกทำลายเสียหายไปมากในช่วงสงครามกับชาวเปอร์เซียร์ เมื่อปี ค.ศ. 622 แต่ทุกวันนี้ก็ได้รับการบูรณะ และป้อมปราการที่เหลืออยู่ก็งามตระหง่านเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การไปเยือน

ค่ำ   บริการอาหาร ณ โรงแรมที่พัก

พักที่ OTEL 2000 HOTEL , ANKARA โรงแรมระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า 

วันที่ 3
คัปปาโดเกีย – นครใต้ดิน – พิพิทธภัณฑ์เกอราเม่ – โรงงานพรม / เซรามิค / เครื่องประดับ - ระบำ Belly Dance

เช้า   บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย (CAPPADOCIA) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) เป็นบริเวณที่อยู่ระหว่าง ทะเลดำ กับ ภูเขาเทารุส มีความสำคัญมาแต่โบราณกาล เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม เส้นทางค้าขายแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ที่ทอดยาวจากตุรกีไปจนถึงประเทศจีน เป็นพื้นที่พิเศษ ที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว ทำให้ลาวาที่พ่นออกมา และเถ้าถ่านจำนวนมหาศาล กระจายไปทั่วบริเวณทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมาจากนั้นกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ ได้ร่วมด้วยช่วยกัน กัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆ นับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูปแท่งกรวย (คว่ำ) ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยาย จนชนพื้นเมืองเรียกขานกันว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” (Fairy Chimney) โดยชื่อ คัปปาโดเกีย (Cappadocia) เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไตต์ (ชนเผ่ารุ่นแรกๆ ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้) แปลว่า “ดินแดนม้าพันธุ์ดี” และในปัจจุบันนี้ก็ยังเลี้ยงม้ากันอยู่บริเวณนี้ อีกทั้ง ยังมีเมืองใต้ดินที่ซ่อนอยู่ใต้เมืองคัปปาโดเกีย ถือเป็นเมืองใต้ดินโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะที่เมืองใต้ดินแห่งนี้ขุดลึกลงไปถึง 10 ชั้น ประมาณ 90 เมตร และภายในเมืองใต้ดินยังแบ่งซอยเป็นห้องย่อย เฉพาะที่เมืองคัปปาโดเกียมีเมืองใต้ดินมากถึง 15 แห่งและถ้ารวมทั้งเมืองอื่นๆ ด้วยก็เกือบๆ 200 แห่งเลยทีเดียว และยังมีการขุดเชื่อมกันระหว่างแต่ละเมืองอีกด้วย  ซึ่งภายในเมืองใต้ดินมีครบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องอาหาร ห้องประชุม คอกสัตว์ โบสถ์  บ่อน้ำ บางห้องเป็นห้องโถงกว้างว่ากันว่าสามารถจุคนได้มากกว่า 30,000 คน เลยทีเดียว ด้วยความอัศจรรย์ใต้พิภพแห่งนี้ ทางองค์กรยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเมืองใต้ดินแห่งเมืองคัปปาโดเจีย เป็นสถานที่มรดกโลกอีกด้วย และบุตรของเมฟลาน่าด้วย ระหว่างทางให้ท่านได้แวะถ่ายภาพ และชมวิวของ ทะเลสาบเกลือ Salt Lake

เที่ยง   บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ นครใต้ดิน (UNDERGROUND CITY) เป็นสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบภัยชาวโรมัน ที่ต้องการทำลายร้างพวกนับถือศาสนาคริสต์ เป็นเมืองใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ มีถึง 10 ชั้น แต่ละชั้นมีความกว้างและสูงขนาดเท่าเรายืนได้ ทำเป็นห้องๆ มีทั้งห้องครัว ห้องหมักไวน์ มีโบสถ์ ห้องโถงสำหรับใช้ประชุม มีบ่อน้ำ และระบบระบายอากาศที่ดี แต่อากาศค่อนข้างบางเบาเพราะอยู่ลึกและทางเดินบางช่วงอาจค่อนข้างแคบจนเดินสวนกันไม่ได้

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเกอราเม่ (GOREME) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในบริเวณคัปปาโดเกีย ในตอนกลางของอานาโตเลียในประเทศตุรกี เกอเรเมตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของผู้คนมาตั้งแต่สมัยโรมัน และเป็นที่ที่ชาวคริสเตียนยุคแรกใช้ในการเป็นที่ หลบหนีภัยจากการไล่ทำร้ายและสังหารก่อนที่คริสต์ศาสนาจะเป็นศาสนาที่ได้รับการประกาศว่าเป็นศาสนาของจักรวรรดิ ที่จะเห็นได้จากคริสต์ศาสนสถานจำนวนมากมายที่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการทอพรม และ การผลิตเครื่องเซรามิคล้ำค่าแห่งหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

นำท่านเดินทางสู่ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เกอราเม่ (OPEN AIR MUSEUM OF GOREME) ซึ่งองค์กรยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งนี้ ให้เป็นมรดกโลก ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์

นำท่านเดินทางสู่ โรงงานทอพรม (CARPET FACTORY) , โรงงานเซรามิค (CERAMIC FACTORY) และ โรงงานเครื่องประดับ (JEWELLY FACTORY) เพื่อให้ท่านได้ชมการสาธิตกรรมวิธีการผลิตสินค้าพื้นเมืองที่มีคุณภาพและชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าได้ตามอัธยาศัย

นำท่านถ่ายรูปด้านนอก หุบเขาอุซิซาร์ (UCHISAR VALLEY) หุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาดังกล่าวมีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อาศัย และถ้ามองดีๆจะรู้ว่าอุซิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ดังนั้นในอดีตอุซิซาร์ ก็มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วย

ค่ำ   บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร พิเศษ พร้อม ชมการแสดงโชว์ระบำหน้าท้อง (Belly Dance) ซึ่งเป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่ง เกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 6,000 ปี ในดินแดนแถบอียิปต์และเมดิเตอร์เรเนียน นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่า ชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องให้มีมาจนถึงปัจจุบัน และการเดินทางของชาวยิปซีทำให้ระบำหน้าท้องแพร่หลาย มีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงาม จนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องตุรกีในปัจจุบัน (หมายเหตุ การแสดงโชว์พื้นเมืองขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน หากมีการยกเลิกการแสดงทาง บ.ขอสงวนสิทธิ์ในการแจ้งยกเลิกโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า)

พักที่ (2N) ALP HOTEL , CAPPADOCIA โรงแรมถ้ำจำลอง หรือเทียบเท่า 

วันที่ 4
คอนย่า – พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า – ปามุคคาเล่

** แนะนำโปรแกรมเสริมพิเศษ ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์ **

** สำหรับท่านใดที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกีย โปรแกรมจะต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 05.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับไปขึ้นบอลลูน เพื่อชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาอยู่บนบอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการขึ้นบอลลูนอยู่ที่ท่านละ ประมาณ 280-300 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ (USD.) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และ เครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน **

เช้า   บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองคอนย่า (KONYA) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง)  ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุก ระยะทาง 400 กิโลเมตร ระหว่างทางแวะชม ที่พักของกองคาราวานในสมัยโบราณ (Caravansarai) เป็นสถานที่พักแรมของกองคาราวานตามเส้นทางสายไหมและชาวเติร์กสมัยออตโตมัน

เที่ยง   บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร

นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า (MEVLANA MUSEUM) เดิมเป็นสถานที่นักบวชในศาสนาอิสลามทำสมาธิ โดยการเดินหมุนเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ย ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็นสุสานของเมฟลาน่า เจลาลุคดิน รูมี่ อาจารย์ทางปรัชญาประจำราชสำนักแห่งสุลต่านอาเลดิน เคย์โคบาท ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในประดับฝาผนังแบบมุสลิม และยังเป็นสุสานสำหรับผู้ติดตาม สานุศิษย์ บิดา

นำท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ (PAMUKKALE) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนที่ไหลลงสู่หน้าผา จนเกิดผลึกขึ้นกึ่งสถาปัตยกรรม

ค่ำ   บริการอาหาร ณ โรงแรมที่พัก

พักที่ HALICI HOTEL , PAMUKKALE โรงแรมระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า 

วันที่ 5
ปราสาทปุยฝ้าย – เมืองเฮียราโพลิส – เมืองคูซาดาซี – เมืองเอฟฟิซุส

เช้า   บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ ปราสาทปุยฝ้าย (COTTON CASTLE) ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆหลายชั้นและผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมาก บริเวณเดียวกันจะเป็น เมืองโบราณเฮียราโพลิส (HIERAPOLIS) เป็นเมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อน ซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรค เมื่อเวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้เกิดการพังทลายลง เหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไป บางส่วนยังพอมองออกว่าเดิมเคยเป็นอะไร เช่น โรงละคร แอมฟิเธียร์เตอร์ขนาดใหญ่ วิหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณ เป็นต้น

เที่ยง   บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ เมืองโบราณเอฟฟิซุส (EPHESUS) เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีเมืองหนึ่ง เคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนก (LONIA) จากกรีกซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมืองซึ่งรุ่งเรืองขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนาเอฟฟิซุสขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน นำท่านเดินบนถนนหินอ่อนผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบันนี้ นำท่านชม ห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (ROMAN BATH) ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำ ให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ หอสมุดเซลซุส (LIBRARY OF CELSUS) มีความสวยงามเป็นเลิศและมีขนาดใหญ่มาก สร้างโดยติเบริอุส จูลิอุส อาควิลา อุทิศให้กับบิดา ชื่อ ติเบริอุส จูลิอุส เซลซุส ในปี657-660และได้ฝังโลงศพของบิดาที่ทำจากหินเอาไว้ใต้หอสมุดแห่งนี้

ค่ำ   บริการอาหาร ณ โรงแรมที่พัก

พักที่ MARTI BEACH HOTEL , KUSADASI โรงแรมระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า 

วันที่ 6
โรงงานผลิตเครื่องหนัง – นั่งกระเช้าสู่เมืองเปอร์กามัม – อะโครโปลิส – เมืองชานัคคาเล่ – ม้าไม้เมืองทรอย

เช้า   บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ โรงงานผลิตเครื่องหนัง (LEATHER FACTORY) ซึ่งประเทศตุรกีเป็นประเทศที่มีฐานการผลิตเครื่องหนังคุณภาพสูงที่สุดอันดับต้นๆของโลก ทั้งยังผลิตเสื้อหนังให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี เช่น VERSACE , PRADA , MICHAEL KORS อีกด้วย

ท่าน นั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้น สู่ เมืองเปอร์กามัม (CABLE CAR TO PERGAMUM) ที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือตัวเมืองชานัคคาเล่ กว่า 1,000 ฟุต ในบริเวณอะนาโตเลียห่างจากทะเลอีเจียนประมาณ 30 ก.ม. ทางด้านเหนือของแม่น้ำไคซูส ซึ่งเป็นเมืองโบราณของกรีกที่มีความสำคัญของพวกเฮเลนนิสติก ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ คือ วิหารอะโครโปลิส (ACROPOLIS) ซึ่งเป็นที่ขนานนามถึงประหนึ่งดังดินแดนแห่งเทพนิยายในสรวงสวรรค์ บริเวณเดียวกัน วิหารโอลิมเปียน เซอุส (NAOS TOU OLIMPIOU DIOS – OLYMPIEION) ปัจจุบันนี้เหลือแต่ส่วนฐานเท่านั้น แท่นบูชาถูกนำไปเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์เปอร์กามัมที่เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ชม โรงละครอะโครโปลิส (THEATER OF ACROPOLIS) เป็นโรงละครที่ชันที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในทำเลที่สวยงามที่สุด จุผู้ชมได้มากถึง 10,000 คน อะโครโปลิส แปลว่า นครบนที่สูง ซึ่งเป็นโครงสร้างฐานในการป้องกันเมืองของอาณาจักรกรีกและโรมัน ซึ่งผู้ตั้งถิ่นฐานในสมัยนั้นมักเลือกที่สูง ซึ่งมักจะเป็นเนินเขาที่ด้านหนึ่งเป็นผาชัน และกลายเป็นศูนย์กลางของมหานครใหญ่ ที่เติบโตรุ่งเรืองอยู่บนที่ราบเบื้องล่างที่รายล้อมป้อมปราการเหล่านี้ (ในกรณีที่ลมแรงขออนุญาติเปลี่ยนการเดินทางเป็นรถเล็กแทนกระเช้าไฟฟ้า)

เที่ยง   บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ เมืองชานัคคาเล่ (CANAKKALE) ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เดิมมีชื่อว่า โบกาซี่ (BOGAZI) หรือ เฮลเลสปอนต์ (HELLESPONT) มีความยาว 65 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 1.3 กิโลเมตร เนื่องจากตั้งอยู่บนจุดแคบที่สุดของช่องแคบดาร์ดาแนลส์ ใกล้กับ แหลมเกลิโบลูของกรีซ บนฝั่งของ 2 ทะเลคือ ทะเลมาร์มารา และ ทะเลเอเจียนซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลมาร์มาร่าตัดกับทะเลอีเจียน เป็นที่ตั้งของเมืองทรอย

นำท่านเดินทางสู่ เมืองทรอย (TROY) เมืองที่มีชื่อเสียงเล่าขานสืบต่อกันมาตั้งแต่ในอดีต ถูกสร้างขึ้นมาประมาณ 4,000 ปีที่แล้ว ชม ม้าไม้จำลองแห่งเมืองทรอย (WOODEN HORSE OF TROY) ม้าไม้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดจากมหากาพย์ภาพยนตร์เรื่อง ทรอย (TROY) ที่ชาวกรีกใช้อุบายส่งม้าไม้ให้เมืองทรอยเพื่อเป็นของกำนัล แต่ความจริงแอบบรรจุคนมาในม้าไม้เพื่อเข้ามาเปิดประตูเมืองทรอย ให้ทหารเข้ามาตีตัวเมืองจนทำให้เมืองทรอยล่มสลาย ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลการศึกของนักรบโบราณ

ค่ำ   บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก

พักที่ TROIA TUSAN HOTEL , CANAKKALE โรงแรมระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า 

วันที่ 7
ม้าไม้เมืองทรอย Hollywood – เมืองอิสตันบูล – ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส – สไปซ์บาซาร์

เช้า   บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านชมและถ่ายภาพ ม้าไม้จำลองเมืองทรอยริมทะเล (TROJAN STATUE/HOLLYWOOD HORSE) เป็นม้าไม้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดจากมหากาพย์ภาพยนตร์ฮอลิวูดเรื่อง ทรอย (Troy) ในปี 2004 มีแบรด พิตต์ แสดงชื่อดังระดับโลกเป็นนักแสดงนำ ทางทีมงานได้จำลองม้าไม้ขนาดใหญ่สีดำ เพื่อใช้ดำเนินเรื่องและเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของเรื่องทรอย หลังจากนั้นทางทีมงานจึงมอบม้าไม้จำลองตัวนี้ให้กับทางการตุรกี เพื่อเป็นเกียรติและสร้างชื่อเสียงให้กับเมืองชานัคคาเล่อีกด้วย

เดินทางสู่ เมืองอิสตันบูล (ISTANBUL) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.30 ชั่วโมง)  เป็นเมืองที่มีความสำคัญที่สุดของประเทศตุรกี มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายศตวรรษตั้งแต่ก่อนคริสตกาล มีทำเลที่ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง THRACE ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย) สถาปัตยกรรมอันงดงามผสมผสานทั้ง 2 ทวีป ทำให้เมืองอิสตันบูลมีความเอกลักษณ์เฉพาะที่พิเศษ

เที่ยง   บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร

นำท่าน ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส (BOSPHORUS CRUISE) ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ (THE BLACK SEA) กับทะเลมาร์มาร่า (SEA OF MARMARA) โดยมีความยาวประมาณ 32 กิโลเมตรความกว้างเริ่มตั้งแต่ 500 เมตร จนถึง 3 กิโลเมตร ช่องแคบนี้ ถือว่าเป็นจุดบรรจบกันของสุดขอบทวีปยุโรปและสุดขอบทวีปเอเซีย ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้ว ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย ขณะล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันสวยงามของริมฝั่งช่องแคบแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาห์เชหรือบ้านเรือนสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐีทั้งหลาย

นำท่านเดินทางสู่ สไปซ์บาซาร์ (SPICE BAZAAR) เป็นตลาดเครื่องเทศตั้งอยู่ใกล้กับสะพานกาลาตา ที่นี่ถือเป็นตลาดในร่มและเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเมืองอิสตันบูล สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1660 โดยเป็นส่วนหนึ่งของมัสยิดใหม่ ภายในตลาดยังมีสินค้ามากมายให้ได้เลือกซื้อ อาทิ อาหาร, เครื่องเทศ, ขนมหวานของตุรกี, เครื่องเพชรพลอย, ของที่ระลึก, ผลไม้แห้ง และเครื่องประดับต่างๆ อีกด้วย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ร้านเตอร์กิช ดีไลท์ (TURKISH DELIGHT SHOP) คือขนมหวานขึ้นชื่อของประเทศตุรกี ซึ่งคนท้องถิ่นเรียกกันว่าโลคุม (Lokum) เป็นขนมหวานทรงลูกเต๋าที่ประกอบขึ้นจากแป้งและน้ำตาล มักจะมีอัลมอนด์ วอลนัท ถั่วพิสตาชิโอ และแมคคาเดเมียผสมเข้าไปด้วย โดยส่วนมากหน้าตาจะมีสีชมพูเข้ม แต่ก็ดูจางลงไปทันทีเมื่อเสิร์ฟกับน้ำตาลไอซิ่งที่คลุกเคล้าประหนึ่งแป้งฝุ่น มีรสหวาน สอดแทรกด้วยความกรอบและมันของถั่วคุณภาพดี ชาวตุรกีนิยมทานคู่กับชาร้อน หรือ ชากลิ่นแอปเปิล

ค่ำ   บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร

พักที่ GOLDENWAY HOTEL , ISTANBUL โรงแรมระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ 8
BLUE MOSQUE – ฮิปโปโดรม – วิหารฮาเจีย โซเฟีย – วังทอปกาปี – บันไดหลากสีย่าน BALAT

เช้า   บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม

** คำแนะนำ โปรดแต่งกายด้วยชุดสุภาพ สำหรับการเข้าชมสุเหร่า **
การเข้าชมสุเหร่า จำเป็นต้องแต่งกายด้วยชุดสุภาพ และ ต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าชม
สุภาพสตรี : ควรสวมกางเกงขายาว เสื้อแขนยาวคลุมข้อมือ มิดชิดไม่รัดรูป และเตรียมผ้าสำหรับคลุมศีรษะ
สุภาพบุรุษ : ควรสวมกางเกงขายาว และ เสื้อแขนยาว ไม่รัดรูป

นำท่านเข้าชม สุเหร่าสีน้ำเงิน (BLUE MOSQUE) หรือชื่อเดิมคือ สุเหร่าสุลต่านห์อาร์เหม็ดที่ 1 (SULTAN AHMED MOSQUE) การเข้าชมสุเหร่าทุกแห่งจะต้องถอดรองเท้า ถอดหมวก ถอดแว่นตาดำ เป็นการเคารพสถานที่ ถ่ายรูปได้ ห้ามส่งเสียงดัง และกรุณาทำกิริยาให้สำรวม สุเหร่านี้สร้างในปี 2152 เสร็จปี 2159 (1 ปีก่อนสุลต่านอาห์เหม็ดสิ้นพระชนม์ด้วยอายุเพียง 27 พรรษา) มีหอเรียกสวด อยู่ 6 หอ เป็นหอคอยสูงให้ผุ้นำศาสนาขึ้นไปตะโกนร้องเรียกจากยอด เพื่อให้ผู้คนเข้ามสวดมนต์ตามเวลาในสุเหร่า ชื่อสุเหร่าสีน้ำเงินภายในประดับด้วยกระเบื้องสีฟ้าจากอิซนิค ลวดลายเป็นดอกไม้ต่างๆ เช่น กุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น เป็นต้น ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ภายในมีที่ให้สุลต่านและนางในฮาเร็มทำละหมาดและสวดมนต์โดยเฉพาะ มีหน้าต่าง 260 บาน สนามด้านหน้าและด้านนอกจะเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์และพระราชวงศ์และจะมีสิ่งก่อสร้างที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั่วไป เช่น ห้องสมุด โรงพยาบาล โรงอาบน้ำ ที่พักกองคาราวาน โรงครัวสาธารณะคุลีเรีย (KULLIYE)

นำท่านเดินทางสู่ ฮิปโปโดรม (HIPPODROME) คือสิ่งก่อสร้างจากสมัยกรีกซึ่งใช้เป็นสนามแข่งม้า และการแข่งขันขับรถศึก (CHARIOT RACING) โดยคำว่า ฮิปโปส และ โดรโมส ปัจจุบันถูกนำไปใช้ในภาษาฝรั่งเศสด้วย หมายถึง การแข่งขันม้าใจกลางเมืองมอสโคว์ (CENTRAL MOSCOW HIPPODROME) น่าเสียดายที่เหลือแต่ซากปรักหักพังของ ฮิปโปโดรมของกรุงคอนสแตนติโนเปิลในอดีต หรือ อิสตันบลูในปัจจุบัน แม้จะยิ่งใหญ่และเก่าแก่ในสมัยโบราณสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 203-330 แต่ปัจจุบันเหลือเพียง เสา 3 ต้น คือ เสาคอนสแตนตินที่ 7 (COLUMN OF CONSTANTINE VII) สร้างเมื่อไหร่ไม่มีใครทราบ แต่บูรณะเมื่อศตวรรษที่ 10 เสาต้นที่ 2 คือ เสางู ที่เชื่อว่าสร้างก่อนคริสกาลมา 479 ปี เป็นรูปสลักงู 3 ตัวพันกัน จากเมือง เดลฟี (DELPHI) แล้วถูกขนย้ายมาตั้งที่นี่เมื่อ ศตวรรษที่ 4 ปัจจุบันเหลือเพียงครึ่งต้น และเสาต้นสุดท้ายคือ เสา อิยิปต์ หรือเสาโอเบลิส (OBELISK OF THUTMOSE) สร้างในช่วงก่อนคริสตกาลประมาณ 390 ปี มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกคือ OBELISKOS หมายถึง เหล็กแหลม เข็ม หรือ เสาปลายแหลม ลักษณะของเสาโอเบลิสก์จะเป็นเสาสูง สร้างจากหินแกรนิตขนาดใหญ่เพียงก้อนเดียว ฐานของเสาจะกว้างและค่อยๆ เรียวแหลมขึ้นสู่ยอดด้านบนเป็นแท่งสี่เหลี่ยมสี่ด้าน ยอดบนสุดจะเป็นลักษณะเหมือนปิรามิด และมักนิยมหุ้มหรือเคลือบด้วยโลหะ เช่น ทองคำ เหล็ก หรือ ทองแดง เป็นต้น เสาโอเบลิสก์เป็นเอกลักษณ์ทางศิลปะที่มีต้นกำเนิดจากอียิปต์โบราณ เป็นสัญลักษณ์แห่งเส้นทางสู่วิหารเทพเจ้า ปกติจะนิยมสร้างขึ้นเป็นคู่ ตั้งอยู่ ณ บริเวณทางเข้าวิหาร ตัวอย่างเช่นที่ วิหารลักซอร์ หรือ วิหารคาร์นัค เป็นต้น บริเวณรอบๆเสาโอเบลิสก์จะแกะสลักเป็นร่องลึกด้วยอักษรเฮียโรกลิฟฟิค บอกเล่าถึงฟาโรห์ผู้สร้าง และเรื่องราวของการสร้างเพื่อบูชาเทพเจ้า ดังนั้น เสาโอเบลิสก์จึงเป็นเสมือนหนึ่งเสาอนุสรณ์ บ่งบอกถึงนัยยะแห่งที่ตั้งของสถานที่สำคัญ หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของอียิปต์

นำท่านเข้าชม วิหารฮาเจีย โซเฟีย (MOSQUE OF HAGIA SOPHIA) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง เป็นโบสถ์คาทอลิก สร้างในสมัยพระเจ้าจัสติเนียน มีหลังคาเป็นยอดกลมแบบโม เสาในโบสถ์เป็นหินอ่อน ภายในติดกระจกสี เมื่อเติร์กเข้าครองเมือง ได้เปลี่ยนโบสถ์นี่ให้เป็นสุเหร่าในปี ค.ศ. 1453 ฉาบปูนทับกำแพงที่ปูด้วยโมเสกเป็นรูปพระเยซูคริสต์และสาวก ภายหลังทางการได้ตกลงให้วิหารฮาเกีย โซเฟีย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่วันนี้คงบรรยากาศของความเก่าขลังอยู่เต็มเปี่ยม โดยเฉพาะโดมที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกซึ่งมีพื้นที่โล่งภายในใหญ่ที่สุดในโลก ก่อสร้างด้วยการใช้ผนังเป็นตัวรับน้ำหนักของอาคารลงสู่พื้นแทนการใช้เสาค้ำยันทั่วไป นับเป็นเทคนิคการก่อสร้าง ที่ถือว่าล้ำหน้ามากในยุคนั้น (ถือเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้วิหารฮาเกีย โซเฟีย ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางโบราณ ) **ปิดทำการทุกวันจันทร์ ถ้าตรงวันปิดขอสงวนสิทธิ์พาไปขึ้นกระเช้าชมวิว Piere Loti แทน**

เที่ยง   บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร

นำท่านเข้าชม พระราชวังทอปกาปี (TOPKAPI PALACE) **ปิดทำการทุกวันอังคาร ถ้าตรงวันปิดขอสงวนสิทธิ์พาไปช้อปปิ้งที่ ทักซิม สแควร์ แทน** ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าซึ่งถือเป็นเขตประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 พระราชวังทอปกาปึ สร้างขึ้นโดยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 ในปี ค.ศ.1459 บนพื้นที่กว้างใหญ่ และมีอาคารขนาดเล็กอีกจำนวนมาก ณ จุดที่สร้างพระราชวังแห่งนี้สามารถมองเห็นช่องแคบบอสฟอรัสโกลเดนฮอร์นและทะเลมาร์มาร่าได้อย่างชัดเจน ในช่วงที่เจริญสูงสุดของอาณาจักรออตโตมัน พระราชวังแห่งนี้มีราชวงศ์และข้าราชบริพารอาศัยอยู่รวมกันมากถึงสี่พันกว่าคน  นำท่านเข้าชมส่วนของท้องพระโรงที่เป็นที่จัดแสดงทรัพย์สมบัติข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์เครื่องเงินต่างๆ มากมาย

จากนั้นให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศใหม่ ไม่เหมือนใครกับการชมเมืองอิสตันบูล รูปแบบสไตล์เมืองเก่า ย่าน BALAT & FENER ชุมชนชาวยิวเก่าแก่ กว่า 100 ปี ที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองเก่าของกรุงอิสตันบูลโดยอยู่ฝั่งบริเวณเขตยุโรป ท่านจะได้สัมผัสความคลาสสิคของตึกเก่าที่ปลูกสร้างตามแนวสันเขาเล่นระดับแบบมีเอกลักษณ์ และที่สำคัญยังสวยงาม ด้วยสีสันสดใส สะดุดตา น่ามอง จนทำให้เกิดเป็นมุมถ่ายรูปชิคๆ เก๋ๆ มากมายในเขตชุมชนแห่งนี้

ค่ำ   อิสระอาหารค่ำเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว

พักที่ GOLDENWAY HOTEL , ISTANBUL โรงแรมระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ 9
สนามบินอีสตันบูล – สนามบินเตหะราน

เช้า   บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานอิสตันบูล เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี

13.15   ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานเตหะราน ประเทศอิหร่าน โดยสายการบิน MAHAN AIR เที่ยวบินที่ W5117 ** มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน **

16.45   เดินทางถึง ท่าอากาศยานเตหะราน ประเทศอิหร่าน เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง

** โปรดแต่งกายด้วยชุดสุภาพ ณ ท่าอากาศยาน กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน **
– สุภาพสตรี: ควรสวมกางเกงขายาว และเสื้อแขนยาวไม่รัดรูป และเตรียมผ้าสำหรับคลุมศรีษะ
– สุภาพบุรุษ: ควรสวมกางเกงขายาว และเสื้อแขนยาว

21.45   ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสายการบิน MAHAN AIR เที่ยวบินที่ W5051 ** มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน **

วันที่ 10
กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) (มีอาหารและเครื่องดื่มบริการบนเครื่องบิน)

07.50   เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพและความประทับใจ

เงื่อนไข

อัตราค่าบริการนี้รวม

  • ค่าบัตรโดยสารโดยเครื่องบิน (ตั๋ว) ไป และ กลับพร้อมคณะ ชั้นประหยัด (ECONOMY CLASS) รวมถึงค่าภาษีสนามบิน และค่าภาษีน้ำมันทุกแห่ง กรณีต้องการอัพเกรด UPGRADE หรือ เปลี่ยนแปลงบัตรโดยสาร ไม่ว่าเที่ยวใด เที่ยวหนึ่ง กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่เป็นกรณีพิเศษ โดยอ้างอิงค่าใช้จ่ายการจองทัวร์แบบ ไม่ใช่ตั๋วเครื่องบิน ตามที่ตามที่ตารางอัตราค่าบริการระบุ
  • ค่าธรรมเนียมการโหลดกระเป๋าสัมภาระลงใต้ท้องเครื่องบิน อนุญาตให้โหลดกระเป๋าสัมภาระลงใต้ท้องเครื่องบิน โดยมีน้ำหนักไม่เกิน 30 ก.ก. (1 ชิ้น) และ ถือขึ้นเครื่องบินได้น้ำหนักไม่เกิน 7 ก.ก. (ไม่จำกัดจำนวนชิ้น แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะพิจารณาตามความเหมาะสม) ต่อท่าน (ตามเงื่อนไขของสายการบิน)
  • ค่ารถโค้ชปรับอากาศตลอดเส้นทางตามรายการระบุ
  • ค่าโรงแรมที่พักระดับมาตรฐานตามรายการที่ระบุ (พัก 2-3 ท่าน ต่อ ห้อง) ในกรณีมีงานเทรดแฟร์ การแข่งขันกีฬา
    หรือ กิจกรรมอื่นๆ ที่ทำให้โรงแรมตามรายการที่ระยุเต็ม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนโรงแรมที่พัก ไป
    เป็นเมืองใกล้เคียงแทน อ้างอิงมาตรฐานคุณภาพและความเหมาะสมเดิม โดยคำนึงถึงประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ
  • ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามรายการที่ระบุ กรณีไม่รวมจะชี้แจงแต่ละสถานที่ในโปรแกรม
  • ค่าอาหาร ตามรายการที่ระบุ โดยทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
  • ค่ามัคคุเทศก์ที่คอยอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
  • ค่าเบี้ยประกันอุบัติเหตุในการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ วงเงินประกันสูงสุดท่านละ 1,000,000 บาท (เงื่อนไขตามกรมธรรม์)

อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม

  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของผู้เดินทาง อาทิ ค่าทำหนังสือเดินทาง ค่าโทรศัพท์ ค่าอาหาร เครื่องดื่ม ค่าซักรีด ค่ามินิบาร์ในห้องและค่าพาหนะต่างๆ ที่ไม่ได้ระบุในรายการ
  • ค่าทิปพนักงานขับรถ หัวหน้าทัวร์ และ มัคคุเทศก์ท้องถิ่น ตามธรรมเนียม 80 USD ต่อ ทริป ต่อ ลูกค้า ผู้เดินทาง 1 ท่าน รวมไปถึงเด็ก ยกเว้นเด็กอายุไม่ถึง 2 ปี ณ วันเดินทางกลับ (INFANT) ทั้งนี้ท่านสามารถให้มากกว่านี้ได้ตามความเหมาะสมและความพึงพอใจของท่าน โดยส่วนนี้ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกเก็บก่อนเดินทางทุกท่าน ที่สนามบิน ในวันเช็คอิน
  • ค่าธรรมเนียมในกรณีที่กระเป๋าสัมภาระที่มีน้ำหนักเกินกว่าที่สายการบินนั้นๆกำหนดหรือสัมภาระใหญ่เกินขนาดมาตรฐาน
  • ค่าธรรมเนียมการจองที่นั่งบนเครื่องบินตามความต้องการเป็นกรณีพิเศษหากสามารถทำได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายการบิน และ รุ่นของเครื่องบินแต่ละไฟล์ทที่ใช้บิน ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้อยู่ที่สายการบินเป็นผู้กำหนด
  • ค่าภาษีน้ำมัน ที่สายการบินเรียกเก็บเพิ่ม ภายหลังจากทางบริษัทฯได้ออกตั๋วเครื่องบินไปแล้ว
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% กรณีต้องการออกใบเสร็จรับเงินในนามบริษัท

เงื่อนไขการจอง และ การชำระเงิน

  • กรุณาทำการจองล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน ก่อนออกเดินทาง มัดจำท่านละ 20,000 บาท และตัดที่นั่งการจองภายใน 2 วัน ตัวอย่างเช่น ท่านจองวันนี้ กรุณาชำระเงินใน2วันถัดไป ก่อนเวลา 16.00 น. เท่านั้น โดยระบบจะยกเลิกอัตโนมัติทันที หากยังไม่ได้รับยอดเงินตามเวลาที่กำหนด และหากท่านมีความประสงค์จะต้องเดินทางในพีเรียดเดิม ท่านจำเป็นต้องทำจองเข้ามาใหม่ นั่นหมายถึงว่า กรณีที่มีคิวรอ (WAITING LIST) ก็จะให้สิทธิ์ไปตามระบบ ตามลำดับ เนื่องจากทุกพีเรียด เรามีที่นั่งราคาพิเศษจำนวนจำกัด
  • ชำระส่วนที่เหลือ 30 วันก่อนเดินทาง
  • กรณีลูกค้าเดินทางไม่ได้ สามารถเปลี่ยนชื่อคนเดินทางได้ ก่อนเดินทาง 21 วัน ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนค่าใช้จ่ายใดๆในกรณีที่ไม่สามารถหาคนมาแทนได้

เงื่อนไขการยกเลิก และ เปลี่ยนแปลงการเดินทาง

  • ยกเลิกก่อนการเดินทางตั้งแต่ 30 วันขึ้นไป คืนเงินค่าทัวร์โดยหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ในกรณีที่วันเดินทางตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ ต้องยกเลิกก่อน 45 วัน
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 15-29 วัน คืนเงิน 50%ของค่าทัวร์ หรือหักค่าใช้จ่ายตามจริง เช่น ค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ
  • ยกเลิกก่อนการเดินทางน้อยกว่า 15วัน ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินค่าทัวร์ที่ชำระแล้วทั้งหมด
  • หากมีการยกเลิกการเดินทางโดยไม่ใช่ความผิดของบริษัททัวร์ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบ และ คืนค่าทัวร์ส่วนใดส่วนหนึ่งให้ท่านได้ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น เช่น สถานทูตปฏิเสธวีซ่า ด่านตรวจคนเข้าเมือง นโยบายห้ามเข้าออกประเทศฯลฯ
  • กรณีต้องการเปลี่ยนแปลงผู้เดินทาง (เปลี่ยนชื่อ) จะต้องแจ้งให้ทางบริษัททราบล่วงหน้า อย่างน้อย 21 วัน ก่อนออกเดินทาง กรณีแจ้งหลังจากเจ้าหน้าที่ออกเอกสารเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับช่วงพีเรียดวันที่เดินทาง และกระบวนการของแต่ละคณะ เป็นสำคัญด้วย กรุณาสอบถามกับเจ้าหน้าที่เป็นกรณีพิเศษ
  • กรณีต้องการเปลี่ยนแปลงพีเรียดวันเดินทาง (เลื่อนวันเดินทาง) ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการหักค่าใช้จ่ายการดำเนินการต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงสำหรับการดำเนินการจองครั้งแรก ตามจำนวนครั้งที่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น
Share on social networks
โปรแกรมทัวร์ที่น่าสนใจ
  • ก.ย.65 - ต.ค.65
  • 8 วัน 5 คืน
เริ่มต้น 69,999 บาท
  • ธ.ค.65 - มี.ค.66
  • 6 วัน 4 คืน
เริ่มต้น 36,888 บาท