20.00 น. : คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 7 เคาน์เตอร์ N สายการบิน TURKISH AIRLINE (TK) มีเจ้าหน้าที่บริษัทฯคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารการเดินทาง
23.05 น. : ออกเดินทางสู่ เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรเคีย โดยสายการบิน TURKISH AIRLINES (TK) เที่ยวบินที่ TK69 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 10.25 ชั่วโมง) สายการบินฯ บริการอาหารค่ำและอาหารเช้าระหว่างเที่ยวบินสู่นครอิสตันบูล ประเทศตุรเคีย
05.20 น. : เดินทางถึง สนามบินอิสตันบูล (ISTANBUL AIRPORT) สนามบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศตุรเคีย จากนั้นรอต่อเครื่องเพื่อเดินทางสู่ สนามบินไกเซรี
06.35 น. : อกเดินทางสู่ เมืองไกเซรี ประเทศตุรเคีย โดยสายการบิน TURKISH AIRLINES (TK) เที่ยวบินที่ TK2010 (บริการอาหารว่างบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 1.20 ชั่วโมง)
07.55 น. : เดินทางถึง สนามบินไกเซรี ประเทศตุรเคีย นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง,ศุลกากรและรับสัมภาระเรียบร้อย (เวลาประเทศตุรเคียช้ากว่าประเทศไทย 4-5 ชั่วโมง กรุณาปรับเวลาให้ตรงตามเวลาท้องถิ่น เพื่อความสะดวกในการนัดหมาย) ในฤดูหนาว ตุรเคียจะช้ากว่าไทย 5 ชม. (เริ่มประมาณเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์) และฤดูร้อน (เริ่มประมาณ มีนาคม-กันยายน) ตุรเคียจะช้ากว่าเมืองไทย 4 ชั่วโมง
☞ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย (CAPPADOCIA) มาจากภาษาเปอร์เชีย คัตปาตุกา (KATPATUKA) เมืองมหัศจรรย์ที่ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ.1985 เมืองนี้เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟและถูกลาวาปกคลุมหลายพื้นที่ทับถมกันเป็นระยะเวลายาวนานจนกลายเป็นหิน ผ่านลม,ฝน,พายุ ปัจจุบันเกิดเป็นภูมิประเทศที่มีความสวยงามแปลกตาจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวและอีกไฮไลท์ของเมืองนี้คือเป็นจุดขึ้นบอลลูนที่มีวิวสวยงามที่สุด (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง)
☞ นำท่านสู่จุดชมวิว เกอเรเม่ สถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นจากการขุดเจาะถ้ำหินหลายลูกเพื่อทำเป็นโบสถ์สำหรับเป็นศูนย์รวมของผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ เป็นถิ่นฐานที่ตั้งของผู้คนตั้งแต่ก่อนคริสตกาลและยังเป็นสถานที่ซึ่งชาวคริสเตียนยุคแรกใช้หลบหนีภัยการล่าสังหารจากจักวรรดิโรมัน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1985 ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์แบบเปิดที่แสดงเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของชาวคัปปาโดเชียน
☞ นำท่านชมวิวของ หุบเขาเดฟเรนท์ (DEVRENT VALLEY) เป็นที่รู้จักกันในชื่อเรียกว่า หุบเขาแห่งมโนคติ (IMAGINARY VALLY) และ หุบเขาสีชมพู (PINK VALLEY) ที่มีชื่อว่าหุบเขาแห่งมโนคติก็เนื่องมาจากบรรดาหินรูปทรงแปลกประหลาดซึ่งมีอยู่จำนวนมากมายที่ชวนให้ต้องใช้จินตนาการในการมอง
☞ นำท่านผ่านชม หุบเขาพาซาแบค (PASABAG VALLEY) กลุ่มภูเขาหินแปลกตารูปกรวยคล้ายมีหมวกวางอยู่บนสุด อดีตเมื่อ 1,500 ปีที่แล้วสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่พำนักของบาทหลวงไซมอนที่เดินทางมาเพื่อปลีกวิเวก แสวงหาที่ปฏิบัติธรรมและได้มาเจอสถานที่แห่งนี้ (HERMITAGE OF ST.SIMON) และเป็นที่นิยมสำหรับพระอีกหลายองค์ในเวลาต่อมา จนได้รับอีกสมญาว่า THE VALLEY OF THE MONKS
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน
☞ นำท่านชม นครใต้ดินชาดัค (UNDERGROUND CITY OF CHADAK) เมื่อ 2-3 พันปีก่อนคริสตกาล ชาวคัปปาโดเชียได้มีการสร้างเมืองใต้ดินเพื่อเป็นหลุมหลบภัยจากการบุกรุกของชาวโรมัน ขุดเจาะไปเรื่อยๆ จนใต้พื้นดินคัปปาโดเชียกลายเป็นเมืองอีกหลายๆ เมือง ภายในมีทั้ง โบสถ์คริสจักร โรงเรียนสอนศาสนา โรงเก็บไวน์ คอกไม้ บ่อน้ำ ห้อง โถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร ฯลฯ และยังมีอีกหลายส่วนที่ยังไม่ได้ขุดค้น ให้ท่านได้ชมความมหัศจรรย์เมืองใต้ดินและเก็บภาพประทับใจตามอัธยาศัย จนถึงเวลาอันสมควร
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ
หลังรับประทานอาหาร หัวหน้าทัวร์นัดหมายเวลา ☞ นำท่านชม ระบำหน้าท้อง (BELLY DANCE) การแสดงพื้นเมือง ศิลปะที่โดดเด่นของชาวตุรเคีย พร้อมเต็มอิ่มจุใจกับเครื่องดื่มไม่อั้น (หมายเหตุ การแสดงโชว์พื้นเมืองขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน หากมีการยกเลิกการแสดง ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการแจ้งยกเลิกโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า)
เช้ามืด : คณะพร้อมกัน ณ จุดนัดพบ (บริเวณ LOBBY โรงแรม)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
☞ เดินทางสู่ เมืองคอนย่า (KONYA) ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุกเติร์ก อาณาจักรแห่งแรกของชาวเติร์กในตุรเคีย หรือที่ยุคนั้นเรียกอนาโตเลีย เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ คนส่วนใหญ่มีอาชีพทำนา มีการปลูกฝิ่นและผลไม้อร่อย เมืองนี้มีประวัติที่เก่าแก่มาก เป็นที่ตั้งของสุสานเมฟลานา ผู้ริเริ่มการทำสมาธิแบบเป็นวงกลม ในแต่ละปีจึงมีผู้แสวงบุญมาเยือนที่นี่กันเป็นจำนวนมาก (ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชม.) ระหว่างทางให้ท่านแวะถ่ายรูป คาราวานซาราย(CARAVANSARAI) ที่พักของกองคาราวานในสมัยโบราณ เป็นสถานที่พักแรมของกองคาราวานตาเส้นทางสายไหมและชาวเติร์กสมัยออตโตมัน
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน
☞ นำท่านชม พิพิธภัณฑ์เมฟลานา (MEVLANA MUSEUM) ได้รับการประกาศรับรองให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกแห่งสหประชาชาติ เป็นที่ตั้งของสำนักพวกเดอร์วิช (DERVISH) มีหน้าที่ในการชักชวนพลเมืองชาวคริสต์ในคาบสมุทรอนาโตเลีย ให้หันมานับถือศาสนาอิสลาม และลดช่องว่างระหว่างราษฏรกับผู้ปกครองชาวเซลจุก ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์นี้เป็นสุสานของเมฟานา เจลาเลดดิน ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในประดับประดาฝาผนังแบบมุสลิม โดยใช้สีมากมายตระการตา ซึ่งหาชมได้ยาก และยังเป็นสุสานสำหรับผู้ติดตาม สานุศิษย์ บิดา และบุตรของเมฟลานาด้วย
☞ เดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ (PAMUKKALE) แปลว่า ปราสาทปุยฝ้าย (COTTON CASTLE) อยู่ในเมืองชื่อเดียวกัน จังหวัดเดนิซลี ประเทศตุรเคีย เป็นเนินเขาหินปูนสีขาว มีความยาวประมาณ 2.7 กิโลเมตร สูง 160 เมตร เกิดจากน้ำพุร้อนที่นำแคลเซียมคาร์บอเนตมาตกตะกอน ปามุคคาเล่ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกร่วมกับฮีเอราโปลิสซึ่งเป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนปามุคคาเล่ ใน พ.ศ. 2531 (ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 5 ชม.)
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
☞ นำท่านชม เมืองเฮียราโพลิส (HIERAPOLIS) เมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อนซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรคเมื่อเวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้เกิดการพังทลายลงเหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไป เช่นโรงละครแอมฟิเธียร์เตอร์ขนาดใหญ่ วิหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณ
☞ นำท่านชม ปราสาทปุยฝ้าย (PAMUKKALE) น้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นแร่หินปูนผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมากไหลลงมาจากภูเขา “คาลดากึ” ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือ และทำปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้ว เป็นแอ่ง เป็นชั้น ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศ เกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติ อันสวยงามแปลกตาที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ จนทำให้ปามุคคาเล่และเมืองเฮียราโพลิสได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1988 ชมความสวยงามของแอ่งน้ำหินปูนธรรมชาติตัดกับหน้าผาที่กว้างขวางมีลักษณะสวยงามมหัศจรรย์แตกต่างออกไปมากมายคล้ายหิมะ ก้อนเมฆหรือปุยฝ้ายน้ำแร่มีอุณหภูมิประมาณ 33 – 35.5 องศาเซลเซียส อิสระเก็บภาพประทับใจจนถึงเวลาอันสมควร
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน
☞ เดินทางสู่ เมืองคูซาดาซี (KUSADASI) เมืองท่าที่สำคัญทางการค้าอีกเมืองหนึ่งของตุรเคียที่เป็นสถานที่ตั้งของโบราณสถานที่สำคัญสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ (ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 3 ชม.)
☞ นำท่านชม เมืองโบราณเอฟิซุส (EPHESUS) เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีเมืองหนึ่ง เคยเป็นที่อยู่ของชาว (IONIA) จากกรีก ซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมือง ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนาเอฟฟิซุส ขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
☞ นำท่านเดินทางสู่ เมืองอิซเมียร์ หรืออิซมีร์ (IZMIR) เป็นมหานครในปลายสุดทางตะวันตกของอานาโตเลีย ถือว่าเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศตุรเคีย เป็นรองแค่อิสตันบูล กับอังการา และเป็นเมืองริมทะเลอีเจียนที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดรองจากเอเธนส์ ถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาอีกทั้งยังถือว่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างพลุกพล่านไปด้วยผู้คนรวมไปถึงถนนที่ค่อนข้างกว้าง อาคารกระจกและศูนย์ช็อปปิ้งที่ทันสมัย (ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1.30 ชม.)
☞ นำท่านเดินทางสู่ จัตุรัสโคนัค (KONAK SQUARE) ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1901 ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองอิซเมียร์ โดยมี หอนาฬิกาอิซเมียร์ (IZMIR CLOCK TOWER) เป็นสัญลักษณ์สำคัญของจังหวัดอิซเมียร์ที่มีความงดงามและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศตุรกี ครั้งหนึ่งภาพของหอนาฬิกาแห่งนี้ยังเคยปรากฏอยู่บนธนบัตรใบละ 500 ลีราตุรกี ในช่วงปีค.ศ. 1983 – 1989 มาแล้วด้วยเช่นกัน
อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
☞ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ชานัคคาเล่ (CANAKKALE) เมืองท่าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของตุรเคียมีดินแดนอยู่ในยุโรปและเอเชียเช่นเดียวกับอิสตันบูล เมืองนี้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ของสงครามโลกครั้งที่ 1 เพราะที่ชานัคคาเล่นี้ทหารสัมพันธมิตรได้ยกพลขึ้นบกและทำการรบในสงครามกาลิโปลี (GALLIPOLI)หรือ กัลป์ลิโปลีโดยในทุกๆปีจะมีการจัดงานรำลึกให้กับผู้เสียชีวิตในวัน ANZAC DAY ทุกวันที่ 25 เมษายน ทุกปี ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ตุรเคียเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่กลับชนะในสงคราม กัลป์ลิโผลี จนทำให้นายพล มุสตาฟา เคมาล ปาชา (MUSTAFA KEMAL PASHA) กลายเป็นมหาวีรบุรุษสำคัญของชาติ ซึ่งต่อมา มุสตาฟา เคมาล ปาชา ก็คือ อตาเติร์ก บิดาแห่งชาติตุรเคีย (ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6 ชม.)
แวะถ่ายรูป ☞ HOLLYWOOD ม้าไม้จำลองเมืองทรอย (WOODEN HORSE OF TROY) ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองชานัคคาเล่ ม้าไม้เมืองทรอยตามเรื่องเล่านั้นเกิดจากการต่อสู้ระหว่างกองทัพกรีกและกรุงทรอย ต่อสู้กันนานนับสิบปี กองทัพกรีกจึงคิดแผนการที่จะตีกรุงทรอยโดยการสร้างม้าไม้ โดยทหารกรีกได้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ภายในซอกต่างๆของม้าและเข็นไปไว้หน้าเมืองทรอย ชาวเมืองทรอยเห็นก็นึกว่ากองทัพกรีกได้ถอยทัพยอมแพ้ไปแล้วและมอบม้าไม้จำลองเป็นของขวัญ จึงเข็นเข้าไปไว้ในเมือง ตกกลางคืนชาวทรอยนอนหลับหมด ทหารที่ซ่อนอยู่ในม้าก็ออกมาเปิดประตูให้กองทัพกรีกเข้ามาทำการยึด และเผากรุงทรอยจนย่อยยับ ซึ่งม้าไม้จำลองแห่งเมืองทรอยที่เห็นอยู่ในเมือง ชานัคคาเล่ นี้ได้รับมาจาก กองถ่ายทำละคร วอเนอร์ บราเธอร์ ใช้ถ่ายทำละคร เรื่องทรอย เมื่อถ่ายทำเสร็จแล้วจึงยกให้เป็นสมบัติของที่นี่ตั้งแต่ปี 2004 อิสระเก็บภาพประทับใจตามอัธยาศัย จนถึงเวลานัดหมาย
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
☞ เดินทางสู่ เมืองอิสตันบูล (ISTANBUL) เมืองสำคัญอันดับ 1ของประเทศ เดิมชื่อ คอนแสตนติโนเปิล เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรเคีย ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส(BOSPHORUS) ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีปคือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง THRACE ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย) ซึ่งในอดีตอิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญของชนเผ่าจำนวนมากในบริเวณนั้น จึงส่งผลให้อิสตันบูลมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป (ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6 ชม.)
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน
☞ นำท่านท่องเที่ยวย่าน BALAT เป็นย่านที่เก่าแก่และสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจเมื่อได้มาเยือน ตั้งอยู่ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรเคีย พื้นถนนปูด้วยหินก้อนโตๆ บ้านเรือนมีลักษณะเป็นตึก และมีสีสันแจ่มจรัส แต่มีอายุมากกว่า 50 ปีมาแล้ว ซึ่งในบางหลังมีอายุกว่า 200 ปีที่นี่เป็นสถานที่ยอดนิยมเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีคาเฟ่และร้านอาหารมากมายตั้งอยู่ที่นี่
☞ นำท่านชม มัสยิดซูเลย์มานีเย เป็นมัสยิดหลวงของออตโตมันที่ตั้งอยู่ในอิสตันบูลในตุรกี เป็นมัสยิดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอิสตันบูล มัสยิดซิวเลย์มานีเยสร้างตามพระบรมราชโองการของสุลต่านสุลัยมานแห่งจักรวรรดิออตโตมัน โดยมีมิมาร์ ซินานเป็นสถาปนิก เป็นสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม ที่เริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 1550 และสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1557 มัสยิดซิวเลย์มานีเยมีความเด่นสง่าที่แสดงความสำคัญของสุลต่านสุลัยมานในประวัติศาสตร์แต่มีขนาดเล็กกว่าอะยาโซเฟีย
☞ นำท่านเดินทางสู่ ตลาดเครื่องเทศ (SPICE MARKET) ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานกาลาตา สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1660 เป็นตลาดในร่มและเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองในอิสตันบูล สินค้าส่วนใหญ่คือเครื่องเทศเป็นหลัก ทั้งยังมีถั่วชนิดต่าง ๆ รังผึ้ง น้ำมันมะกอก ไปจนถึงเสื้อผ้าเครื่องประดับ ฯลฯ
☞ นำท่านถ่ายรูปคู่กับ หอคอยกาลาตา GALATA TOWER (GALATA KULESI) หรือบางทีเรียกว่า CHRISTEA TURRIS ซึ่งแปลว่า หอคอยแห่งพระคริสต์ ในภาษาละติน เป็นหอคอยหินยุคกลางในเขตกาลาตา-คาราค็อย (GALATA – KARAKÖY) ของนครอีสตันบูล, ประเทศตุรเคีย เป็นอีกหนึ่งในสถานที่สำคัญที่โดดเด่นที่สุดของเมือง ด้วยลักษณะทรงกระบอกสูง ของหอคอยที่โดดเด่นเหนือเส้นขอบฟ้า ทำให้เกิดทัศนียภาพอันงดงาม ของคาบสมุทร และบริเวณโดยรอบของเมืองอิสตันบูล นอกจากนี้ตลอดแนวถนน ยังเต็มไปด้วยอาคาร และร้านค้า ที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป ที่สวยงามและแปลกตาอีกด้วย
☞ นำท่านเดินทางสู่ จตุรัสทักซิม (TAKSIM SQUARE) ตั้งอยู่ในย่านเบโยกลู ในเขตยุโรปของนครอิสตันบูล, ประเทศตุรเคีย เป็นสถานท่องเที่ยวสำคัญที่มีชื่อเสียง และถือเป็นหัวใจ ของนครอิสตันบูลสมัยใหม่ โดยคำว่า TAKSIM หมายถึง “การแบ่งแยก” หรือ “การกระจาย” ซึ่งมีที่มาจากในรัชสมัยของ สุลต่านมะห์มุด 1 (SULTAN MAHMUD I) ด้วยสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของ อ่างเก็บน้ำหินยุคออตโตมัน และเป็นจุดที่สายน้ำหลัก จากทางตอนเหนือถูกรวบรวม และกระจายออกไปยังส่วนอื่นๆ ของเมือง นอกจากนี้คำว่า ทักซิม (TAKSIM) ยังหมายถึง รูปแบบดนตรีพิเศษในเพลงคลาสสิก ของประเทศตุรเคียอีกด้วย ในปัจจุบันจตุรัสแห่งนี้ เป็นสถานที่ใช้ในการจัดกิจกรรมสาธารณะ เช่น ขบวนพาเหรด ในการเฉลิมฉลองปีใหม่ หรือการพบปะทางสังคมอื่นๆ และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งใน และต่างประเทศ
อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
☞ นำท่านชม จัตุรัสสุลต่านอะห์เมต หรือ ฮิปโปโดรม (HIPPODROME) สนามแข่งม้าของชาวโรมัน จุดศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวเมืองเก่า สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเซปติมิอุสเซเวรุสเพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่างๆของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนติน ฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้นตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่าง ๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่จัดงานพิธีแต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมตซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์ 3 ต้น คือเสาที่สร้างในอียิปต์เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูลเสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือเสาคอนสแตนตินที่ 7
☞ นำท่านถ่ายรูปด้านหน้า สุเหร่าสีน้ำเงิน (BLUE MOSQUE) หรือ SULTAN AHMET MOSQUE ถือเป็นสุเหร่าที่มีสถาปัตยกรรมเป็นสุดยอดของ 2 จักรวรรดิ คือ ออตโตมันและไบเซนไทน์ เพราะได้รวบรวมเอาองค์ประกอบจากวิหารเซนต์โซเฟียผนวกกับสถาปัตยกรรมแบบอิสลามดั้งเดิม ถือว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในตุรเคีย สามารถจุคนได้เรือนแสน ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 7 ปี ระหว่าง ค.ศ.1609-1616 โดยตั้งชื่อตามสุลต่านผู้สร้างซึ่งก็คือ SULTAN AHMED นั้นเอง **เนื่องจากทางสุเหร่ามีการปิดปรับปรุงจึงไม่อนุญาตให้เข้าชมด้านใน ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการนำท่านชมบริเวณด้านนอก**
☞ นำท่านชม สุเหร่าเซนต์โซเฟีย (MOSQUE OF HAGIA SOPHIA) หรือวิหารเซนต์โซเฟีย หรือ HAGHIA SOFIA (ฮายาโซฟีอา) บางคนอาจออกเสียงฮาเกียโซเฟีย หรือในภาษาตุรเคียเรียก AYASOFYA เซนต์โซเฟีย แปลว่า โบสถ์แห่งปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ คำว่า “SOFIA” มาจากคำในภาษากรีกที่แปลว่า “ปัญญา” จึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับนักบุญที่ชื่อ SOFIA แต่อย่างใด เซนต์โซเฟียนับเป็นสิ่งก่อสร้างจากฝีมือมนุษย์ที่มีความสวยงามอลังการ ตั้งอยู่ในกรุงคอนสแตนติโนเปิล (CONSTANTINOPLE) หรือปัจจุบันคือกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรเคีย สุเหร่าแห่งนี้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกลำดับที่ 8 ในยุคกลาง สร้างในสมัยของจักรพรรดิจัสติเนียน แห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์
☞ นำท่านถ่ายรูปด้านหน้า พระราชวังทอปกาปี (TOPKAPI PALACE) ปัจจุบันคือพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ในนครอีสตันบูล เป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 แห่งจักรวรรดิออตโตมัน สามารถพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิลไว้ได้ จึงมีคำสั่งให้สร้างพระราชวังขึ้นมาใหม่และให้ชื่อพระราชวังแห่งใหม่นี้ว่า พระราชวังวังนิวอิมพีเรียล เวลาผ่านไปด้วยการบูรณะซ่อมแซมหลายครั้ง โดยพระราชวังวังนิวอิมพีเรียล (IMPERIAL NEW PALACE) ยังคงถูกใช้เป็นคลังของจักรวรรดิ, ห้องสมุด และโรงเหรียญกษาปณ์ และถูกตั้งชื่อใหม่ว่าทอปกาปี (TOPKAPI) ซึ่งมีความหมายว่า ประตูปืนใหญ่ และต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ ปัจจุบันยังเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อิสตันบูล ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ขององค์การยูเนสโก พระราชวังแห่งนี้สามารถมองเห็นช่องแคบบอสฟอรัสโกลเดนฮอร์นและทะเลมาร์มาร่าได้อย่างชัดเจน และในช่วงที่เจริญสูงสุดของอาณาจักรออตโตมัน พระราชวังแห่งนี้มีราชวงศ์และข้าราชบริพารอาศัยอยู่รวมกันมากถึงสี่พันกว่าคน
**พิเศษ** ในเดือนเมษายน นำท่านชมเทศกาลดอกทิวลิปที่ สวนกึลฮาเน (GULHANE PARK) สวนสาธารณะเก่าแก่ในย่านเมืองเก่าอิสตันบูล ที่เดิมเคยเป็นสวนด้านนอกของพระราชวังทอปกาปิ (TOPKAPI PALACE) ดอกทิวลิป เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ดั้งเดิมของเมืองอิสตันบูล มีที่มาจากอิหร่านเมื่อหลายร้อยปีก่อน เป็นดอกไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมเนียมหรือวัฒนธรรมของชาวตุรกี
อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัยถึงเวลานัดหมาย สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางสู่สนามบินอิสตันบูล
16.50 น. : เดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสายการบิน TURKISH AIRLINES เที่ยวบินที่ TK58 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 10 ชั่วโมง)
06.20 น. : เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ