20.00 : พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้นระหว่างประเทศขาออก (ชั้น 4) ประตู 7 เคาน์เตอร์ Nพบกับเจ้าหน้าที่ที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
*** หมายเหตุ : เคาน์เตอร์เช็คอินปิดบริการก่อนเวลาเครื่องออก 60 นาที และไม่มีประกาศเตือนผู้โดยสารขึ้นเครื่อง ดังนั้นผู้โดยสาร จำเป็นต้องพร้อม ณ ประตูขึ้นเครื่องก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 45 นาที ***
22.55 : ออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Phillipine Airlines เที่ยวบิน PR733
03.35 : ออกเดินทางจาก มะนิลา โดยเที่ยวบิน PR428
13.40 : ถึงสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น ดินแดนอาทิตย์อุทัย (เวลาท้องถิ่นที่ญี่ปุ่นเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง) ผ่านพิธีศุลกากรและตรวจคนเข้าเมือง พร้อมตรวจเช็คสัมภาระ
นำท่านเดินทางสู่ ศาลเจ้าคาโทริ เป็นอีกที่หนึ่งที่มีความสวยงามเป็นอย่างมากและมีอายุเก่าแก่เกิน 2,600 ปี เป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าที่อยากแนะนำให้มาเยี่ยมชม หากได้มาที่นี่ถือว่าได้มาสักการะศาลเจ้าแห่งประวัติศาลการก่อสร้างประเทศญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว คนญี่ปุ่นเชื่อว่าศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าแห่งนักรบ และปกปักรักษาประเทศญี่ปุ่นโดยเทพเจ้าที่มีชื่อว่า Futsunushi ซึ่งเป็นเทพแห่งดาบและสงคราม และเชื่อกันว่าเป็นผู้ที่ช่วยสร้างประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นการไปเยี่ยมชมที่นี่จึงเปรียบเสมือนว่าได้ไปเคารพบรรพบุรุษเหล่านักรบของญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว
ให้ทุกท่านเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าที่ “อิออนมอลล์” ศูนย์รวมสินค้าชั้นนำต่างๆ มากมาย อาทิ นาฬิกา, กล้อง, กระเป๋า, รองเท้า, เสื้อผ้า เป็นต้น รวมทั้ง “ร้าน 100 เยน” สินค้าคุณภาพดีราคาแสนถูก…. อิสระให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการ “เลือกชมและซื้อ” สินค้าถูกใจฝากคนทางบ้านตามอัธยาศัย
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (1)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (2)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “มหานครโตเกียว” เพื่อพาท่านเดินทางไปยัง “สวนอุเอโนะ” (Ueno Park) หรือชื่อเต็ม อุเอโนะอนชิ (Ueno Onshi Koen) (จุดชมซากุระ) คือสวนสาธารณะแห่งแรกในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเขตไทโต โตเกียว โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของญี่ปุ่นโดยรัฐบาลในปี ค.ศ. 1873 ภายในพื้นที่กว้างประมาณ 530,000 ตารางเมตร โดยสวนอุเอโนะนั้นยังเป็นจุดชมซากุระที่ขึ้นชื่ออีกด้วย เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิจึงคึกคักไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาชมซากุระกันอย่างมากมาย
กลางวัน : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 3)
พาท่านเดินทางสู่ “เจดีย์แดงชูเรโตะ” (Chureito Pagoda) (จุดชมซากุระ) เป็นเจดีย์ห้าชั้นบนเนินเขาที่สามารถมองเห็นเมืองฟูจิโยชิดะ (Fujiyoshida City) และภูเขาไฟฟูจิในระยะไกลได้อย่างชัดเจนและงดงาม เจดีย์นี้ตั้งอยู่บนศาลเจ้าอาราคุระเซนเกน (Arakura Sengen Shrine) ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงสันติภาพปี ค.ศ. 1963 ซึ่งจากตัวอาคารหลักของศาลเจ้าต้องขึ้นบันไดไปเกือบ 400 ขั้น โดยนักท่องเที่ยวจะได้ชมทัศนียภาพอันสวยงามของภูเขาไฟฟูจิร่วมกับเจดีย์ห้าชั้น อิสระให้ท่านได้หามุมถูกใจเก็บภาพตามอัธยาศัย
จากนั้นพาท่านเดินทางสู่ “หมู่บ้านอิยาชิโนซาโตะ” (Iyashi no Sato) ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เคยเป็นหมู่บ้านเกษตรกรรมบนชายฝั่งทิศตะวันตกของทะเลสาบไซโกะ ซึ่งถูกพายุไต้ฝุ่นพัดถล่มในปี ค.ศ. 1966 จนกระทั้งต่อมาอีก 40 ปีได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ให้เป็นแบบดั้งเดิม และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งให้ประชาชนได้เข้าชมศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม ลองและซื้อสินค้าหัตถกรรมแบบดั้งเดิม ภายในหมู่บ้านประกอบด้วยบ้านกว่า 20 หลังคาเรือนที่ได้รับการดัดแปลงให้เป็นร้านค้า ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ และแกลเลอรึ่ ซึ่งแต่ละหลังก็จะมีความเชี่ยวชาญในงานฝีมือดั้งเดิมที่ต่างกัน เช่น เครื่องปั้นดินเผา ธูป และผ้าทอ หรืออาจเข้าร่วมทดลองผลิตกระดายวาชิ ถ่านชาร์โคล และบะหมี่ โซบะด้วยตนเอง ส่วนของพิพิธภัณฑ์ในบ้าน ได้แก่ บ้านวาตานาเบะ ที่จัดแสดงเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเกษตรกรที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในแถบนี้ พิพิธภัณฑ์การกัดเซาะและการควบคุมตะกอนที่อธิบายถึงสาเหตุของการเกิดดินถล่มที่ทำลายหมู่บ้าน และเทคนิคการใช้ป้องกันภัยพิบัติ ส่วนบ้านที่เหลือจะเป็นอาร์ตแกลเลอรี่แสดงงานศิลปะท้องถิ่น ร้านผลิต และสตูดิโอถ่ายภาพบุคคล
และท่านยังสามารถ “สวมชุดกิโมโน” , “ชุดนักรบซามูไร” ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารตั้งอยู่รอบ ๆ หมู่บ้านอีกด้วย (ราคาไม่รวมค่าชุดกิโมโนประมาณ 2,000 เยน)
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม (4)
พร้อมเสิร์ฟท่านด้วยเมนูพิเศษ “บุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์” ทานได้ไม่อั้น เสริฟพร้อมน้ำจิ้มรสแซ่บจากเมืองไทย
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (5)
จากนั้นพาท่านเดินทางสู่ “หมู่บ้านโอชิโนะ ฮัคไค” (Oshino Hakkai) หรือ หมู่บ้านน้ำใส ตั้งอยู่ที่จังหวัดยามานาชิ ในเขตพื้นที่เดียวกันกับทะเลสาบทั้ง 5 ที่ล้อมรอบภูเขาไฟฟูจิเอาไว้นั่นเอง ถือเป็นหมู่บ้านแห่งการท่องเที่ยวที่ยังคงความอุดมสมบรูณ์ของธรรมชาติเอาไว้ได้อย่างดี หมู่บ้านแห่งบ่อนํ้าศักดิ์ทั้ง 8 บ่อที่กักเก็บนํ้าจากการละลายของหิมะบนภูเขาไฟฟูจิไว้ ซึ่งเป็นนํ้าที่เกิดจากการละลายของหิมะบนภูเขาไฟฟูจิในช่วงฤดูร้อน และไหลผ่านหินลาวาที่มีรูพรุนรวมกับแร่ธาตุต่างๆ จนทำให้นํ้าในบ่อที่เราเห็นนี้มีความใสสะอาดเป็นพิเศษ คนญี่ปุ่นเชื่อว่านํ้าในบ่อเหล่านี้นอกจากจะมีความใสสะอาดและเย็นฉํ่าแล้ว ยังมีความศักดิ์สิทธิ์ที่หากใครได้ดื่มก็จะมีอายุยืนยาวปราศจากโรคภัยไข้เจ็บในวันที่อากาศแจ่มใสท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆหมอกอันหนาทึบ จากหมู่บ้านเราจะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีวิธีการสาธิตการนำพลังงานน้ำมาใช้ เช่น นำมาปั่นกังหันเพื่อที่จะให้เครื่องตำข้าวทำงานฯลฯ อิสระให้ท่านถ่ายรูปและซื้อของที่ระลึกจากชุมชุนพื้นบ้านและบริเวณโดยรอบ
นำท่านเดินทางสู่ “ภูเขาไฟฟูจิ” (Mount Fuji) สัญลักษณ์ของแดนอาทิตย์อุทัยและยังเป็นภูเขาไฟที่มีลักษณะงดงามที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศและกลิ่นอายอย่างใกล้ชิดที่ สถานีที่ 5 โดยมีความสูงประมาณ 3,776 เมตร เมื่อขึ้นมาถึงชั้น5จะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลสาบทั้ง 5 ที่ล้อมภูเขาไฟฟูจิที่ชั้น5นี้ยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าโคมิตาเคะ (Komitake Jinja) ของศาสนาลัทธิชินโต เป็นที่สัการะบูชาและอธิฐานขอพร อีกทั้งยังเป็นที่สำหรับบวงสรวงท่านเทนกุ โดยมีความเชื่อว่าที่บริเวณโดยรอบของฟูจิซังชั้น 5 นี้ ถูกเรียกว่า “Tengu no niwa”หรือ “สวนของท่านเทนกุ” (ปีศาจที่มีจมูกแดงยื่นออกมา) โดยมีความเชื่อว่าที่นี่มีท่านเทนกุปกครองอยู่นั่นเอง และยังว่ากันว่าศาลเจ้าแห่งนี้มีสมบัติของท่านเทนกุหลงเหลืออยู่มากมาย อย่างเช่น ขวานขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักกว่า 375 กิโลกรัมตกอยู่ที่พื้นในสวน ซึ่งในสมัยก่อนมีผู้คนนิยมมาทดลองยกขวานนี้กันมากมาย เป็นต้น จึงเป็นที่มาว่าทำไมภูเขาไฟฟูจิจึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนเคารพบูชาและนิยมมาซื้อเครื่องลางกลับไปเป็นของที่ระลึก อิสระให้ท่านสัมผัสกับทัศนียภาพที่สวยงามของฟูจิซังในระยะใกล้และเลือกชมเลือกซื้อของที่ระลึกตามอัธยาศัย
กลางวัน : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 6)
จากนั้นสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น นั่นก็คือ การเรียนพิธีชงชาญี่ปุ่น (Sado) โดยการชงชาตามแบบญี่ปุ่นนั้น มีขั้นตอนมากมาย เริ่มตั้งแต่การชงชา การรับชา และการดื่มชา ทุกขั้นตอนนั้นล้วนมีพิธี รายละเอียดที่บรรจงและสวยงามเป็นอย่างมาก พิธีชงชานี้ ไม่ใช่แค่รับชมอย่างเดียว ยังเปิดโอกาสให้ท่านได้มีส่วนร่วมในพิธีการชงชานี้อีกด้วย และจากนั้นให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อของที่ระลึกตามอัธยาศัย..
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ “โตเกียว” เพื่อพาท่านเดินทางสู่ “ย่านชิบูย่า” (Shibuya) แหล่งช้อปปิ้งสตรีทที่ยิ่งใหญ่สุดๆในโตเกียว รายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ และร้านค้าอีกนับพัน ซึ่งมีห้าง SHIBUYA 109 ที่รวบรวมร้านค้าแฟชั่นไว้มากมาย รวมทั้งมีรูปปั้นฮาจิโกะ หรือเจ้าหมาแสนซื่อสัตย์ฮาจิที่เฝ้ารอคอยเจ้านายหน้าสถานีชิบูย่าตราบจนวันตายของมัน และให้ท่านได้เดินเล่นช้อปปิ้งไปกับห้าง SHIBUYA HIKARIE เป็นอาคารใหม่ที่สร้างทดแทน Shibuya Tokyo Bunka Kaikan Building ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของสถานีรถไฟชิบูย่า เป็นอาคารสูง 34 ชั้นโดยมีร้านค้ากว่า 200 ร้านและรวมแฟชั่นต่าง ๆ จากทุกมุมโลกมาไว้ที่นี่
* เพื่อให้ท่านใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า อาหารมื้อเย็นอิสระตามอัธยาศัย … ให้ท่านเลือกชิมร้านอร่อยจากร้านค้าต่าง ๆ *
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (7)
อิสระตามอัธยาศัยทั้งวันให้ท่านเลือกช้อปปิ้งตามย่านดังของกรุงโตเกียว โดยการนั่งรถไฟตะลุยมหานครโตเกียว (ไม่รวมค่ารถไฟ)
* เพื่อให้ท่านใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า อาหารมื้อกลางวัน และเย็นอิสระตามอัธยาศัย … ให้ท่านเลือกชิมร้านอร่อยจากร้านค้าต่าง ๆ
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (8)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “วัดอาซากุสะคันนอน” (Asakusa Kannon Temple) หรือ วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) หรือเรียกอีกอย่างว่าวัดโคมแดงเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่และเป็นที่นิยมมากที่สุดวัดหนึ่งของเมืองโตเกียวถูกสร้างขึ้นเสร็จเมื่อประมาณปี ค.ศ. 645 เชิญท่านกราบนมัสการขอพรจากองค์เจ้าแม่กวนอิมที่เป็นทองสัมฤทธิ์มีขนาดเล็กเพียง 5.5 เซนติเมตร พร้อมถ่ายภาพความประทับใจกับโคมไฟขนาดยักษ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สูง 4.5 เมตร หรือจะเลือกเดินที่ “ถนนนาคามิเซะ” เป็นถนนยาวเข้าสู่พื้นที่ภายในวัดที่จะเต็มไปด้วยร้านค้ามากมายท่านจะได้ชมและซื้อสินค้าของฝากของที่ระลึกที่เป็นสินค้าพื้นเมือง Made In Japan แท้ ๆ รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้คุณภาพดีมากมาย อาทิ ร่ม หมวก รองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้า เป็นต้น หรือจะเลือกชิมขนมอร่อยสไตล์ญี่ปุ่นตามอัธยาศัย
จากนั้นนำทุกท่านเดินถ่ายรูปคู่กับแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงโตเกียว ณ ริมแม่น้ำสุมิดะ “หอคอยโตเกียว สกายทรี”(Tokyo Sky tree) หอส่งสัญญาณโทรคมนาคมที่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดอาซะกุซ่ามากนักโดยหอนี้มีความสูง 634 เมตร โตเกียวสกายทรีถูกแบ่งเป็นสองชั้นโดยชั้นแรกสูง 350 เมตร และชั้นบนสูง 450 เมตรเป็นจุดชมวิวเมืองโตเกียวที่สวยที่สุดอีกจุดนึงเนื่องจากสามารถชมวิวได้รอบทิศ 360 องศาโดยได้รับการยอมรับให้โตเกียวสกายทรีเป็นตึกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นให้ท่านได้ชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามเกินบรรยาย อีกทั้งยังมีที่กินเที่ยวช็อปปิ้งอยู่ภายในตึกแห่งนี้ครบครัน รวมทั้งยังมีอควอเรียมอยู่ในนั้นอีกด้วย
กลางวัน : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 9)
หลังอาหารกลางวันพาท่านเดินทางสู่ “แม่น้ำสุมิดะ” (Sumida River) (จุดชมซากุระ) ให้ท่านได้ชมซากุระสีชมพูที่กำลังผลิบานสะพรั่งอย่างงดงามบริเวณริมแม่น้ำสุมิดะ เป็นอีกหนึ่งจุดยอดนิยมในการชมซากุระสวย ๆ ที่เรียงรายเลียบไปตามฝั่งแม่น้ำ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดอาซากุสะ อีกทั้งบริเวณสวนสุมิดะยังสามารถมองเห็นหอคอยโตเกียวสกายทรีได้อีกด้วย
จากนั้นพาท่านเดินทางสู่ “โอไดบะ” (Odaiba) เกาะมหัศจรรย์แห่งโตเกียวที่เกิดจากการถมทะเลด้วยขยะ แหล่งรวมเทคโนโลยีล้ำยุคและทันสมัย เป็นเกาะที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และศักยภาพของชาวญี่ปุ่นที่สามารถสร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ขึ้นมา ให้ท่านได้ดื่มด่ำกับการนั่งกินลมชมวิวบนชิงช้าสวรรค์ (ferris wheel) ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตื่นตากับสีสันของแสงไฟที่ประดับประดา ท่านสามารถลองสัมผัสบรรยากาศของอ่าวโตเกียวที่มีสะพานเรนโบว์ (Rainbow Bridge) พาดผ่าน และมีแสงสีของกรุงโตเกียวยามค่ำคืนเป็นฉากหลัง รวมทั้งเทพีเสรีภาพเวอร์ชั่นญี่ปุ่นยืนถือคบเพลิงอยู่ริมอ่าว หรือ ท่านจะเลือกช้อปปิ้งที่ “ห้างสรรพสินค้าไดเวอร์ซิตี้โตเกียว” (Diver City Tokyo Plaza) ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวภายใต้คอนเซ็ปท์ Theatrical City Space เป็นแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ที่มีร้านค้าต่าง ๆ มารวมตัวกันถึง 154 ร้าน อาทิ UniQlo, Zara, H&M, Coach, Lacoste, Forever 21, Diesel ฯลฯ และสิ่งที่ไม่ควรพลาดคือการถ่ายรูปคู่กับเจ้าหุ่นยนต์กันดั้มยักษ์ที่หน้าห้างซึ่งเพิ่งมีการเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา RX-0 Unicorn Gundam ตัวสูงกว่า 20 เมตร อีกทั้งยังมียูนิคอร์นปรับเปลี่ยนโหมดของใบหน้าได้ ทั้งตัวหุ่นยนต์เรืองแสงได้มากกว่า 50 จุด เช่น บริเวณไหล่ สะโพก หน้าอก เป็นต้น โดย Unicorn Gundam ตัวล่าสุดที่มีโชว์แสง สี เสียง และขยับเกราะ เปิดเขา กันเป็นเวลาอีกด้วย (ไม่รวมค่าชิงช้าสวรรค์ , ค่าเข้าชมและเครื่องเล่นต่าง ๆ)
และให้ท่านได้ช้อปปิ้งที่ “ห้างสรรพสินค้าวีนัสฟอร์ต” (Venus Fort) ตั้งอยู่ที่ย่านโอไดบะ ภายในห้างมีร้านค้ากว่า 100 ร้าน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแฟชั่น เสื้อออกกำลังกาย เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเลคโทรนิค ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ฯลฯ โดยที่นี่มีคอนเซ็ปต์ของช้อปปิ้งมอลล์สไตล์เวนิช โดยจะเน้นการออกแบบและตกแต่งให้เป็นแบบเวนิชแท้ ๆ ส่วนหลังคาเป็นรูปท้องฟ้าก็จะเปลี่ยนสีไปตามช่วงเวลาของวัน เรียกได้ว่าเป็นห้างสรรพสินค้าที่แม้จะไม่ได้ใหญ่มากที่สุด แต่ก็มีความลงตัวมากและมีสินค้าให้เลือกซื้อกันมากมายไม่แพ้ที่อื่น ๆ เลยทีเดียว
* เพื่อให้ท่านใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า อาหารมื้อเย็นอิสระตามอัธยาศัย … ให้ท่านเลือกชิมร้านอร่อยจากร้านค้าต่าง ๆ * สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ “สนามบินฮาเนดะ”
0115 : เดินทางจากสนามบินฮาเนดะ โดยสายการบิน Phillipine Airlines เที่ยวบิน PR423
0450 : ถึงสนามบินนินอย มะนิลา แวะเปลี่ยนเครื่อง
0945 : ออกเดินทางจาก มะนิลา โดยเที่ยวบิน PR730
1205 : ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม