22.00 น. : คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 9 แถว M สายการบินฟิลิปปินส์ แอร์ไลน์ (PR) เคาน์เตอร์เช็คอินอาจมีการเปลี่ยนแปลง เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารและสัมภาระก่อนขึ้นเครื่อง (น้ำหนักโหลด 30.กก.ถือขึ้นเครื่อง 7 กก.) พิเศษ : บริการ Fast Track ช่องทางพิเศษสู่ด่านตรวจคนเข้าเมือง และ VIP Lounge สำหรับทุกท่าน
01.30 น. : เหินฟ้าสู่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยเที่ยวบิน PR739 / 434 (แวะเปลี่ยนเครื่อง ฯ ที่กรุงมนิลา 1.30 ชม.) :บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง ฯ (ใช้เวลาบินประมาณ 10.10 ชม.)
13.40 น. : ถึง สนามบินนาริตะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น (เวลาท้องถิ่นเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง กรุณาปรับนาฬิกาของท่านให้เป็นเวลาท้องถิ่น เพื่อความสะดวกในการนัดหมาย)
หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางไปยัง กรุงโตเกียว หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่ามหานครโตเกียว หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งคือ เอโดะ เป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น
บ่าย : นำท่านเข้าเช็คอินที่โรงแรม Sunshine City Prince Hotel Ikebukuro (êêêê)
หลังเช็คอิน อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งย่าน Ikebukuro แหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านอาหาร รวมถึงแหล่งบันเทิงต่างๆ
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ เมนู Japanese Set ณ ภัตตาคาร
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เช้า : นำท่านเดินทางไปยัง จังหวัดชิบะ (Chiba) เมืองซากุระ (Sakura) ร่วมงานเทศกาลดอกทิวลิป (จัดช่วงเดือนเมษายนของทุกปี) ชมทุ่งดอกทิวลิปหลากสี อาทิ แดง เหลือง ฯลฯ มากกว่า 100 สายพันธ์ ทอดยาวไปกว่า 600,000 ต้น สุดขอบฟ้า โดยมีกังหันลมเนเธอร์แลนด์เป็นฉากหลัง พบกับกิจกรรมหลากหลาย อาทิ อิ่มอร่อยกับอาหารดัตช์ หรืออาหารพื้นเมืองญี่ปุ่น เช่าจักรยาน ร้านของที่ระลึก ฯลฯ
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน (คืนเงินให้ท่านละ 1,000 เยน)
บ่าย : เดินทางต่อไปยัง เกาะแมวเอโนชิมะ (Enoshima Island) เป็นเกาะแมวที่อยู่ใกล้เมืองโตเกียวมากที่สุดจัดอยู่ใน 100 ภูมิทัศน์ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น มีขนาดเล็กที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลและธรรมชาติที่งดงาม เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับชายฝั่งโชนันในเมืองฟูจิซาวะ จังหวัดคานากาวะ บนเกาะจะเป็นเหมือนสวนสาธารณะที่มีทางเดินวนขึ้นไปที่ยอดของภูเขาเตี้ยบนเกาะ ซึ่งบริเวณทางเดินนี้เองที่จะมีแมวมากมายอาศัยอยู่ จนได้เวลาอันควรนำท่านนั่ง รถไฟฟ้าสายเอโนะชิมะ (รวมตั๋วรถไฟ) รถไฟสายยอดนิยมในหมู่คนท้องถิ่นไปจนถึงนักท่องเที่ยว มีชื่อที่เรียกกันง่ายๆ โดยทั่วไปว่า “เอโนะเด็น (Enoden)” เป็นรถไฟท้องถิ่นที่ใช้เดินทางท่องเที่ยวระหว่างเกาะเอโนะชิมะ (Enoshima Island) และคามาคุระ (Kamakura) จากภายในขบวนรถมองออกไปจะเห็นทิวทัศน์ข้างทางและวิวทะเลสวยงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่อากาศปลอดโปร่งสดชื่น จะมองเห็นภูเขาไฟฟูจิ ถึงสถานีคามากุระ
นำท่านสักการะ พระใหญ่ไดบุทสึ (รวมค่าเข้าชม) เป็นพระพุทธรูปที่สำคัญที่สุดในเมืองคามาคุระ ตั้งอยู่ในวัดโคโตะกุอิน พระพุทธรูปไดบุทสึมีความสูงถึง 13.35 เมตร น้ำหนัก 95 ตัน เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่เป็นอันดับสองในญี่ปุ่น รองจากหลวงพ่อโต แห่งวัดโทไดจิ เมืองนารา พระใหญ่ไดบุทสึสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1252 ในตอนแรกนั้นพระพุทธรูปอยู่ในห้องโถงของวัด แต่ตัววัดได้รับความเสียหายจากพายุและแผ่นดินไหว อยู่หลายครั้ง จนในที่สุดไม่มีตัวอาคารของวัด พระใหญ่ไดบุทสึจึงได้ตั้งอยู่กลางแจ้งจนถึงปัจจุบันนี้
จากนั้นนำท่าน ชมวิวซากุระ ณ ทะเลสาบซูวะ (Lake Suwa) เป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดนากาโน่ ที่นี่เป็นต้นน้ำของแม่น้ำเทนยุ ซึ่งไหลผ่านเมืองโอคายะไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ที่มีทิวทัศน์ที่สวยงามและสุดท้ายไหลไปสู่มหาสมุทรแปซิฟิก (การชมซากุระขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี)
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ เมนูยากินิกุ วากิว ณ ภัตตาคาร
ท่านจะได้สัมผัสกับการอาบน้ำแร่แช่ออนเซ็น เพื่อเป็นการผ่อนคลายจากความเหน็ดเหนื่อย เชื่อว่าน้ำแร่จะช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง และทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เช้า : ออกเดินทางสู่ ปราสาทมัตสึโมโตะ (ด้านนอก) (Matsumoto Castle) ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดนากาโน่ (Nagano) ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1592-1614 เป็น 1 ใน 12 ปราสาทดั้งเดิมที่ยังคงสภาพสมบูรณ์และสวยงามที่สุดของประเทศญี่ปุ่น มีหอคอยและป้อมปืนเชื่อมต่อกับโครงสร้างอาคารหลัก รวมทั้งภายในตกแต่งด้วยไม้ แต่สิ่งที่ทำให้ปราสาทดังมากๆจะเป็นสีโทนสีเน้นไปที่สีเข้มๆ ดูมืดๆ มองไปมองมาให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่และสุขุม จนได้รับฉายาว่า ปราสาทอีกา (FUGASHI-JO)
ต่อไปยัง จังหวัดกิฟุ เมืองทาคายาม่า นำท่านชม ชมซากุระ ณ สะพานนากาบาชิ ซึ่งตัวสะพานสามารถเห็นได้อย่างโดดเด่นจากการทาสีแดงที่ตัวสะพาน และเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง เนื่องจากช่วงเดือนเมษายน ดอกซากุระจะบานสะพรั่งอยู่รายล้อมตัวสะพาน จนกลายเป็นจุดชมซากุระยอดนิยมแห่งหนึ่งของเมืองทาคายาม่า (การชมซากุระขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี)
ต่อไปยัง ถนนเมืองเก่าซันมาจิซูจิ เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในตัวเมืองทาคายาม่า ซึ่งเป็นย่านญี่ปุ่นเก่าแก่และได้รับการขนานนามว่าเป็น เมืองโอลด์ทาวน์อีกด้วย เพราะย่านนี้ยังมีอาคารบ้านเรือนอายุเก่าแก่นานกว่า 100 ปี และตลอดทางเดินบ้านเรือนจะเรียงรายไปด้วยร้านค้า ร้านนม ร้านขายของที่ระลึก ที่เป็นของชื่อดังของท้องถิ่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสาเกญี่ปุ่นคาเฟ่ขนมหวาน ร้านอาหารขึ้นชื่อ “ซูชิเนื้อฮิดะ” ที่ไม่ว่าใครเดินมาถึงต่างต้องมาเข้าแถวลิ้มลองกันอย่างครึกครื้น
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน เมนู Japanese Set ณ ภัตตาคาร
บ่าย : นำท่านชมหมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) หรือมีชื่อหลักว่า หมู่บ้านโอกิมาจิ (Ogimachi Village) นับว่าเป็นหมู่บ้านที่มีความสวยงามและล้ำค่าทางวัฒนธรรมจนได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของยูเนสโกปี 1995 อีกด้วย หมู่บ้านแห่งนี้มีอายุเก่าแก่กว่า 250 ปี ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมบ้านหลังคาทรงพนมมือที่เรียกว่ากัสโชซูคุริ (Gassho-zukuri farmhouses)
ให้เที่ยวชมโครงสร้างบ้านออกแบบมาเพื่อทนทานต่อหิมะที่รุนแรงในฤดูหนาว บ้านบางส่วนจากรอบๆ หมู่บ้านแห่งนี้ได้ถูกย้ายให้ไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามแม่น้ำจากใจกลางเมืองนั่นเอง
ต่อไปยังเมืองเซกิ (Seki) จังหวัดกิฟุ ได้รับสมญานามว่า “เมืองแห่งมีดดาบ” เป็นศูนย์กลางผลิตมีดและใบมีดคุณภาพชั้นเยี่ยมที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ชมโชว์ซามูไรฟันดาบ การสาธิตวิธีตีมีดดาบ และร่วมทำกิจกรรมกรรไกรจิ๋ว ณ ร้านมีดซันชู (รวมค่าใช้จ่าย) จนได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ นาโกย่า
ค่ำ : อิสระรับประทานอาหารค่ำ ณ ย่านซากาเอะ(Sakae) เป็นอีกหนึ่งย่านดังในนาโกย่า เป็นศูนย์รวมทั้งห้างสรรพสินค้า คาเฟ่และร้านอาหาร เรียกได้ว่าเป็นแหล่งชุมชนอันดับ 1 ของนาโกย่า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เช้า : ออกเดินทางสู่เกียวโตเมืองมรดกโลก (Kyoto) เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นที่มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่ ปีค.ศ. 794 ภายในเมืองเต็มไปด้วยวัฒนธรรมดั้งเดิม
จากนั้นนำท่านสู่ ศาลเจ้าฮิราโนะชินจา (Hirano Jinja Shrine) (รวมค่าเข้าชม) ศาลเจ้าเก่าแก่ของเกียวโตที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการชมซากุระ ซึ่งมีซากุระ 60 สายพันธุ์ จำนวน 400 ต้น จะบานตั้งแต่เดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนเมษายนตามสายพันธุ์ของซากุระ ว่ากันว่าเมื่อต้นซากุระซากิกาเคะ ซึ่งมีต้นกำเนิดที่ศาลเจ้าแห่งนี้บานเมื่อไหร่ คือการเริ่มต้นของเทศกาลชมซากุระของเกียวโตในปีนั้น นอกจากนั้นยังมีเสาโทริอิที่ตั้งตระหง่านหน้าทางเข้าประตูศาลเจ้า ถูกแต่งแต้มด้วยดอกซากุระเรียงรายสองฝั่งทางเดินเป็นจุดถ่ายรูปที่นิยมของนักท่องเที่ยว (การชมซากุระขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี)
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน เมนู บุฟเฟ่ต์ญี่ปุ่น ณ ภัตตาคาร
บ่าย : ต่อไปยัง วัดคิโยะมิซุ (KIYOMIZU-DERA) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ วัดน้ำใส เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมโบราณที่งดงามชวนตะลึงจนยูเนสโกได้บันทึกให้วัดแห่งนี้ขึ้นเป็นมรดกโลก มีอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี ซึ่งที่มาของชื่อวัดน้ำใสก็มาจากการที่วัดแห่งนี้นั้นได้ถูกสร้างขึ้นปี ค.ศ. 780 ได้มีน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากน้ำตกโอโตวะ ไหลผ่านตัววัดนั่นเอง จุดที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่ก็คงไม่พ้น อาคารไม้ขนาดใหญ่ที่แค่การสร้างก็น่าทึ่งแล้ว เพราะการสร้างทั้งหมดนี้ไม่มีการใช้ตะปูใดๆทั้งสิ้น ถือว่าเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณที่สุดยอด เสาของอาคารมีความสูงถึง 13 เมตรจากพื้นดิน และโถงอาคารถูกสร้างให้ยื่นออกไปภายนอกทำให้บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นเมืองเกียวโตในฤดูต่างๆ และเป็นจุดชมซากุระและชมใบไม้แดงที่ขึ้นชื่อของเกียวโตอีกด้วย
ต่อไปยัง ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine) ที่คนไทยทั้งหลายชอบเรียกกันว่าศาลเจ้าแดง หรือ ศาลเจ้าจิ้งจอก เป็นศาลเจ้าชินโต มีชื่อเสียงโด่งดังจากประตูโทริอิ หรือ เสาประตูสีแดง ที่เรียงตัวกัน ข้างหลังศาลเจ้าจำนวนหลายหมื่นต้น จนเป็นทางเดินได้ทั่วทั้งภูเขาอินาริ กว่า 4 กิโลเมตร ที่ผู้คนเชื่อกันว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธ์ โดยเทพอินาริจะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวข้าว รวมไปถึงพืชผลไร่นาต่างๆ และมักจะมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่จะเห็นรูปปั้นจิ้งจอกอยู่จำนวนมากภายในศาลเจ้า
เดินทางต่อไปยัง ป่าไผ่อาราชิยาม่า (Arashiyama Bamboo Groves) ตั้งอยู่ด้านหลังของวัดเทนริวจิ ทางทิศตะวันตกห่างจากตัวเมืองเกียวโตออกไปประมาณ 15 กิโลเมตร ป่าไผ่เกียวโตแห่งนี้เป็นป่าไผ่ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ทั้งสวยและโด่งดังที่สุดในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย โดยตลอดสองข้างทางนั้นจะมีต้นไผ่สีเขียวขจีสูงเสียดฟ้า ยาวกว่า 10 เมตร เรียงรายอยู่เป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร ให้ความรู้สึกร่มรื่น สงบ เย็นสบาย และแสงที่ลอดผ่านต้นไม้ไผ่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ตรงกึ่งกลางของเส้นทางป่าไผ่จะมีศาลเจ้าโนโนะมิยะ (Nonomiya Jinja) ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่มีความโด่งดังในเรื่องของการขอคู่ครอง ชาวญี่ปุ่นนิยมมาไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล เราสามารถเยี่ยมชมป่าไผ่แห่งนี้ได้หลากหลายวิธี เช่น การเดิน การปั่นจักรยาน หรือใช้บริการรถลากโบราณ จนได้เวลาอันควร นำท่านเดินทางไปยัง โอซาก้า (Osaka) เป็นจังหวัดที่อยู่บริเวณตอนกลางของเกาะฮอนชู ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นมหานครที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากกรุงโตเกียว (Tokyo) อิสระรับประทานอาหารค่ำตามอัธยาศัย
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เช้า : นำท่าน ชมซากุระ ณ วัดคัทซึโอจิ (Katsuoji Temple) (รวมค่าเข้าชม) หรือวัดดารูมะ หรือ คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า วัดแห่งชัยชนะ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในฐานะที่เป็นวัดซึ่งช่วยนำพาโชคลาภ ช่วยให้ประสบความสำเร็จในเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องการงาน ธุรกิจ การสอบแข่งขัน หรือความรัก มีสวนสไตล์ญี่ปุ่นสวยๆขนาดใหญ่ให้เดินชม ว่ากันว่าการนมัสการด้วยการถวายตุ๊กตา Daruma (มาจากภาษาสันสกฤตที่ว่า “ธรรมะ”) ที่วัด Katsuoji แห่งนี้จะทำให้ผู้นั้นประสบความสำเร็จ และเอาชนะความอ่อนแอของตนเองได้ (การชมซากุระขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี)
นำท่านช้อปปิ้ง จุใจ ณ รินคุ พรีเมี่ยม เอ้าท์เลต (RINKU PREMIUM OUTLET) เป็นพรีเมี่ยม เอาท์เล็ท ขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของสนามบินคันไซ ได้ถูกออกแบบมาโดยได้แรงบัลดาลใจมาจากบรรยากาศท่าเรือตอนใต้ของอเมริกา จำลองเป็นเสมือนเมืองท่าแห่งการช้อปปิ้งที่ยิ่งใหญ่ ภายใต้การแตกแต่งที่ดูหรูหรามีสไตล์และรวบรวมแบรนด์ดังร้านค้าเด็ดไว้มากถึง 210 ร้าน ที่แต่ละร้านงัดเอาโปรโมชั่นดีๆ มีให้เลือกเยอะแถมถูกชนิดที่แทบจะอยากซื้อกลับไทยชนิดที่ใช้ไม่ซ้ำวันกันเลย แบรนด์ที่ขายที่นี่นั้นมีตั้งแต่แบรนด์หรูๆชื่อดังไปจนสตรีทแบรนด์ทั่วไป ครบครันทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน อาทิ DOLCE & GABBANA, ARMANI, KATE SPADE NEW YORK, COACH, UNITED ARROWS, NIKE, ADIDAS และ ROYAL COPENHAGEN และยังมีมุมให้นั่งพักผ่อนอย่างศูนย์อาหารที่คัดร้านดีร้านเด็ดๆแบบไม่แพ้ห้างสรรพสินค้าดังๆมาให้นั่งทานกับแบบเพลินๆ อีกด้วย
อิสระรับประทานอาหารกลางวันตามอัธยาศัยเพื่อให้ท่านได้ช้อปปิ้งอย่างเต็มที่
ต่อไปยัง ช้อปปิ้ง ณ ชินไซบาชิ (Shinsaibashi) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าย่าน “มินามิ (Minami)” นับเป็นสรวงสวรรค์แห่งการช้อปปิ้งอย่างแท้จริง เพราะมีร้านรวงมากมายตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าไปจนถึงย่านร้านค้าไว้คอยสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้หลากหลายกลุ่ม ในย่านร้านค้าชินไซบาชิที่ทอดตัวจากทิศเหนือจรดใต้เป็นระยะทางยาว 580 เมตร มีร้านขายเสื้อผ้าและร้านอาหารเรียงรายกันอยู่เกือบ 200 ร้านค้า ทางทิศตะวันตกของชินไซบาชิคือย่านแห่งแฟชั่นวัยรุ่น “Americamura” ส่วนทางทิศใต้ก็มีย่านนัมบะ ซึ่งย่านโดทงโบริ (Dotonbori) มีป้ายโฆษณาดัง ๆ อย่าง “กูลิโกะ (Glico)” และป้ายรูปปู “คานิโดระคุ (Kanidoraku)” ก็อยู่ติดๆ กันนั่นเอง จึงเป็นสถานที่ๆ เหมาะมากเช่นกันสำหรับการถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ เมนูชาบู ชาบู พิเศษ ลิ้มรสเนื้อหมูดำและเนื้อวัวนุ่ม Angus ณ ภัตตาคาร
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เช้า : นำท่านไปยัง ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) (ด้านนอก) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองโอซาก้า หอคอยปราสาทจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 8 ชั้น ตัวปราสาทถูกล้อมรอบด้วยกำแพงหินคอนกรีต, คูน้ำ และสวนนิชิโนมารุ ซึ่งอยู่ทางป้อมตะวักตก ความงดงามของปราสาท ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโอซาก้า ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างให้ความสนใจที่จะมาเยือนและชมตลอดทั้งปี (การชมซากุระขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในแต่ละปี) จนได้เวลาอันควร นำท่านเดินทางสู่ สนามบินคันไซ
บริการ Onigiri Burger (ข้าวปั้น) รองท้องก่อนขึ้นเครื่อง
15.15 น. : เหินฟ้าสู่ สุวรรณภูมิ โดยสายการบินฟิลิปปินส์ แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ PR 411 / 740 (แวะเปลี่ยนเครื่อง ฯ ที่กรุงมนิลา 2.40 ชม.) : บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องฯ
24.00 น. : ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ…พร้อมความประทับใจ
** หมายเหตุ : กรุณาอ่านศึกษารายละเอียดทั้งหมดก่อนทำการจอง เพื่อความถูกต้องและความเข้าใจตรงกันระหว่างท่านลูกค้าและ บริษัทฯ และเมื่อท่านตกลงชำระเงินมัดจำหรือค่าทัวร์ทั้งหมดกับทางบริษัทฯ แล้ว ทางบริษัทฯ จะถือว่าท่านได้ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ทั้งหมด