21.30 น. พร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ประเทศ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ สายการบิน ROYAL JORDANIAN เที่ยวบินที่ RJ 183
พบกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก
00.25 น. ออกเดินทาง สู่ เมืองอัมมาน (AMM) โดยสายการบิน ROYAL JORDANIAN เที่ยวบินที่ RJ 183
05.10 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติ (AMM อัมมาน ควีน อาเลีย QUEEN ALIA) ณ กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน ใช้เวลาในการเดินทาง 8 ชั่วโมง 55 นาที
จะมีเจ้าหน้าที่ด้าน VISA มาคอยอำนวยความสะดวกแก่คณะทัวร์ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง) เมืองหลวงของประเทศจอร์แดน หรือ ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดนศูนย์กลางแห่งตะวันออกกลางที่มีการผสมผสานความเก่าแก่เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากรแล้ว รับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ออกจากประตูไป ทางด้านซ้ายมือ ท่านสามารถแลกเงิน,ซื้อSIM INTERNET ได้เลย ราคา ณ วันที่ 6 JUN 18 ล่าสุด // ราคาขึ้นอยู่กับ GB -INTERNET BUNDLE 6GB = 17 USD , 12GB = 19 USD , 18GB = 22 USD
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองมาดาบา (ประมาณ 50 กิโลเมตร) อดีตเส้นทางสำคัญสมัยโรมัน ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งเยรูซาเล็ม และเมืองแห่งเรื่องราวของโมเสสที่สำคัญทางหน้าประวัติศาสตร์ของศาสนายูดา, คริสต์ และอิสลาม ยังเป็นศูนย์กลางที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำโมเสก เป็นศิลปะการตกแต่งด้วยชิ้นแก้ว, หิน, หรือกระเบื้องชิ้นเล็กๆ ซึ่งใช้ในการตกแต่งมหาวิหาร หรือในปัจจุบันใช้ประยุกต์ในการตกแต่งบ้านเรือนหรือ เมืองแห่งโมเสก ชม โบสถ์กรีก-ออโธดอกซ์แห่งเซนต์จอร์จ ถูกสร้างในราวปี ค.ศ. 600 ยุคของไบแซนไทน์ ชมภาพแผนที่ดินแดนศักดิสิทธิ์แห่งเยรูซาเลม ตกแต่งโดยโมเสกสีต่างๆ ประมาณ 2.3 ล้านชิ้นแสดงถึงพื้นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในแถบรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, เยรูซาเลม, แม่น้ำจอร์แดน, ทะเลเดดซี, เขาไซนาย, อียิปต์ ฯลฯ
นำท่านเดินทางสู่ ยอดเขาเมาท์เนโบ MOUNT NEBO มีความสูง 817 เมตร จากระดับน้ำทะเล เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ฝังศพของโมเสส ผู้นำชาวยิวส์ที่เดินทางจากอิยิปต์มายังเยรูซาเลม และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของจอร์แดน ที่แห่งนี้เป็นสถานที่สุดท้ายของโมเสส ก่อนจะชี้ทางให้ผู้สืบทอดนำพาผู้คนไปยังดินแดนพันธสัญญา ในประเทศอิสราเอลปัจจุบัน เมื่อยืนอยู่บนยอดเขาจะมองไปเห็นดินแดนแห่งพันธะสัญญา THE PROMISED LAND ที่โมเสสเคยเห็นบนยอดเขานี้ และเป็นที่จาริกแสวงบุญของชาวคริสต์มาแต่โบราณ และโบสถ์บนยอดเขาได้ถูกสร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่สี่เพื่อเป็นการบ่งชี้จุดที่คาดว่าโมเสสเสียชีวิต MOUNT NEBOยังเคยเป็นสถานที่มาเยือนของสันตะปาปา ของศาสนาคริสต์ โดยสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 ได้มาแวะพำนักที่นี่ ระหว่างการเดินทางไปเยือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้ปลูกต้นมะกอก สัญญลักษณ์ของสันติภาพไว้ข้างๆโบสถ์ไบแซนไทน์ด้วย
ชมพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม ภายในเก็บสิ่งของต่าง ๆ ที่ขุดพบภายในบริเวณนี้ พร้อมทั้งมีภาพถ่ายต่าง ๆ ภาพถ่ายที่
สำคัญคือภาพที่โป๊บ จอห์น ปอลที่ 2 เสด็จมาแสวงบุญที่นี่และได้ประกาศให้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ในปี ค.ศ. 2000
ชมอนุสรณ์ไม้เท้าศักดิ์สิทธ์แห่งโมเสส ออกแบบเป็นลักษณะเป็นไม้เท้าในรูปแบบไม้กางเขน โดยอุทิศเป็น
สัญลักษณ์ของโมเสส และพระเยซู เชิญถ่ายรูป ณ จุดชมวิว โดยในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ท่านสามารถมองเห็น แม่น้ำ
จอร์แดน, ทะเลเดดซี, เมืองเจอริโก และประเทศอิสราเอล ได้จากจุดนี้อย่างชัดเจน
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร
จากนั้นนำท่าน สู่เมืองเครัค ซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบสูงขนาดใหญ่ ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามข้างทางระหว่างทางขึ้นสู่เขาโดยเฉพาะบริเวณที่ถูกเรียกขานกันว่าเป็น “แกรนด์แคนยอนแห่งจอร์แดน” “AL KARAK CASTLE’’ ปราสาทเครัค ตั้งอยู่ที่เมืองเครัค ทางตอนกลางของประเทศจอร์แดน นับเป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในช่วงยุคสงครามครูเสด จากประวัติศาสตร์สงครามครูเสดเป็นสงครามระหว่างคริสเตียนจากยุโรปและชาวมุสลิมซึ่งยึดครองพื้นที่แถบนี้รวมทั้งนครเยรูซาเล็ม นครศักดิ์สิทธิ์และสัญลักษณ์ของศาสนาอับราฮัมหลักทั้งสาม (ศาสนายูดาย ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม) โดยชาวคริสต์ต้องการฟื้นฟูการเข้าถึงที่ศักดิ์สิทธิ์ในและใกล้เยรูซาเล็มปราสาทเครัคแห่งนี้สร้างในศตวรรษที่ 12 ปี ค.ศ. 1115 โดย King Baldwin ที่ 1 แห่งเยรูซาเลม เพื่อเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการควบคุมกองคาราวานในเส้นทางการค้าขายที่เชื่อกับประเทศอียิปต์ไปยังกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย โดยตัวปราสาทสร้างด้วยหิน กำแพงทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาโค้งยาว แล้วก็เจาะร่องแสงเล็กๆ ลักษณะแบบนี้ทำให้ง่ายต่อการป้องกันศัตรูปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ยังคงเหลือโครงสร้างที่สมบูรณ์ การแวะเยี่ยมชมที่นี่ ทำให้เราได้เห็นมุมมองของการทำสงครามสมัยประวัติศาสตร์ (ครูเสด)
หลังจากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่อควาบา (ใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชั่วโมง 30 นาที )
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
ã นำท่านเข้าพักโรงแรม ระดับ 4 ดาว CITY TOWER HOTEL@AQABA หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองอาคาบา ซึ่งเป็นเมืองท่า และเมืองท่องเที่ยวตากอากาศที่สำคัญของประเทศจอร์แดน เป็นเมืองแห่งเดียวของประเทศจอร์แดนที่ถูกประกาศให้เป็นเมืองปลอดภาษี มีประชากรอาศัยราว 70,000 คน ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับฉนวนกาซาฝั่งตรงข้าม คืออิสราเอล โดยมีทะเลแดงคั่น เป็นเมืองค่อนข้างทันสมัยแต่ก็มีวัฒนธรรมของจอร์แดนมากพอสมควร และมีสิ่งที่น่าสนใจ คือ เสาธงสูงที่สุดในโลกซึ่งได้รับการบันทึกไว้ใน Guinness Book of World Records ด้วย นำท่านลงเรือท้องกระจก (GLASS BOAT) เล่นน้ำตามอัธยาศัย (ใช้เวลาประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง “กรุณาเตรียมชุดสำหรับลงเล่นน้ำ หรือดำน้ำดูปะการัง มาด้วย”
น้ำทะเลที่นี่ใสมาก แต่ด้วยความลึกและการมองผ่านกระจกหนาจึงทำให้ดูปะการังและซากเรือไม่ค่อยชัดมาก
นำท่านแล่นสู่จุดที่ชมปะการัง ลึกแค่ประมาณ 5 – 6 เมตร ส่วนจุดเรือจมลึกประมาณ 27 เมตร ปะการังโดยส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีสีสรร สัตว์ทะเล เช่น ปลาสิงโต ปลานกแก้ว Goby fish ปลิงทะเล หอยเม่น และยังเป็นแหล่งดำน้ำลึกที่มีชื่อเสียงอีกด้วย ทะเลที่นี้มีน่านน้ำครอบคลุมถึง 4 ประเทศ คือ ประเทศจอร์แดน, อิสราเอล, อิยิปต์และ ซาอุดิอาระเบีย ชมความใสของน้ำทะเล,ชมปะการัง, ปลาทะเลหลากหลายชนิด, เม่นทะเล, แมงกะพรุน ฯลฯ
(ทะเลแดงเป็นทะเลแห่งประวัติสาสตร์ ที่ได้มีการกล่าวขานในพระคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ว่าทะเลแห่งนี้เป็นสถานที่โมเสสได้ทำอัศจรรย์ โดยการชูไม้เท้าแหวกทะเลแดงเป็นทางเดินพาชาวอิสราเอลหนีให้รอดพ้นจากการตามล่าของทหารอิยิปต์ เพื่อจับไปเป็นทาสของอียิปต์ และจุดมุ่งหมายเพื่อเดินทางไปสู่แผ่นดินแห่งพันธะสัญญาที่พระเป็นเจ้าทรงมอบให้กับชาวอิสราเอล นั่นคือก็คือกรุงเยรูซาเลมในปัจจุบัน)
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน BBQ บนเรือ
อาหารเที่ยงแบบบุฟเฟ่ต์บนเรือ มีทั้งปลา ไก่ และแกะบาร์บีคิว ทานกับผักสลัดและแป้งโรตี
จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ ทะเลทรายวาดิรัม (WADI RUM) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที
ทะเลทรายแห่งนี้ในอดีตเป็นเส้นทางคาราวานจากประเทศซาอุฯ เดินทางไปยังประเทศซีเรียและปาเสลไตน์
(เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวนาบาเทียนก่อนที่จะย้ายถิ่นฐานไปสร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่เมืองเพตร้า) ในศึกสงครามอาหรับรีโวลท์ระหว่างปีค.ศ. 1916–1918 ทะเลทรายแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นฐานบัญชาการในการรบของนายทหารชาวอังกฤษ ทีอี ลอว์เรนซ์และเจ้าชายไฟซาล ผู้นำแห่งชาวอาหรับร่วมรบกันขับไล่พวกออตโตมันที่เข้ามารุกรานเพื่อครอบครองดินแดนและต่อมายังได้ถูกใช้เป็นสถานที่จริงในการถ่ายทำภาพยนต์ฮอลลีวูดอันยิ่งใหญ่ในอดีตเรื่อง “LAWRENCE OF ARABIA” (และในปี ค.ศ.1963 สามารถกวาดรางวัลออสการ์ได้ถึง 7 รางวัล และรางวัลจากสถาบันอื่นๆ มากกว่า 30 รางวัล นำแสดงโดย PETER O’TOOLE, OMAR SHARIF
นำท่าน นั่งรถกระบะเปิดหลังคารับบรรยากาศทะเลทราย ที่ถูกกล่าวขานว่าสวยงามที่สุดของโลกแห่งหนี่ง ด้วยเม็ดทรายละเอียดสีส้มอมแดงอันเงียบสงบที่กว้างใหญ่ไพศาล (สีของเม็ดทราบนั้นปรับเปลี่ยนไปตามแสงของดวงอาทิตย์) ชมน้ำพุแห่งลอว์เรนซ์ สถานที่ในอดีตนายทหาร ทีอี ลอว์เรนซ์ ทหารชาวอังกฤษใช้เป็นสถานที่พักและคิดแผนการสู้รบกันพวกออตโตมัน
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ กลางทะเลทราย CAMP WADI RUM จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังเมืองเพตร้า
นำท่านเข้าพักโรงแรม PETRA PANORAMA HOTELระดับ 4 @PETRA หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านสู่เมืองเพตร้า (ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกปี ค.ศ. 1985 และ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของแห่งโลกใหม่ จากการตัดสินโดยการโหวตจากบุคคลนับล้านทั่วโลกในวันมหัศจรรย์ 07/ 07/ 07) มหานครสีดอกกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาแห่งโมเสส (WADI MUSA)
มีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายพันปีเคยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยทั้งชาวอีโดไมท์จวบจนกระทั่งถึงยุครุ่งเรืองเฟื่องฟูในการเข้ามาครอบครองดินแดนของชาวอาหรับเผ่าเร่ร่อนนาบาเทียนในช่วงระหว่าง 100 ปี ก่อนคริสตกาล – ปี ค.ศ 100และได้เข้ามาสร้างอาณาจักร, บ้านเมือง ฯลฯ จนกระทั่งในปีค.ศ. 106 นครแห่งนี้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรโรมันที่นำโดย กษัตริย์ทราจัน และได้ผนึกเมืองแห่งนี้ให้เป็นหนึ่งในอาณาจักรโรมันแห่งแหลมอาระเบียตะวันออก
(ทุกท่านสามารถขี่ม้าภายในเส้นทางที่ม้าเดินในเพตราได้ ซึ่งรวมอยู่ในค่าบัตรแล้ว เพียงแต่ต้องจ่ายค่าทิปแก่คนจูงม้า ท่านละ 5 USD ต่อท่าน /ต่อเที่ยว หรือแล้วแต่การต่อรองราคา กับคนจูงม้า
กรณีอยากขี่ลา, ขี่อูฐ, รถม้าลาก ฯลฯ สอบถามโดยตรงต่อเจ้าหน้าที่หรือสอบถามที่หัวหน้าทัวร์)
ระยะทางที่เดินเข้าไปในเพตรา ประมาณ 800 เมตร บนถนนทรายเพื่อตรงเข้าสู่หน้าเมืองพร้อมชมทัศนียภาพรอบข้างที่เป็นภูเขาทั้งสองฝั่ง ธารน้ำ คลังสมบัติ ภูเขาทั้งสองฝั่งที่มีรูปร่างหน้าตาต่างกันออกไป
นำท่านเดินเท้าเข้าสู่ถนนเข้าเมือง THE SIQ เป็นช่องทางเดินที่ขนาบสองฝั่งด้วยหน้าผา กว่า 1.5 กิโลเมตรที่เกิดจากการแยกตัวของเปลือกโลกและการซัดเซาะของน้ำเมื่อหลายล้านปีก่อน ส่วนใหญ่ทางเดินร่มๆ สบายๆ (ทางเดินค่อนข้างลาดลง ไม่เหนื่อย ระหว่างทางก็มีมุมสวยๆ ให้เก็บภาพเรื่อยๆ และมีบรรดาคนมาขายของที่ระลึก เดินชมความสวยงามของผาหินสีชมพูสูงชันทั้ง 2 ข้างคล้ายกับแคนยอนน้อย ๆ และ สิ่งก่อสร้าง รูปปั้นแกะสลัก ต่างๆ
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร
จากนั้นนำทุกท่านเดินทางกลับ สู่อัมมาน AMMAN ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ร้านอาหาร
นำท่านเข้าพักโรงแรมระดับ 4 ดาว AL THURAYA HOTEL @AMMAN หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางไปยังเมืองอัจลุน (AJLOUN CASTLE) ใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง 40 นาที
อยู่ทางด้านเหนือของเมืองเจอราชไปเล็กน้อยเมืองที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงที่ห้อมล้อมไปด้วยป่าต้นสนและต้นมะกอก
ชมปราสาทแห่งเมืองอัจลุนถูกสร้างโดยพวกนักรบมุสลิม ในปี ค.ศ. 1184 -1185 ใช้เป็นป้อมทหารในการต่อสู้รบกับพวกนักรบครูเสด และในปี ค.ศ. 1260 ถูกเข้าทำลายโดยกองทัพมองโกลส์
นำท่านเดินทางขึ้นสู่ทางเหนือของประเทศจอร์แดน เพื่อ ชมนครเจอราช (JERASH) หรือ“เมืองพันเสา”เป็นอดีต 1 ใน 10 หัวเมืองเอกตะวันออกอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน สันนิษฐานว่าเมืองนี้น่าจะถูกสร้างในราว 200 – 100 ปีก่อนคริสตกาล เดิมทีในอดีตเมืองแห่งนี้ชื่อว่า ในปี ค.ศ. 749 นครแห่งนี้ได้ถูกแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำลาย และถูกฝังกลบโดยทรายหลังจากนั้นก็ได้สูญหายไปเป็นนับพันปี ชมซุ้มประตูกษัตรย์เฮเดรียนและสนามแข่งม้าฮิปโปโดรม
นำท่านเดินเข้าประตูทางทิศใต้ ชมโอวัลพลาซ่า สถานที่ชุมนุม พบปะ สังสรรค์ของชาวเมือง, วิหารเทพซีอุสฯลฯโรงละครทางทิศใต้(สร้างในราวปี ค.ศ. 90-92) จุผู้ชมได้ถึง 3,000 คน มีจุดเสียงสะท้อนตรงกลางโรงละคร
เชิญทดสอบกับความอัศจรรย์เพียงพูดเบา ๆก็จะมีเสียงสะท้อนก้องเข้ามาในหูของเรา
ชมวิหารเทพีอาร์เทมิส เป็นเทพีประจำเมืองเจอราช สร้างในราวปี ค.ศ. 150 สร้างขึ้นพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับทำพิธีบวงสรวง และบูชายัญต่อเทพีองค์นี้ แบ่งเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นนอก ชั้นกลาง ชั้นใน
นำท่านเดินเข้าสู่ ถนนคาร์โด หรือ ถนนโคลอนเนด ถนนสายหลักที่ใช้เข้า-ออกเมืองแห่งนี้บนถนนนั้นยังมีริ้วรอยทางของล้อรถม้า,ฝาท่อระบายน้ำ,ซุ้มโคมไฟ,บ่อน้ำดื่มของม้า ชมน้ำพุใจกลางเมือง (NYMPHAEUM) สร้างในราวปี ค.ศ. 191 เพื่ออุทิศแด่เทพธิดาแห่งขุนเขา ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวเมืองแห่งนี้ มีที่พ่นน้ำเป็นรูปหัวสิงโตทั้งเจ็ด และตกแต่งด้วยเทพต่างๆ ประจำซุ้มด้านบนของน้ำพุฯลฯ
ได้เวลาอันสมควรนำทุกท่านเดินทางสู่ทะเลเดดซี ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม (บุฟเฟ่ต์ INTERNATIONAL)จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ ทะเลเดดซี (DEAD SEA) ทะเลสาบเดดซีตั้งอยู่พรมแดนระหว่างอิสราเอลและจอร์แดน เกิดจากน้ำที่ไหลมาจากลำธารในจอร์แดน มีส่วนผสมของโซเดียมและแมกนีเซียม ทำปฏิกิริยากับน้ำพุร้อนที่อยู่ด้านล่างทะเลสาบ โดยมีความเค็ม มากกว่าทะเลอื่นถึง 4 เท่า มีความยาว 76 กิโลเมตร กว้างถึง 18 กิโลเมตร มีจุดลึกที่สุดคือ 400 เมตร และอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 417.5 เมตร นับเป็นพื้นที่ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลก น้ำในทะเลเดดซีมีความหนาแน่นมาก มีเกลือละลายในน้ำถึง 25% จึงทำให้วัตถุลอยเหนือน้ำ แม้แต่คนว่ายน้ำไม่เป็นก็ลอยตัวได้ในเดดซีและถูกบันทึกลงในหนังสือ กินเนสส์ ว่า เป็นจุดที่ต่ำที่สุดในโลก เชิญท่าน อิสระในการลงเล่นน้ำทะเลและพิสูจน์ ความจริงว่าท่านลอยตัวได้จริงหรือไม่
(การลงเล่นน้ำในทะเลนั้นมีวิธีขั้นตอนการลงเล่น และข้อควรระวังต่างๆ ควรฟังคำแนะนำจากมัคคุเทศก์ท้องถิ่นและหัวหน้าทัวร์)
นำท่านเดินทางเข้า สู่กรุงอัมมาน ระหว่างทางแวะซื้อผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเดดซี เช่น โคลนพอกตัว พอกหน้า สบู่ และสินค้าอื่นที่ทำจากเดดซีอีกมากมาย จากนั้นเดินทางต่อสู่กรุงอัมมาน
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าพักโรงแรมระดับ 4 ดาว AL THURAYA HOTEL @AMMAN หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่าน ชมรอบเมืองหลวงกรุงอัมมาน เมืองหลวงที่ตั้งอยู่บนภูเขา7ลูกและมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 6,000 ปีผ่านชมย่านเมืองเก่า,เมืองใหม่,ย่านธุรกิจ,ตลาดใจกลางเมือง,ย่านคนรวย ฯลฯ
ชมป้อมปราการแห่งกรุงอัมมาน (CITDAEL) ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดสังเกตเหตุบ้าน การเมืองต่างๆรอบเมืองเชิญอิสระถ่ายรูปตรงจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมืองแห่งนี้ โดยมีฉากหลังเป็น โรละครโรมัน ROMANSTHEATER ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจอร์แดนจุผู้ชมได้ถึง 6,000 คน และตึกรามบ้านช่องที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงอันแปลกตายิ่งนักที่สันนิษฐานว่าน่าจะถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 161-180 ในสมัยโรมัน พระราชวังเก่าอุมเมยาด สร้างขึ้นในประมาณปี ค.ศ. 720 โดยผู้นำชาวมุสลิม ของราชวงศ์ ในสมัยมุสลิมได้เข้ามาปกครองประเทศจอร์แดนซึ่งภายในประกอบห้องทำงาน, ห้องรับแขกฯลฯ
ผ่านชมพระราชวังของพระมหากษัตริย์ อับดุลลาห์ที่สอง (RAGHADAN PALACE) ที่ตั้งอยู่บนภูเขามีทำเลที่สวยงามมากที่สุดในกรุงอัมมาน และมีทหารคอยเฝ้าดูแลตรวจตราอย่างเข้มงวด
เที่ยง äบริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร
นำท่านเดินทางชม DESERT CASERT กลุ่มปราสาทในทะเลทราย 1 ใน 2 มรดกโลกของประเทศจอร์แดนสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการพักของกองคาราวาน, ชมป้อมปราการกลางทะเลทราย ซึ่งเป็นตัวอย่างของศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบอิสลามยุคต้น ๆ ที่สวยงาม มีการใช้ศิลปะโมเสก เฟรสโก การแกะสลักบนหินและพื้นปูน รวมทั้งภาพวาด ป้อมเหล่านี้ถูกใช้เป็นจุดพักของกองคาราวาน เพื่อการเกษตรและ เป็นศูนย์กลางการค้า ใช้กางเต็นท์เพื่อพักอาศัยและยังเป็นปราการให้กับผู้ปกครองจากมณฑลที่ห่างไกล ใช้ควบคุมดูแลเผ่าเบดูอิน และยังเป็นสถานบันเทิง และป้องกันศึกสงครามครูเสด
หลังจากนั้นอิสระ ช้อปปิ้ง ห้าง CITY MALL- CARREFOUR เป็น 2 ห้างใหญ่ติดกัน มีของแบรนด์เนม
ให้เลือกสรร
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ร้านอาหารจีน จากนั้นสมควรแก่เวลา พาคณะเดินทางไปยังสนามบินสู่สนามบินนานาชาติ (AMM อัมมาน ควีน อาเลีย QUEEN ALIA)
02.15 น. ออกเดินทางกลับสู่ ประเทศไทย ด้วยสายการบิน ROYAL JORDANNIAN เที่ยวบินที่ RJ182
15.15 น. เดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความสวัสดิภาพและความประทับใจ มิรู้ลืมเลือน
üค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับโดยสายการแห่งชาติ โรยัลจอร์แดนเนี่ยล ชั้นประหยัด
üค่ารถปรับอากาศนำเที่ยวตามรายการ พร้อมคนขับรถที่ชำนาญเส้นทาง
เงื่อนไขในการจองทัวร์
-งวดที่ 1 : สำรองที่นั่งจ่าย 15,000 บาท /ท่าน (หลังการจองภายใน 3 วัน) พร้อมส่งสำเนาหนังสือเดินทาง
-งวดที่ 2 :ชำระยอดส่วนที่เหลือ ก่อนการเดินทางไม่น้อยกว่า 20 วัน
-หากไม่ชําระค่าใช้จ่ายภายในกําหนด ทางบริษัทจะถือว่าท่านยกเลิกการเดินทางโดยอัตโนมัติ
-** การ LOCK ที่นั่งบนเครื่องบิน อาจไม่ได้ตามที่ขอ ขึ้นอยู่กับสายการบิน นั้นๆ ปกติ จะล็อกเป็น Zone กรุ๊ฟเราอยู่แล้วค่ะ แต่ทางเรา จะขอพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ตอนออกตั๋วให้อีกที
-ในกรณีที่คณะออกเดินทางต่ำกว่า 15 ท่าน ทางผู้จัดรายการ //ขอพิจารณายกเลิกการเดินทาง หรือเรียกเก็บค่าทัวร์เพิ่มเติมตามความเหมาะสมในทริปเดินทางและจำนวนผู้เดินทางตอนนั้นๆ หากกรณีผู้ร่วมเดินทางในคณะ ไม่ยินดีจ่ายเพิ่ม คณะทัวร์นั้น จำเป็นต้องยกเลิกเดินทาง
กรณียกเลิก
-ยกเลิกหลังจากวางเงินมัดจำ บริษัทฯจะคิดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ณ วันนั้น ที่ไม่สามารถ คืนเงินได้
(ตัวอย่างเช่น ค่าตั๋วเครื่องบิน, ค่าวีซ่า, ค่ามัดจำห้องพัก เป็นต้น)
-ยกเลิกหลังจากจ่ายเงินเต็มจำนวน บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินทั้งหมดในทุกกรณี
กรณีเจ็บป่วย จนไม่สามารถเดินทางได้ ซึ่งต้องมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลรับรอง บริษัทจะทำเรื่องยื่นเอกสารไปยังสายการบิน โรงแรม และในทุกๆการให้บริการ เพื่อให้พิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้ อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ ซึ่งไม่สามารถแจ้งได้ว่าสามารถคืนเงินได้ทั้งหมดหรือบางส่วน หรือไม่ได้เลย เพราะขึ้นอยู่กับการพิจารณาและตัดสินใจของสายการบิน โรงแรมและในทุกๆบริการอื่นๆเป็นสำคัญ
Error: Contact form not found.
Error: Contact form not found.