21.30 น. คณะพร้อมกัน ณ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศชั้น 4 สนามบินสุวรรณภูมิเคาน์เตอร์รอยัล จอร์แดน (RJ) พบเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก
00.20 น. ออกเดินทางสู่ กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน โดยสายการบิน รอยัล จอร์แดน เที่ยวบิน RJ183 ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 08.45 ชั่วโมง บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง
05.50 น. เดินทางถึง สนามบินควีนอาเลีย ประเทศจอร์แดน หลังผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
เช้า รับประทานอาหารกลางวัน ณ โรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ มาดาบา (Madaba) เป็นเมืองในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เยรูซาเล็ม อีกทั้งยังเป็นเมืองสำคัญที่อยู่ในเส้นทางโบราณ และมีชื่อเสียงด้านการทำกระเบื้องโมเสก จึงได้รับการขนานนามว่า “เมืองแห่งโมเสก”
นำท่านชม โบสถ์กรีกออโธด็อกซ์แห่งเซ็นต์จอร์จ (Greek Orthodox Church of St. George) โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรไบเซนไทน์ ในสมัยศตวรรษที่ 6
นำท่านชมแผนที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในอดีตบนพื้นโบสถ์ ซึ่งถูกปูด้วยโมเสกสีสวยงามมากกว่า 2 ล้านชิ้น โดยแผนที่นี้แสดงอาณาเขตของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในยุคอาณาจักรไบเซนไทน์ไม่ว่าจะเป็น เนินเขา หุบเขา หมู่บ้าน ตัวเมือง อีกทั้งยังครอบคลุมไปจนถึงปากแม่น้ำไนล์ รอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเยรูซาเลม จอร์แดน ทะเลเดดซี และอียิปต์ ซึ่งถือว่าแผนที่นี้มีความสำคัญอย่างมากด้านประวัติศาสตร์โลกเลยทีเดียว
นำท่านเดินทางสู่ เขาเนโบ (Mount Nebo) ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองมาดาบา ซึ่งเชื่อว่าเป็นทีฝังศพของโมเสส นำท่านชม พิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม ภายในเก็บสิ่งของต่าง ๆ ที่ขุดพบภายในบริเวณนี้ พร้อมทั้งมีภาพถ่ายต่าง ๆ ภาพถ่ายที่สำคัญคือ ภาพที่โป๊บ จอห์น ปอลที่ 2 เสด็จมาแสวงบุญที่นี่และได้ประกาศให้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ในปี ค.ศ. 2000 นำท่านชม ไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์แห่งโมเสส ออกแบบเป็นลักษณะเป็นไม้เท้าในรูปแบบไม้กางเขน โดยอุทิศเป็นสัญลักษณ์ของโมเสส และพระเยซู จากนั้นอิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปเก็บภาพความประทับใจ ณ จุดชมวิว ท่านสามารถมองเห็น แม่น้ำจอร์แดน, ทะเลเดดซี, เมืองเจอริโก และประเทศอิสราเอล ได้จากจุดนี้อย่างชัดเจนในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่เมือง อควาบา (Aqaba) (ระยะทางประมาณ 245 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) เมืองท่าและเมืองท่องเที่ยวตากอากาศที่สำคัญของประเทศจอร์แดนที่มีทางออกสู่ทะเลแดงเพียงแห่งเดียวในประเทศจอร์แดน อีกทั้งยังเป็นเมืองแห่งเดียวของประเทศจอร์แดนที่ถูกประกาศให้เป็นเมืองปลอดภาษี
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
พักที่ Hotel City Tower หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
นำท่าน ล่องเรือท้องกระจก ในทะเลแดง ทะเลที่มีน่านน้ำครอบคลุมถึง 4 ประเทศ คือ ประเทศจอร์แดน อิสราเอล อิยิปต์ และ ซาอุดิอาระเบีย ท่านจะได้เพลิดเพลินไปกับแนวปะการัง ปลาทะเลหลากชนิด แมงกะพรุน อีกทั้งยังได้ชมทัศนียภาพอันงดงามของทะเลแดง และอิสระให้ท่านได้ว่ายน้ำ ดำน้ำ และเก็บภาพความประทับใจตามอัธยาศัย (หากท่านสนใจเล่นน้ำรบกวนท่านเตรียมผ้าขนหนูส่วนตัว และชุดว่ายน้ำมาด้วย)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน บาบีคิวบุฟเฟต์บนเรือ
ท่านเดินทางสู่ ทะเลทรายวาดิรัม (Wadirum) (ระยะทาง 62 ก.ม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง) ทะเลทรายซึ่งเคยถูกใช้เป็นเส้นทางกองคาราวาน เพื่อเดินทางจากประเทศอียิปต์ไปยังประเทศปาเลสไตน์ และประเทศซีเรีย อีกทั้งยังเป็นสมรภูมิสงครามอาหรับรีโวลท์ระหว่างปีค.ศ. 1916–1918 ทะเลทรายแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นฐานบัญชาการในการรบของนายทหารชาวอังกฤษ ทีอี ลอว์เรนซ์และเจ้าชายไฟซาลผู้นำแห่งชาวอาหรับร่วมรบกันขับไล่พวกออตโตมันที่เข้ามารุกรานเพื่อครอบครองดินแดน และยังเคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Lawrence of Ariabia ซึ่งออกฉายในปี ค.ศ.1963 และสามารถกวาดรางวัลออสการ์ได้ถึง 7 รางวัล และรางวัลจากสถาบันอื่นๆ มากกว่า 30 รางวัล นำแสดงโดย Peter O’Toole, Omar Sharif และดาราชั้นนำท่านอื่นๆ
จากนั้นได้เวลานำท่านนั่งรถกะบะแบบเปิดหลังคา ท่านจะได้เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพอันงดงามของทะเลทรายวาดิรัม หรือ ดินแดนที่ถูกขนานนามว่า หุบเขาแห่งพระจันทร์ (The Valley of the Moon) ที่อุดมไปด้วยเม็ดทรายละเอียดสีส้มอมแดงอันเงียบสงบที่กว้างใหญ่ไพศาล (ซึ่งสีของเม็ดทรายนั้นสามารถปรับเปลี่ยนไปตามแสงของพระอาทิตย์) จึงถูกกล่าวขานว่าเป็นทะเลทรายที่สวยงามที่สุดแห่งนึงของโลก
นำท่านชมน้ำพุแห่งลอว์เรนซ์ สถานที่ในอดีตนายทหาร ทีอี ลอว์เรนซ์ ทหารชาวอังกฤษใช้เป็นสถานที่พักและคิดแผนการสู้รบกันพวกออตโตมัน นำท่านท่องทะเลทรายต่อไปยัง ภูเขาคาซารีชมภาพเขียนแกะสลักก่อนประวัติศาสตร์ ที่เป็นภาพแกะสลักของชาวนาบาเทียนที่แสดงถึงเรื่องราวในชีวิตประจำวันต่างๆ และรูปภาพต่างๆ ผ่านชมเต็นท์ชาวเบดูอินที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย (รบกวนทุกท่านให้ทิปท่านละ 2 USD แก่คนขับรถตามธรรมเนียมปฏิบัติ)
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่นแบบชาวเบดูอิน (อาหารบุฟเฟ่ต์ พื้นเมือง)
พักที่ Sun City Camp (Martian Dome) หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาว
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
นำท่านเข้าชม นครเพตรา (Petra) หรือมหานครสีกุหลาบ (The Rose Red City) เมืองหลวงของพวกนาบาเธียน ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล ทำเลที่ตั้งของเมืองอยู่กึ่งกลางของเส้นทางการค้าคาบสมุทรอาระเบีย-ลุ่มแม่ น้ำไนล์ และปาเลสไตน์-ลุ่ม แม่น้ำไทกริสและยูเฟรติส เลยไปจนถึงอินเดีย จึงทำให้เป็นเมืองศูนย์กลางเส้นทางการค้าทางบกอีกด้วย จึงทำให้มหานครแห่งนี้ถูกอาณาจักรโรมันยึดครองในสมัยจักรพรรดิโทรจัน ปัจจุบันนครแห่งนี้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปีค.ศ. 1985 อีกทั้งยังถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Indiana Jones and the Last Crusade ที่นำแสดงโดยแฮริสัน ฟอร์ด
จากนั้นนำท่านขี่ม้า (รายการนี้รวมอยู่ในค่าบริการ รบกวนทุกท่านให้ทิปท่านละ 3-5 USD แก่คนจูงม้าตามธรรมเนียมปฏิบัติ) เพื่อเข้าชมนครเพตราระยะทางประมาณ 800 เมตร
(หมายเหตุ: ขี่ลา, ขี่อูฐ, รถม้าลาก ฯลฯ ไม่ได้รวมอยู่ในค่าบริการ หากท่านมีความประสงค์ที่จะใช้พาหนะดังกล่าว รบกวนติดต่อหัวหน้าทัวร์)
นำท่านเดินเท้าเข้าสู่ถนนเข้าเมือง SIQ เส้นทางมหัศจรรย์กว่า 1.5 กิโลเมตรที่เกิดจากการแยกตัวของเปลือกโลกและการซัดเซาะของน้ำเมื่อหลายล้านปีก่อน เดินชมความสวยงามของผาหินสีชมพูสูงชันทั้ง 2 ข้างคล้ายกับแคนยอนน้อย ๆ และ สิ่งก่อสร้าง รูปปั้นแกะสลัก ต่างๆ
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
นำท่านถ่ายรูปคู่กับมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล-คาซเนท์ (EL-KHAZNEH / TREASURY) สันนิษฐานว่าจะสร้างในราวศตวรรษที่ 1-2 โดยผู้ปกครองเมืองในเวลานั้นเป็นวิหารที่แกะสลักโดยเจาะเข้าไปในภูเขาสีชมพูทั้งลูก มีความสูง 40 เมตร และมีความกว้าง 28 เมตร วิหารแห่งนี้ได้ถูกออกแบบโดยได้รับอิทธิพลศิลปะของหลายชาติเข้าด้วยกัน เช่น อิยิปต์, กรีก, นาบาเทียน ฯลฯ ภายในประกอบด้วย 3 ห้อง คือ ห้องโถงใหญ่ตรงกลางและห้องเล็กทางด้านซ้ายและขวาเดิมทีถูกเชื่อว่าเป็นที่เก็บขุมทรัพย์สมบัติของฟาโรห์ อิยิปต์
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม
พักที่ Movenpick Resort Petra หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาว
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมือง เครัค (Kerak) (ระยะทางประมาณ 125 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เมืองที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงขนาดใหญ่ซึ่งท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันงดงามข้างทางระหว่างทางขึ้นสู่เขาโดยเฉพาะบริเวณที่ถูกเรียกขานกันว่าเป็น “แกรนด์แคนยอน แห่งจอร์แดน” นำท่านชม ปราสาทเครัค (Kerak Castle) ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1142 โดย ผู้ปกครองมีผู้ปกครองที่มีชื่อว่า PAYEN LE BOUTIELLER ในอดีตเคยเป็นเมืองศูนย์กลางขนาดใหญ่ของนักรบครูเสด โดยสถานที่แห่งนี้สร้างเพื่อควบคุมเส้นทางไม่ว่าทั้งทางทิศเหนือและทิศใต้ และใช้ในการต่อสู้ในสงครามครูเสดกับกองทัพมุสลิมอีกด้วย จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1187 ได้ถูกทำลายโดยนักรบ มุสลิมภายใต้การนำทัพของ ซาลาดิน (SALADIN)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
นำท่านเดินทางสู่ ทะเลเดดซี (Dead Sea) (ระยะทาง 193 ก.ม. ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง) ทะเลแห่งนี้ตั้งอยู่พรมแดนระหว่างอิสราเอลและจอร์แดน เป็นทะเลสาบที่มีความเค็มที่สุดในโลก เค็มกว่าทะเลอื่นถึง 4 เท่า มีความยาว 76 กิโลเมตร กว้างถึง 18 กิโลเมตร มีจุดที่ลึกที่สุดคือ 400 เมตร และอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 417.5 เมตร ซึ่งนับว่าเป็นพื้นที่ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลกด้วย จากนั้นให้อิสระแก่ท่านได้เล่นน้ำทะเลและเก็บภาพความประทับใจตามอัธยาศัย
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของโรงแรม
พักที่ Movenpick Dead Sea หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาว
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเจอราช (Jerash) เมืองเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของประเทศจอร์แดน โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับอาณาจักรโรมันที่ยิ่งใหญ่ ด้วยที่นี่เคยมีสถานะเป็นอดีต 1 ใน 10 หัวเมืองเอกตะวันออกที่อยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของชนชาติโรมันมาก่อนราว 200 – 100 ปีก่อนคริสตกาล ดังนั้นสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างในเมืองแห่งนี้จึงล้วนแต่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะแบบโรมันทั้งสิ้น จนทำให้เมืองแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองโรมันโบราณเจราช หรือเมืองพันเสา รวมทั้งปอมเปอีแห่งตะวันออก
นำท่านเข้า ชมเมืองโรมันเจอรราช หรือเมืองพันเสา นำท่านเดินชมซุ้มประตูเฮเดรียน และสนามฮิปโปโดรม จากนั้น นำท่านชมโอวัลพลาซ่า (Oval Plaza) ในอดีตที่นี่คือสถานที่นัดพบปะ ชุมนุมสังสรรค์กันของชาวเมืองเจราช ด้วยความกว้างถึง 90 เมตร และความยาว 80 เมตร โดยล้อมรอบด้วยทางเท้าขนาดกว้างและต้นเสาอันเป็นสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลในช่วงศตวรรษที่ 1 จากนั้นในช่วงศตวรรษที่ 7 จึงได้มีการบูรณะต่อเติมให้มีเสาตรงกลางอีก 2 ต้น พร้อมกับน้ำพุขนาดใหญ่
นำท่านชม มหาวิหารเทพีอาร์เทมิส สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี ค.ศ. 150 โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีบรวงสรวง และพิธีบูชายัญแด่เทพีอาร์เทมิส
นำท่านชมถนนคาร์โด หรือ ถนนโคลอนเนด ถนนสายหลักที่ใช้เข้า-ออกเมืองแห่งนี้บนถนนนั้นยังมีริ้วรอยทางของล้อรถม้า,ฝาท่อระบายน้ำ,ซุ้มโคมไฟ,บ่อน้ำดื่มของม้า
จากนั้นนำท่าน ชมน้ำพุใจกลางเมือง (NYMPHAEUM) สร้างในราวปี ค.ศ. 191 เพื่ออุทิศแด่เทพธิดาแห่งขุนเขา ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวเมืองแห่งนี้ มีที่พ่นน้ำเป็นรูปหัวสิงโตทั้งเจ็ด และตกแต่งด้วยเทพต่างๆ ประจำซุ้มด้านบนของน้ำพุ
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
นำท่านเดินทางสู่กรุงอัมมาน (Amman) เมืองหลวงของประเทศจอร์แดน
นำท่านเข้าชมป้อมปราการแห่งกรุงอัมมานสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดสังเกตเหตุบ้าน การเมืองต่าง ๆรอบเมือง เชิญอิสระถ่ายรูปตรงจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมืองแห่งนี้ โดยมีฉากหลังเป็นโรงละครโรมันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจอร์แดนจุผู้ชมได้ถึง 6,000 คน และตึกรามบ้านช่องที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง อันแปลกตายิ่งนักที่สันนิษฐานว่าน่าจะถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 161–180 ในสมัยโรมัน
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
พักที่ Fairmont Amman หรือระดับเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
จากนั้นให้ท่านได้ อิสระช้อปปิ้งเต็มวันที่ ห้าง City Mall – Carrefour เป็น 2 ห้างใหญ่ติดกัน มีของแบรนด์เนมให้เลือกสรรมากมาย จากนั้นให้ท่านได้ซื้อของฝากร้านขนมหวานของชาวอาหรับ ซาลาติโม (Zalatimo Bros Sweets) ร้านขนมที่มีชื่อเสียงที่สุดของกรุงอัมมาน เปิดกิจการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1860 โดยร้านเดิมร้านแรกได้เปิดขายอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม อิสราเอล และจากนั้นจำเป็นต้องอพยพย้ายถิ่นฐาน เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศ แต่ยังคงสืบทอดขนมจากรุ่นสู่รุ่น และได้พัฒนาคุณภาพ และรสชาติของขนมให้มีความหอม อร่อย จนถึงปัจจุบัน
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
เชิญทุกท่านอิสระช้อปปิ้งต่อตามอัธยาศัย
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร
21.30 น. ได้เวลาพอสมควร นำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติควีน อาเลีย ประเทศจอร์แดน เพื่อตรวจเช็คเอกสารการเดินทางและสัมภาระเตรียมตัวเดินทางกลับ
02.15 น. ออกเดินทางจากเมืองอาเลีย กลับกรุงเทพฯ โดยสายการบิน สายการบินรอยัล จอร์แดน (RJ182) (02.15-14.25)ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 09.05 ชั่วโมง (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
14.25 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ
อัตรานี้รวม
อัตรานี้ไม่รวม
การจองและการชำระ
เงื่อนไขการยกเลิกการจองและการปรับเงินค่าบริการ