21.30 น. : พร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ประเทศ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ สายการบิน ROYAL JORDANIAN เที่ยวบินที่ RJ 183
พบกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก
00.25 น. : ออกเดินทาง สู่ เมืองอัมมาน (AMM) โดยสายการบิน ROYAL JORDANIAN เที่ยวบินที่ RJ 183
05.10 น. : เดินทางถึงสนามบินนานาชาติ (AMM อัมมาน ควีน อาเลีย QUEEN ALIA) ณ กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน ใช้เวลาในการเดินทาง 8 ชั่วโมง 55 นาที
จะมีเจ้าหน้าที่ด้าน VISA มาคอยอำนวยความสะดวกแก่คณะทัวร์ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง) เมืองหลวงของประเทศจอร์แดน หรือ ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดนศูนย์กลางแห่งตะวันออกกลางที่มีการผสมผสานความเก่าแก่เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากรแล้ว รับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว ออกจากประตูไป ทางด้านซ้ายมือ ท่านสามารถแลกเงิน,ซื้อSIM INTERNET ได้เลย ราคา ณ วันที่ 6 JUN 18 ล่าสุด // ราคาขึ้นอยู่กับ GB
-INTERNET BUNDLE 6GB = 17 USD , 12GB = 19 USD , 18GB = 22 USD
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองมาดาบา (ประมาณ 50 กิโลเมตร) อดีตเส้นทางสำคัญสมัยโรมัน ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งเยรูซาเล็ม และเมืองแห่งเรื่องราวของโมเสสที่สำคัญทางหน้าประวัติศาสตร์ของศาสนายูดา, คริสต์ และอิสลาม ยังเป็นศูนย์กลางที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำโมเสก เป็นศิลปะการตกแต่งด้วยชิ้นแก้ว, หิน, หรือกระเบื้องชิ้นเล็กๆ ซึ่งใช้ในการตกแต่งมหาวิหาร หรือในปัจจุบันใช้ประยุกต์ในการตกแต่งบ้านเรือนหรือ เมืองแห่งโมเสก ชม โบสถ์กรีก-ออโธดอกซ์แห่งเซนต์จอร์จ ถูกสร้างในราวปี ค.ศ. 600 ยุคของไบแซนไทน์ ชมภาพแผนที่ดินแดนศักดิสิทธิ์แห่งเยรูซาเลม ตกแต่งโดยโมเสกสีต่างๆ ประมาณ 2.3 ล้านชิ้นแสดงถึงพื้นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในแถบรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, เยรูซาเลม, แม่น้ำจอร์แดน, ทะเลเดดซี, เขาไซนาย, อียิปต์ ฯลฯ
นำท่านเดินทางสู่ ยอดเขาเมาท์เนโบ MOUNT NEBO มีความสูง 817 เมตร จากระดับน้ำทะเล เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ฝังศพของโมเสส ผู้นำชาวยิวส์ที่เดินทางจากอิยิปต์มายังเยรูซาเลม และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของจอร์แดน ที่แห่งนี้เป็นสถานที่สุดท้ายของโมเสส ก่อนจะชี้ทางให้ผู้สืบทอดนำพาผู้คนไปยังดินแดนพันธสัญญา ในประเทศอิสราเอลปัจจุบัน เมื่อยืนอยู่บนยอดเขาจะมองไปเห็นดินแดนแห่งพันธะสัญญา THE PROMISED LAND ที่โมเสสเคยเห็นบนยอดเขานี้ และเป็นที่จาริกแสวงบุญของชาวคริสต์มาแต่โบราณ และโบสถ์บนยอดเขาได้ถูกสร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่สี่เพื่อเป็นการบ่งชี้จุดที่คาดว่าโมเสสเสียชีวิต MOUNT NEBOยังเคยเป็นสถานที่มาเยือนของสันตะปาปา ของศาสนาคริสต์ โดยสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 ได้มาแวะพำนักที่นี่ ระหว่างการเดินทางไปเยือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้ปลูกต้นมะกอก สัญญลักษณ์ของสันติภาพไว้ข้างๆโบสถ์ไบแซนไทน์ด้วย
ชมพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม ภายในเก็บสิ่งของต่าง ๆ ที่ขุดพบภายในบริเวณนี้ พร้อมทั้งมีภาพถ่ายต่าง ๆ ภาพถ่ายที่
สำคัญคือภาพที่โป๊บ จอห์น ปอลที่ 2 เสด็จมาแสวงบุญที่นี่และได้ประกาศให้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ในปี ค.ศ. 2000
ชมอนุสรณ์ไม้เท้าศักดิ์สิทธ์แห่งโมเสส ออกแบบเป็นลักษณะเป็นไม้เท้าในรูปแบบไม้กางเขน โดยอุทิศเป็น
สัญลักษณ์ของโมเสส และพระเยซู เชิญถ่ายรูป ณ จุดชมวิว โดยในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ท่านสามารถมองเห็น แม่น้ำจอร์แดน, ทะเลเดดซี, เมืองเจอริโก และประเทศอิสราเอล ได้จากจุดนี้อย่างชัดเจน
เที่ยง : บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารจากนั้น นำท่านเดินทางสู่ ทะเลทรายวาดิรัม (WADI RUM) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที
ทะเลทรายแห่งนี้ในอดีตเป็นเส้นทางคาราวานจากประเทศซาอุฯ เดินทางไปยังประเทศซีเรียและปาเสลไตน์
(เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวนาบาเทียนก่อนที่จะย้ายถิ่นฐานไปสร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่เมืองเพตร้า) ในศึกสงครามอาหรับรีโวลท์ระหว่างปีค.ศ. 1916–1918 ทะเลทรายแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นฐานบัญชาการในการรบของนายทหารชาวอังกฤษ ทีอี ลอว์เรนซ์และเจ้าชายไฟซาล ผู้นำแห่งชาวอาหรับร่วมรบกันขับไล่พวกออตโตมันที่เข้ามารุกรานเพื่อครอบครองดินแดนและต่อมายังได้ถูกใช้เป็นสถานที่จริงในการถ่ายทำภาพยนต์ฮอลลีวูดอันยิ่งใหญ่ในอดีตเรื่อง “LAWRENCE OF ARABIA” (และในปี ค.ศ.1963 สามารถกวาดรางวัลออสการ์ได้ถึง 7 รางวัล และรางวัลจากสถาบันอื่นๆ มากกว่า 30 รางวัล นำแสดงโดย PETER O’TOOLE, OMAR SHARIF
นำท่าน นั่งรถกระบะเปิดหลังคารับบรรยากาศทะเลทราย ที่ถูกกล่าวขานว่าสวยงามที่สุดของโลกแห่งหนี่ง ด้วยเม็ดทรายละเอียดสีส้มอมแดงอันเงียบสงบที่กว้างใหญ่ไพศาล (สีของเม็ดทราบนั้นปรับเปลี่ยนไปตามแสงของดวงอาทิตย์) ชมน้ำพุแห่งลอว์เรนซ์ สถานที่ในอดีตนายทหาร ทีอี ลอว์เรนซ์ ทหารชาวอังกฤษใช้เป็นสถานที่พักและคิดแผนการสู้รบกันพวกออตโตมัน
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านสู่เมืองเพตร้า (ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกปี ค.ศ. 1985 และ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของแห่งโลกใหม่ จากการตัดสินโดยการโหวตจากบุคคลนับล้านทั่วโลกในวันมหัศจรรย์ 07/ 07/ 07) มหานครสีดอกกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาแห่งโมเสส (WADI MUSA)
นำท่านเดินเท้าเข้าสู่ถนนเข้าเมือง THE SIQ เป็นช่องทางเดินที่ขนาบสองฝั่งด้วยหน้าผา กว่า 1.5 กิโลเมตรที่เกิดจากการแยกตัวของเปลือกโลกและการซัดเซาะของน้ำเมื่อหลายล้านปีก่อน ส่วนใหญ่ทางเดินร่มๆ สบายๆ (ทางเดินค่อนข้างลาดลง ไม่เหนื่อย ระหว่างทางก็มีมุมสวยๆ ให้เก็บภาพเรื่อยๆ และมีบรรดาคนมาขายของที่ระลึก เดินชมความสวยงามของผาหินสีชมพูสูงชันทั้ง 2 ข้างคล้ายกับแคนยอนน้อย ๆ และ สิ่งก่อสร้าง รูปปั้นแกะสลัก ต่างๆ
กลางวัน : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร สมควรแก่เวลา นำคณะเดินทางสู่เมืองเดดซี โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่งโมง
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรมแรมที่พัก
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม ทะเลเดดซี (DEAD SEA) ทะเลสาบเดดซีตั้งอยู่พรมแดนระหว่างอิสราเอลและจอร์แดน นำท่านเดินทางเข้า สู่กรุงอัมมาน ระหว่างทางแวะซื้อผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเดดซี เช่น โคลนพอกตัว พอกหน้า สบู่ และสินค้าอื่นที่ทำจากเดดซีอีกมากมาย จากนั้นเดินทางต่อสู่กรุงอัมมาน
กลางวัน : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร
นำท่าน ชมรอบเมืองหลวงกรุงอัมมาน เมืองหลวงที่ตั้งอยู่บนภูเขา7ลูกและมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 6,000 ปีผ่านชมย่านเมืองเก่า,เมืองใหม่,ย่านธุรกิจ,ตลาดใจกลางเมือง,ย่านคนรวย ฯลฯ
ชมป้อมปราการแห่งกรุงอัมมาน (CITDAEL) ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดสังเกตเหตุบ้าน การเมืองต่างๆรอบเมืองเชิญอิสระถ่ายรูปตรงจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมืองแห่งนี้ โดยมีฉากหลังเป็น โรละครโรมัน ROMANSTHEATER ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจอร์แดนจุผู้ชมได้ถึง 6,000 คน
ผ่านชมพระราชวังของพระมหากษัตริย์ อับดุลลาห์ที่สอง (RAGHADAN PALACE) ที่ตั้งอยู่บนภูเขามีทำเลที่สวยงามมากที่สุดในกรุงอัมมาน และมีทหารคอยเฝ้าดูแลตรวจตราอย่างเข้มงวด
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ร้านอาหารของโรงแรมที่พัก
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางไปยังเมืองอัจลุน (AJLOUN CASTLE) ใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง 40 นาที
อยู่ทางด้านเหนือของเมืองเจอราชไปเล็กน้อยเมืองที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงที่ห้อมล้อมไปด้วยป่าต้นสนและต้นมะกอก
ชมปราสาทแห่งเมืองอัจลุนถูกสร้างโดยพวกนักรบมุสลิม ในปี ค.ศ. 1184 -1185 ใช้เป็นป้อมทหารในการต่อสู้รบกับพวกนักรบครูเสด และในปี ค.ศ. 1260 ถูกเข้าทำลายโดยกองทัพมองโกลส์
เที่ยง : บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
ชมนครเจอราช (JERASH) หรือ“เมืองพันเสา”เป็นอดีต 1 ใน 10 หัวเมืองเอกตะวันออกอันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน สันนิษฐานว่าเมืองนี้น่าจะถูกสร้างในราว 200 – 100 ปีก่อนคริสตกาล เดิมทีในอดีตเมืองแห่งนี้ชื่อว่า ในปี ค.ศ. 749 นครแห่งนี้ได้ถูกแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำลาย และถูกฝังกลบโดยทรายหลังจากนั้นก็ได้สูญหายไปเป็นนับพันปี ชมซุ้มประตูกษัตรย์เฮเดรียนและสนามแข่งม้าฮิปโปโดรม
นำท่านเดินเข้าประตูทางทิศใต้ ชมโอวัลพลาซ่า สถานที่ชุมนุม พบปะ สังสรรค์ของชาวเมือง, วิหารเทพซีอุสฯลฯโรงละครทางทิศใต้(สร้างในราวปี ค.ศ. 90-92) จุผู้ชมได้ถึง 3,000 คน มีจุดเสียงสะท้อนตรงกลางโรงละคร
เชิญทดสอบกับความอัศจรรย์เพียงพูดเบา ๆก็จะมีเสียงสะท้อนก้องเข้ามาในหูของเรา
ชมวิหารเทพีอาร์เทมิส เป็นเทพีประจำเมืองเจอราช สร้างในราวปี ค.ศ. 150 สร้างขึ้นพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับทำพิธีบวงสรวง และบูชายัญต่อเทพีองค์นี้ แบ่งเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นนอก ชั้นกลาง ชั้นใน
นำท่านเดินเข้าสู่ ถนนคาร์โด หรือ ถนนโคลอนเนด ถนนสายหลักที่ใช้เข้า-ออกเมืองแห่งนี้บนถนนนั้นยังมีริ้วรอยทางของล้อรถม้า,ฝาท่อระบายน้ำ,ซุ้มโคมไฟ,บ่อน้ำดื่มของม้า ชมน้ำพุใจกลางเมือง (NYMPHAEUM) สร้างในราวปี ค.ศ. 191 เพื่ออุทิศแด่เทพธิดาแห่งขุนเขา ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวเมืองแห่งนี้ มีที่พ่นน้ำเป็นรูปหัวสิงโตทั้งเจ็ด และตกแต่งด้วยเทพต่างๆ ประจำซุ้มด้านบนของน้ำพุฯลฯ
จากนั้นเดินทางต่อสู่กรุงอัมมานหลังจากนั้นอิสระ ช้อปปิ้ง ห้าง CITY MALL- CARREFOUR เป็น 2 ห้างใหญ่ติดกัน มีของแบรนด์เนม
ให้เลือกสรรมากมาย
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น จากนั้นสมควรแก่เวลา พาคณะเดินทางไปยังสนามบิน
02.15 น. : ออกเดินทางกลับสู่ ประเทศไทย ด้วยสายการบิน ROYAL JORDANNIAN เที่ยวบินที่ RJ182
15.15 น. : เดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความสวัสดิภาพและความประทับใจ มิรู้ลืมเลือน
เงื่อนไขในการจองทัวร์
กรณียกเลิก
Error: Contact form not found.
Error: Contact form not found.
Error: Contact form not found.
Error: Contact form not found.
Error: Contact form not found.
Error: Contact form not found.
Error: Contact form not found.