06.30 น. : คณะผู้เดินทางพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 สายการบิน OMAN AIR …. ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทคอยอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทางแก่ท่าน
09.15 น. : เหิรฟ้าสู่ เมืองมัสกัต โดยสายการบิน OMAN AIR เที่ยวบินที่ WY-818 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง)
12.35 น. : เดินทางถึงสนามบินเมืองมัสกัตเพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง (ใช้เวลาต่อเครื่องประมาณ 2 ชั่วโมง 40นาที)
14.25 น. : เหิรฟ้าสู่ กรุงอิสตันบูล โดยสายการบิน OMAN AIR เที่ยวบินที่ WY-165 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) (ใช้เวลาบินประมาณ 4.20 ชั่วโมง)
19.00 น. : เดินทางถึง สนามบินนานาชาติ อตาเติร์กกรุงอิสตันบูล หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
เช้า : บริการอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
ออกเดือนทางจากเมืองอิสตันบูล มุ่งหน้าสู่เมืองอังการา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศตุรกีและเป็นเมืองหลวงของจังหวัดอังการา อังการาเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากอิสตันบูล (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง ระยะทาง 447 กิโลเมตร )นำท่านเดินทางสู่ สุสานอตาเติร์ก (ATATURK MAUSOLEUM) หรือ อะนิตกาเบอร์ (ANITKABIR)เป็นอนุสรณ์สถานและสุสานของ Mustafa Kemal Ataturk ซึ่งเป็นผู้นำในสงครามการกอบกู้อิสรภาพของตุรกีหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกีและประธานาธิบดีคนแรก และ เป็นสุสานของ ISMET INNONU ระธานาธิบดีคนที่ 2 ของตุรกี สุสานแห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1944-1953 มีความสำคัญกับประเทศเป็นอย่างมาก โดยถูกบันทึกลงธนบัตรลีร่าตุรกี ที่พิมพ์ระหว่างปี 1966-1987 และ 1999-2009 จะมีรูปสุสาน อตาเติร์กแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ในธนบัตร
ระหว่างทางนำท่าน ชมวิวของ ทะเลสาบเกลือ (SALT LAKE) เพื่อยลเสน่ห์ทะเลสาบเกลือ ชมทะเลสาบน้ำเค็ม LAKE TUZ ทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของตุรกี เมื่อหน้าร้อนมาถึง น้ำจะเหือดแห้งเหลือแต่เพียงเกลือกองเป็นแผ่นหนาหลายสิบเซนติเมตร มองเห็นเป็นพื้นสีขาวสุดลูกหูลูกตา และยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง STAR WAR ด้วย
จากนั้นนำท่านเดินทางต่อไปยัง เมืองคัปปาโดเกีย หรือ คัปปาโดเชีย (ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 3 ชั่วโมง 40 นาที ระยะทาง 335 กิโลเมตร ) ดั้งเดิมคำนี้มาจากภาษาเปอร์เชีย ซึ่งแปลว่า คัตปาตุกา (KATPATUKA) มีความหมายว่า ดินแดนที่มีม้าอันแสนสวย
( THE LAND OF BEAUTIFUL HORSES) คัปปาโดเกียตั้งอยู่บนพื้นที่ๆ เคยเป็นภูเขาไฟมาก่อน ชื่อ เอร์จีเยส (ERCIYES) มีความสูงประมาณ 3,916 เมตร บนยอดเขามีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี เราจึงสามารถมองเห็นได้ทั้งทะเลดำ และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อย้อนกลับไปเมื่อหลาย100 ปีที่ผ่านมา เมืองนี้เกิดการระเบิดของภูเขาไฟ และถูกลาวาปกคลุมพื้นที่หลายร้อยไมล์ ลาวาเหล่านี้จึงถูกทับถมกันเป็นระยะเวลายาวนานจนกลายเป็นหิน ซึ่งต่อมาได้เกิดพายุอย่างรุนแรง ทั้งลมทั้งฝนกัดกร่อนร่อนชั้นลาวาต่างๆ จนกลายเป็นสภาพหุบเขา และบางพื้นที่เกิดเป็นร่องลึก บางที่จะแปรสภาพเป็นเสาหิน กรวยหิน กำแพงถ้ำ และเนื้อหินในหุบเขาเหล่านี้เป็นเนื้อหินอ่อนจึงเหมาะแก่การแกะสลัก และเจาะเป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำทุกท่านสู่ นครใต้ดิน (UNDERGROUND CITY) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกเป็นมรดกโลก เมืองใต้ดินของตุรกีมีอยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งมีอุโมงค์เชื่อมต่อถึงกันเป็นสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบภัยชาวโรมันที่ต้องการทำลายร้างพวกนับถือศาสนาคริสต์ เมืองใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ แต่ละชั้นมีความกว้างและสูงขนาดเท่าเรายืนได้ ทำเป็นห้อง ๆ มีทั้งห้องครัวห้องหมักไวน์ มีโบสถ์ ห้องโถงสำหรับใช้ประชุม มีบ่อน้ำและระบบระบายอากาศที่ดี แต่อากาศค่อนข้างบางเบาเพราะอยู่ลึกและทางเดินบางช่วงค่อนข้างแคบจนเดินสวนกันไม่ได้
กลางวัน : บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านแวะ ชมโรงงานจิวเวอร์รี่และโรงงานเซรามิค อิสระกับการเลือกซื้อสินค้าและของที่ระลึก
ท่านชมวิว หุบเขาแห่งเทพนิยายสีชมพู หุบเขาเดฟเรนท์ (DEVRENT VALLEY) เป็นหุบเขาที่ถูกธรรมชาติสร้างสรรค์เป็นรูปต่างๆ มีภูมิทัศน์ที่สวยงามและคล้ายคลึงกับพื้นผิวบนดวงจันทร์ ซึ่งรอบๆบริเวณนี้ เต็มไปด้วยหินรูปทรงต่างๆ จำนวนมาก โดยธรรมชาติเป็นผู้สร้างขึ้น เช่น รูป อูฐ, งู, แมวน้ำ, พระแม่มารีย์ และ ภูมิประเทศบริเวณนี้เป็นสีชมพู เป็นเอกลักษณ์และเป็นจุดเด่นที่ทำให้ หุบเขาแห่งนี้ มีชื่อเสียง เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว
แวะชมโรงงานทอพรม สินค้าขึ้นชื่อและมีคุณภาพดีของประเทศตุรกี อิสระให้เลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย
จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูป หุบเขาอุซิซาร์ (UCHISAR VALLEY) หุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาดังกล่าวมีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อาศัย และถ้ามองดี ๆ จะรู้ว่าอุซิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ดังนั้นในอดีตอุซิซาร์ ก็มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วย
บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารหรือห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านชมการแสดงพื้นเมือง “ระบำหน้าท้อง”หรือ BELLY DANCE เป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่งเกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 6000 ปี ในดินแดนแถบอียิปต์ และเมดิเตอร์เรเนียนนักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องให้มีมาจนถึงปัจจุบัน และการเดินทางของชาวยิปซีทำให้ระบำหน้าท้องแพร่หลายมีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงามจนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องตุรกีในปัจจุบัน
(บริการเครื่องดื่มฟรีตลอดการแสดง )
เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองคอนย่า (KONYA) ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุก ระยะทาง 387 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ระหว่างทางแวะถ่ายรูป CARAVANSARAI ที่พักของกองคาราวานในสมัยโบราณ เป็นสถานที่พักแรมของกองคาราวานตามเส้นทางสายไหมและชาวเติร์กสมัยออตโตมัน
กลางวัน : บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ (PAMUKKALE) ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง (189 กิโลเมตร) เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนที่ไหลลงสู่หน้าผา
นำท่านชม ปราสาทปุยฝ้าย ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆหลายชั้นและผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมากท่านจะได้สัมผัส เมืองเฮียราโพลิส HIERAPOLIS เป็นเมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อนซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรคเมื่อเวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้เกิดการพังทลายลงเหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไปบางส่วนยังพอมองออกว่าเดิมเคยเป็นอะไรเช่นโรงละครแอมฟิเธียร์เตอร์ขนาดใหญ่วิหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณเป็นจากนั้นนำท่านเข้า ชมโรงงานคอตตอน สามารถเลือกซื้อของฝากเช่น ผ้าพันคอ ผ้าปูที่นอนเสื้อผ้า เป็นต้น เป็นสินค้าที่ผลิตด้วยคอตตอน100% สินค้าคุณภาพขึ้นชื่อจากประเทศตุรกี
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารหรือห้องอาหารของโรงแรม
เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองคูซาดาซี KUSADASI ระยะทาง 190 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 50 นาที เป็นเมืองท่าที่สำคัญทางการค้าอีกเมืองหนึ่งของตุรกีที่เป็นสถานที่ตั้งของโบราณสถานที่สำคัญสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ
กลางวัน : บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองโบราณเอฟฟิซุส (EPHESUS) เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีเมืองหนึ่ง เคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนก (LONIA) จากกรีก ซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมือง ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนาเอฟฟิซุส ขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน นำท่านเดินบนถนนหินอ่อนผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบันนี้ นำท่านชม ห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (ROMAN BATH) ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำ ให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้, ห้องสมุดโบราณ ที่มีวิธีการเก็บรักษาหนังสือไว้ได้เป็นอย่างดีทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นศิลปะแบบ เฮเลนนิสติคที่มีความอ่อนหวานและฝีมือประณีต
จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูป มัสยิดอิสเบ ISA BEY MOSQUE เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีและสำคัญที่สุดซึ่งสะท้อนถึงจุดสิ้นสุดของยุคจักรวรรดิ Seljuk ในช่วงปลายคริสต์ ค.ศ. 1400 นอกจากนี้มัสยิดแห่งนี้ยังเป็นที่ประทับของมัสยิดเมยยาดในดามัสกัส มัสยิด ISA BEY MOSQUE ก่อตั้งขึ้นบนเนินเขาตะวันตกของเขา Ayasuluk ที่มองเห็นพื้นที่และมี harem ขนาดใหญ่ที่มีสอง naves และประกอบด้วยลานขนาดใหญ่
และแวะถ่ายรูป โบสถ์นักบุญเซนต์ จอห์น (ST. JOHN CASTLE) สาวกของพระเยซูคริสต์ที่ออกเดินทางเผยแพร่ศาสนาไปทั่วดินแดนอนาโตเลียหรือประเทศตุรกีในปัจจุบัน
นำท่านเดินทางชม โรงงานเครื่องหนัง ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเครื่องหนังขั้นหลากหลาย ให้ทุกท่านได้ทดลองการเป็นนายแบบและนางแบบเสื้อหนังต่างๆตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านซื้อขอฝากตามอัธยาศัย ร้านขนม (TURKISH DELIGHT) ของฝากขึ้นชื่อของประเทศตุรกี จากนั้นนำท่านชม วิหารเทพีอาร์เทมิสโบราณ (THE TEMPLE OF ARTEMIS) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ที่ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตได้
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำทุกท่าน ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส จุดที่บรรจบกันของทวีปยุโรปและเอเชีย ซึ่งทำให้ประเทศตุรกีได้รับสมญานามว่า ดินแดนแห่งสองทวีป ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญเนื่องจากเป็นเส้นทางเดินเรือที่เชื่อมทะเลดำทะเลมาร์มาร่า เราจะได้เห็นป้อมปืนที่ตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบได้แก่ Rumeli Castle และ Anatolia Castle โดยจุดชมวิวที่สำคัญคือสะพาน แขวนบอสฟอรัส เชื่อให้รถยนต์สามารถวิ่งข้ามฝั่งยุโรปและเอเชียได้ สร้างเสร็จในปี ค.ศ.1973 มีความยาวทั้งสิ้น 1,560 เมตร และได้กลายเป็นสะพานแขวนที่ยาวเป็นอันดับ 4 ของโลกในสมัยนั้น (ปัจจุบันตกไปอยู่อันดับที่ 21) ขณะที่ล่องเรือพร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศสองข้างทาง ซึ่งสามารถมองเห็นได้ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาเช่และบ้านเรือนของบรรดาเหล่าเศรษฐีที่สร้างได้สวยงามตระการตา
นำท่านสู่ ตลาดสไปซ์มาร์เก็ต (SPICE MARKET) หรือ ตลาดเครื่องเทศ ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึก เครื่องประดับ ชา กาแฟ ผลไม้อบแห้ง ขนมของหวานขึ้นชื่อและถั่วหลากหลายชนิดให้เลือกสรร
กลางวัน : บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำทุกท่านชม สุเหร่าสีน้ำเงิน (BLUE MOSQUE) หรือ SULTAN AHMET MOSQUE ถือเป็นสุเหร่าที่มีสถาปัตยกรรมเป็นสุดยอดของ 2 จักรวรรดิ คือ ออตโตมันและไบเซนไทน์ เพราะได้รวบรวมเอาองค์ประกอบจากวิหารเซนต์โซเฟียผนวกกับสถาปัตยกรรมแบบอิสลามดั้งเดิม ถือว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี สามารถจุคนได้เรือนแสน ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 7 ปี ระหว่าง
ค.ศ.1609-1616 โดยตั้งชื่อตามสุลต่านผู้สร้างซึ่งก็คือ Sultan Ahmed นั้นเอง
จากนั้นนำทุกท่านสู่ จัตุรัสสุลต่านอะห์เมตหรือฮิปโปโดรม (HIPPODROME) สนามแข่งม้าของชาวโรมัน จุดศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวเมืองเก่า สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิ เซปติมิอุสเซเวรุสเพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่างๆของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนตินฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้นตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่าง ๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่จัดงานพิธีแต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมตซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์3 ต้น คือเสาที่สร้างในอียิปต์เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูลเสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือเสาคอนสแตนตินที่ 7
จากนั้นนำทุกท่านชม พระราชวังทอปกาปึ (TOPKAPI PALACE) ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าซึ่งถือเป็นเขตประวัติศาสตร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 พระราชวังทอปกาปึ สร้างขึ้นโดยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 ในปี ค.ศ.1459 บนพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 4 ลานกว้าง และมีอาคารขนาดเล็กอีกจำนวนมาก ณ จุดที่สร้างพระราชวังแห่งนี้สามารถมองเห็นช่องแคบบอสฟอรัสโกลเดนฮอร์นและทะเลมาร์มาร่าได้อย่างชัดเจน ในช่วงที่เจริญสูงสุดของอาณาจักรออตโตมัน พระราชวังแห่งนี้มีราชวงศ์และข้าราชบริพารอาศัยอยู่รวมกันมากถึงสี่พันกว่าคนนำท่านเข้าชมส่วนของท้องพระโรงที่เป็นที่จัดแสดงทรัพย์สมบัติข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์เครื่องเงินต่างๆ มากมาย
จากนั้นนำทุกท่าน เข้าชมสุเหร่าโซเฟีย (HAGLA SOPHAGLA SOPHLA) หรือ พิพิธภัณฑ์อายาโซเฟีย (AYASOFYA MUSEUM) ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง และเป็นโบสถ์ทรงโดมที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาเป็นเวลาเกือบพันปี สร้างโบสถ์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 360 ในสมัยของ จักรพรรดิคอนสแตนติน (Constantine) ที่ เมืองคอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) เมืองหลวงของอาณาจักรโรมันตะวันออก คือเมืองอิสตันบูลในปัจจุบัน แต่มหาวิหารที่เราได้เห็นกันในปัจจุบัน ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 532 – 537 ในสมัยของจักรพรรดิจัสติเนียนเพื่อเป็นวิหารหลวงสำหรับประกอบพระราชพิธีต่างๆ และยังเป็นที่ประทับของประมุขกรีกออร์โธดอกซ์
โดมมีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 31 เมตร และสูงถึง 55 เมตร ก่อนจะเปลี่ยนฮาเกียโซเฟียให้กลายเป็นมัสยิด โดยมีการทำลายพระแท่น และฉาบปูนทับโมเสกไอคอนสัญลักษณ์ของศาสนาคริสต์เอาไว้ บางภาพก็ถูกเอาม่านบดบัง นับแต่นั้นฮาเกียโซเฟียก็ได้กลายเป็นทรัพย์สินของสุลต่าน และไม่เปิดให้สาธารณะชนได้เข้าชมมาเป็นเวลากว่า 500 ปี นกระทั่งปี ค.ศ. 1935 ฮาเกียโซเฟียได้เปลี่ยนสถานะจากการเป็นมัสยิดหลวงมาเป็นพิพิธภัณฑ์ และเปิดให้สาธารณะชนได้เข้าชมความงดงามด้านในอีกครั้ง
ได้เวลาอันเหมาะสม นำทุกท่านเดินทางสู่สนามบินกรุงอิสตันบูล IST
01.00 น. : ออกเดินทางจากสนามบินอิสตันบูล สู่เมืองกัสกัต ประเทศโอมาน โดยสายการบิน OMAN AIR เที่ยวบินที่ WY-166 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
07.00 น. : เดินทางถึง สนามบินเมืองมัสกัต เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง
09.00 น. : เหิรฟ้าสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ BKK โดยสายการบิน OMAN AIR เที่ยวบินที่ WY-815 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
17.45 น. : คณะเดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ BKK กรุงเทพมหานคร
หมายเหตุ:ค่าประกันอุบิติเหตุสำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือน และ ผู้ใหญ่อายุมากกว่า 75 ปีทางบริษัทประกันฯจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพียงครึ่งหนึ่งของสัญญาฯ)
หมายเหตุ : ประกันภัยที่ทำจากเมืองไทย ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูนและเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นการเลือกซื้อ OPTIONAL TOUR ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน
หมายเหตุ