กัสโต้ เวิล์ด ทัวร์

บริการคุณภาพ ทุกเส้นทางท่องเที่ยว

เลขที่ 11/03295

ทัวร์เที่ยวไทย เบตง สุดฟินชมทะเลหมอก ใต้สุดแดนสยาม

ทัวร์เที่ยวไทย
รหัส 016-1879
วันที่เดินทาง
ส.ค.65 - ต.ค.65
ช่วงเวลา
4 วัน 3 คืน
ราคาเริ่มต้น
7,500 บาท
แผนการเดินทาง
วันที่ 1
กรุงเทพฯ สนามบินดอนเมือง – หาดใหญ่ – ปัตตานี – ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว – ชุมชนกือดาจีนอ – บ้านขุนพิทักษ์รายา (ด้านนอก) – ยะลา – จุดชมวิวสะพานข้ามเขื่อนบางลาง – จุดเช็คอินป้ายโอเคเบตง – สตรีทอาร์ต – วงเวียนหอนาฬิกาเบตง – ตู้ไปรษณีย์โบราณ – อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์

04.00 น.          คณะพร้อมกันที่ สนามบินดอนเมือง บริเวณอาคาร 2 ผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯคอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินรับบัตรโดยสาร **หมายเหตุ** เคาน์เตอร์เช็คอินจะปิดบริการก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 60 นาที และผู้โดยสารพร้อม ณ ประตูขึ้นเครื่องก่อนเวลาเครื่องออก 20 นาที เนื่องจากตั๋วเครื่องบินของคณะเป็นตั๋วชั้นประหยัดพิเศษ ที่นั่งอาจจะไม่ได้นั่งติดกันและไม่สามารถเลือกช่วงที่นั่งบนเครื่องบินได้ในคณะซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขสายการบิน ผู้เดินทางจะต้องเตรียมหลักฐานการจองผ่านโครงการทัวร์เที่ยวไทยเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและสแกนยืนยันสิทธิ์ หากผู้เดินทางไม่ได้แสกนยืนยันสิทธิ์กับเจ้าหน้าที่ บริษัทขอยกเลิกสิทธิ์และเก็บค่าใช้จ่ายค่าทัวร์จำนวนเต็ม

06.00 น.          ออกเดินทางบินลัดฟ้าสู่ หาดใหญ่ โดย สายการบินนกแอร์ (Nok Air) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่ม

*** ในกรณีที่มีการยกเลิกเที่ยวบิน,การเปลี่ยนแปลงเวลาเดินทางของเที่ยวบินหรือจำนวนที่นั่งไม่เพียงพอ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนสายการบิน เป็นสายการบินไลออนแอร์ หรือ สายการบินแอร์เอเชีย ***

07.25 น.          เดินทางถึง สนามบินหาดใหญ่ ให้ท่านรับสัมภาระให้เรียบร้อย ไกด์นำเที่ยวรอท่านอยู่ด้านนอกที่จุดนัดพบ จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่จังหวัดปัตตานี โดยรถตู้ปรับอากาศ *หากต้องการเลือกที่นั่งบนรถมีค่าบริการเพิ่มเติม* (ระยะทาง 118 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง โดยประมาณ) มีบริการอาหารว่างและน้ำดื่มท่านละ 1 ชุด จากนั้นนำท่านชม ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เชื่อกันว่าผู้มาขอพรให้โชคลาภจะได้ผล หรือแม้แต่การค้าขายที่ซบเซาหรือขาดทุนก็กลับรุ่งเรืองขึ้นจนทำให้เกิดความนับถือศรัทธาอย่างมาก ชาวปัตตานีจึงได้นำต้นไม้ที่ลิ้มกอเหนี่ยวผูกคอตายมาแกะสลักเป็นรูปบูชาและรสร้างศาลเจ้าขึ้นสักการะ สำหรับองค์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตาโชคลาภ ค้าขาย ซึ่งเป็นที่นิยมมากราบไหว้ของพรเพื่อเป็นศิริมงคลกับชีวิต

จากนั้นนำท่านชม ชุมชนกือดาจีนอ เป็นภาษามลายู ซึ่งคำว่า กือดา แปลว่า ตลาด ส่วนคำว่า จีนอ แปลว่า จีน เป็นย่านเมืองเก่าที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านการค้าในอดีต เป็นชุมชนที่มีการผสมผสานทางพหุวัฒนธรรม ซึ่งบ้านเรือนในชุมชนจีนแห่งนี้มีความเก่าแก่ส่วนใหญ่มีอายุหลายร้อยปี จากนั้นนำท่านชมด้านนอก บ้านขุนพิทักษ์รายา อาคารบ้านพักกึ้งพานิชย์แห่งนี้สร้างขึ้นมาประมาณปี พ.ศ. 2460 อายุกว่า 100 ปี บ้านขุนพิทักษ์รายาเป็นเรือนแถว 2 ชั้น 2 คูหา 2 ช่วงเสา รูปแบบของตึกแถวมีการประยุกต์ระหว่างสถาปัตยกรรมในท้องถิ่นและสถาปัตยกรรมจีน ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานของชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่จังหวัดปัตตานีและเป็นภาพสะท้อนความเจริญรุ่งเรืองของย่านนี้ อีกทั้งยังมีการบันทึกกล่าวถึงตำแหน่งของบ้านขุนพิทักษ์รายาในสมัยรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสปัตตานี  และมีภาพบ้านขุนพิทักษ์รายาปรากฏอยู่ในภาพถ่ายในช่วงปี พ.ศ.2484 ที่มี​เหตุการณ์​ยก​พล​ขึ้น​บก​ของกอง​ทัพ​ญี่ปุ่น

กลางวัน           บริการอาหารกลางวัน

บ่าย                สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางต่อไปยัง อำเภอเบตง ระหว่างทางนำท่านจอดแวะถ่ายรูปบริเวณ สะพานข้ามเขื่อนบางลาง บริเวณบ้านคอกช้าง อ.ธารโต สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อล่นระยะทางในการเดินทาง จากเดิมที่จะต้องไปตามไหล่เขา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงหมายเลข 410 ยะลา–เบตง เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะพักถ่ายรูปและยืดเส้นยืดสายก่อนจะเดินทางต่อ อำเภอเบตง ตั้งอยู่ใต้สุดฝั่งตะวันตกของประเทศไทย มีเขตแดนติดกับประเทศมาเลเซีย โอบล้อมด้วยแนวเทือกเขาสันการาคีรี ภูมิประเทศของอำเภอเบตง ด้วยภูมิประเทศแบบนี้จึงทำให้เบตงมีอากาศที่ดี อากาศเย็น และมีหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี ดังคำขวัญประจำอำเภอที่ว่า “เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน” คำว่า เบตง มาจากภาษามลายู “Buluh Betong” หมายถึง “ไม้ไผ่ขนาดใหญ่” หรือที่คนในพื้นที่จะรียกไผ่ชนิดนี้ว่า ไผ่ตง ดังนั้นต้นไผ่ตงจึงกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของอำเภอเบตง จากนั้นนำท่านแวะจุดเช็คอินสุดฮิต ให้ท่านอิสระถ่ายรูป ป้ายโอเคเบตง

จากนั้นนำคณะเดินชมจุดเด่นที่ได้รับความนิยมของตัวเมืองเบตงได้แก่ สตรีทอาร์ท หรือ ถนนศิลปะ งานศิลปะที่สะท้อนเรื่องราวและวิถีชีวิตของความเป็นเบตงได้อย่างดี  จุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ผลงานที่งดงามดังกล่าว เกิดจากทาง อ.เบตง จ.ยะลา ได้มีการจัดงาน 111 ปี เล่าขานตำนานเมืองเบตง ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อสร้างหมุดหมายที่แสดงออกถึงวิถีชีวิตของชาวเบตงและ สร้างจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ วงเวียนหอนาฬิกาเบตง และ ตู้ไปรษณีย์โบราณ ในส่วนของตัวหอนาฬิกาสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนขาวที่มีอยู่มากในจังหวัดยะลา หอนาฬิกาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองหรือจะเรียกว่าเป็นสะดือของเมืองเบตงก็ว่าได้ ในเทศกาลต่าง ๆ ที่จัดขึ้น มักจะใช้บริเวณหอนาฬิกานี้เป็นจุดนัดหมายในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ และใกล้ๆ กันนั้นที่อยู่คู่เมืองเบตงมาช้านาน คือ ตู้ไปรษณีย์โบราณ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2482 สูง 2.9 เมตร โดยผู้ที่ดำริแนวคิดคือ นายสงวน จิรจินดา อดีตนายไปรษณีย์โทรเลขเบตง ที่ได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเบตง คนแรก ในปัจจุบันนี้ตู้ไปรษณีย์แห่งนี้ยังเปิดใช้งานได้ และนักท่องเที่ยวมักจะซื้อโปสการ์ด เขียนและส่งจดหมายถึงญาติคนรัก หรือส่งถึงตัวเอง เก็บไว้เป็นความทรงจำ

จากนั้นนำท่านชม อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ อุโมงค์ขนาดใหญ่ที่เจาะผ่านภูเขาเพื่อเชื่อมต่อส่วนขยายของเมืองไปอีกฟากของตัวเมือง อุโมงค์แห่งนี้ยังเป็นอุโมงค์ที่ผู้คนสามารถใช้สัญจรไปมาด้วยรถยนต์แห่งแรกของประเทศไทย ภายในอุโมงค์ตกแต่งประดับประดาด้วยไฟหลากสี เปิดใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2544

ค่ำ                    บริการอาหารค่ำ

ที่พัก GRAND MANDARIN HOTEL หรือ GRANDVIEW LANDMARK HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ 2
สกายวอล์ค ชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง – วัดพุทธาธิวาส – วัดกวนอิม – ป้ายใต้สุดสยาม – อาคารสนามบินเบตง – ศูนย์ผลิตภัณฑ์ของฝากเบตง – ร้านวุ้นดำ (เฉาก๊วย กม.4) – สวนหมื่นบุปผา – อุโมงค์ปิยะมิตร – บ่อน้ำพุร้อน – ศาลาประชาคมเบตง

04.00 น.         นำท่านออกเดินทางไปชม ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ตั้งอยู่ใน ตำบลอัยเยอร์เวง ห่างจากตัวเมืองเบตง 30 กิโลเมตร มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,038 ฟุต จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ขึ้นชื่อในเรื่องของการชมพระอาทิตย์ขึ้น ควบคู่ไปกับการชมทะเลหมอกอันสวยงาม จุดเด่น คือ ไม่ว่าคุณจะมาฤดูไหน หรือช่วงเวลาไหน ท่านก็มีโอกาสที่จะได้เห็นวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าที่เป็นทะเลหมอกตลอดทั้งปี ทะเลหมอกที่ก่อตัวจากผืนป่า ฮาลา–บาลา ทะเลสาบเขื่อนบางลาง รวมถึงสามารถมองไปไกลได้ถึงประเทศมาเลเซียเลยทีเดียว นำท่าน ขึ้นจุดชมวิว Skywalk ชมวิวทิวทัศน์แบบรอบทิศทางแบบ 360 องศา รวมค่าบริการรถขึ้น-ลง จุดจอดรถไปยังสกายวอร์ค (ไม่รวมถุงผ้าครอบรองเท้า 30 บาท) (การเที่ยวชมทะเลหมอก อาจมีการสลับสับเปลี่ยนได้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศเป็นสำคัญ)

เช้า                 บริการอาหารเช้า ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นเดินทางไปยัง วัดพุทธาธิวาส วัดคู่เมืองเบตง เดิมชื่อวัดเบตง ก่อตั้งเมื่อ เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2460 สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย พื้นที่ตั้งวัดเป็นเนินเขาสูงเอียงลาดลงไปทางทิศเหนือ จัดแบ่งพื้นที่วัดออกเป็นชั้นทั้งหมด 5 ชั้น ตั้งเด่นสง่าอยู่บนเนินเขามีพระธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศตั้งโดดเด่นมองเห็นศิลปกรรมแบบศรีวิชัยประยุกต์โดยในองค์มหาธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล

จากนั้นนำท่านสู่ วัดโพธิสัตโตเจ้าแม่กวนอิมเบตง หรือวัดกวนอิมตั้งอยู่บริเวณเนินเขาของสวนสุดสยาม วัดแห่งนี้เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าซึ่งเป็นที่ประดิษฐานขององค์เทพสำคัญๆหลายองค์ อาทิ เจ้าแม่กวนอิม ท่านแป๊ะกง ท่านกวงกง เจ้าแม่จิวหวังเหย่ ยี่หวังต้าตี้ หวาโถ่วเซียนซื่อ ขงจื้อ เป็นต้น มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและมาเลเซียเลื่อมใสศรัทธาเดินทางมาสักการะขอพรเป็นจำนวนมาก ส่วนมากจะขอพพรด้านการมีบุตรและโชคลาภ จากนั้นนำท่านออกเดินทางไปยังบริเวณพรมแดน ไทย – มาเล ฯ จุดผ่านแดนถาวรที่เชื่อมระหว่างสองประเทศ ถ่ายรูปกับ ป้ายใต้สุดสยาม ถือเป็นจุดเช็คอินไฮไลท์อีกหนึ่งจุดว่าท่านได้มาเยือนถึงแนวเขตแดนใต้สุดของประเทศไทย จากนั้นนำท่านแวะชมและถ่ายรูปด้านนอกอาคาร สนามบินเบตง สนามบินเบตงเป็นสนามบินแห่งใหม่ล่าสุดของประเทศไทย ในลำดับที่ 29 ตามสโลแกนที่ว่า “สวรรค์บนดิน สนามบินเบตง” เป็นท่าอากาศยานขนาดเล็กอาคารสนามบินตกแต่งด้วยไม้ไผ่ สะท้อนเอกลักษณ์ท้องถิ่น ซึ่งคำว่า “เบตง” หรือ “บือตง” เป็นภาษาถิ่นมลายู แปลว่า ไม้ไผ่” และกลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของประจำอำเภอเบตง

จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง ร้านของฝากเบตง ให้ท่านได้เลือกซื้อของฝากจากท้องถิ่น เช่น หลินจือเบตง, บัวหิมะเบตง, ชาก๊กโป่ว และชาต้าลี่หวัง เป็นต้น จากนั้นนำท่านสู่ ร้านวุ้นดำ กม.4 ต้นตำหรับอร่อยระดับตำนาน ร้านนี้ยังคงวิธีทำแบบดั้งเดิม ต้มเคี่ยวหญ้าเฉาก๊วยด้วยเตาฟืน จะทำให้มีกลิ่นหอมและมากไปด้วยสรรพคุณทางยา จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังหมู่บ้านปิยะมิตร ๑

เข้าเยี่ยมชม อุโมงค์ปิยะมิตร สถานที่ทางประวัติศาสตร์ ที่ในอดีตเป็นฐานเคลื่อนไหวทางการทหารของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) ว่ากันว่าฐานที่มั่นแห่งนี้เป็นฐานที่มั่นในแนวหลังของสงครามระหว่าง พคม กับ รัฐบาลมาเลเซีย ที่แข็งแกร่งที่สุด เคยถูกทิ้งระเบิดถึง 2 ครั้ง เป็นอุโมงค์ที่ขุดลึกลงไปในชั้นดิน จุดที่ลึกที่สุดมีความลึกถึง 6 เมตร ใช้กำลังคน 60 – 80 คน อุโมงค์มีความกว้าง 50 – 60 ฟุต ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร และมีทางเข้าออกถึง 9 ทาง เชื่อมต่อถึงกันหมด กระจายอยู่รอบ ๆ ภูเขา ภายในอุโมงค์นั้น สามารถจุคนได้มากถึง 400 คน ภายในอุโมงค์มีโรงพยาบาลสนาม ห้องส่งสัญญาณวิทยุระยะไกล ห้องปฏิบัติงานวางแผน ในส่วนของพื้นผิวด้านบนของอุโมงค์มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมหนาทึบ ยากต่อการตรวจหา

กลางวัน          บริการอาหารกลางวัน พิเศษ…เมนูจิ้มจุ่มปลานิลสายน้ำไหลชื่อดังของเบตง

บ่าย               นำท่านชม สวนหมื่นบุปผา หรือ สวนดอกไม้เมืองหนาว ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านปิยะมิตร 2  สวนดอกไม้นี้อยู่ท่ามกลางภูเขา สูงจากระดับทะเลปานกลางราว 800 เมตร มีอากาศเย็นสบายตลอดปี เหมาะสมกับการปลูกไม้ดอกเมืองหนาวนานาชนิด สวนนี้เกิดขึ้นจากโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้พระราชทานนามสวนแห่งนี้ว่า ว่านฮัวหยวน หรือ แปลเป็นไทยว่า สวนหมื่นบุปผา โดยมีการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและสร้างอาชีพให้กับกลุ่มผู้พัฒนาชาติไทยในอดีต สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางกลับแวะพักผ่อนที่ บ่อน้ำพุร้อนเบตง บ่อน้ำพุร้อนเป็นบ่อน้ำแร่ร้อนตามธรรมชาติขนาดใหญ่ประกอบด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย โดยอุณหภูมิของบริเวณจุดตาน้ำนั้นอยู่ที่ 60 – 80 องศาเซลเซียส และนักท่องเที่ยวมักจะทำกิจกรรมครอบครัว คือ นำไข่ไก่ ไข่นกกระทา มาลวก โดยใช้เวลาเพียง 7 นาทีเท่านั้น ไข่ก็สุกพร้อมรับประทาน บริเวณโดยรอบมีการสร้างสระน้ำขนาดใหญ่สำหรับกักน้ำจากน้ำพุร้อนเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ใช้อาบหรือแช่เท้าเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดี

นำท่านเดินทางกลับเข้าสู่ตัวเมืองเบตง จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปบริเวณด้านนอกของอาคาร ศาลาประชาคม ชมหอนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความสูง 9 เมตร ตั้งตระหง่านกับตู้ไปรษณีย์ใหญ่ยักษ์ที่ได้จำลองแบบมาจากของเดิม

ค่ำ                  บริการอาหารค่ำ เมนูพิเศษ ไก่เบตง, เคาหยก และ เมนูท้องถิ่นอีกมากมาย

ที่พัก GRAND MANDARIN HOTEL หรือ GRANDVIEW LANDMARK HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่ 3
สะพานแขวนแตปูซู – ล่องเรือทะเลสาบฮาลาบาลา – เกาะทวด – วัดช้างให้ – หาดใหญ่ – มัสยิดกลางสงขลา – ตลาดกิมหยง

เช้า                บริการอาหารเช้า ห้องอาหารของโรงแรม

สมควรแก่เวลานำคณะเดินทางต่อไปยัง สะพานแขวนแตปูซู แวะถ่ายรูปกับสะพานไม้ สะพานแขวนแห่งนี้ใช้งานมาหลายสิบปี วัตถุประสงค์หลักที่สร้างขึ้นนั้น ในอดีตชาวบ้านใช้ขนถ่ายสินค้าทางการเกษตร เช่น ผลไม้ ยางพารา และใช้สัญจรของชาวสวนในพื้นที่ ตัวสะพานมีความกว้าง 1.8 เมตร ยาว 100 เมตร จากนั้นนำท่านสู่ ท่าเรือตาพะเยา นำท่านล่องเรือชมบรรยากาศทะเลสาบฮาลาบาลา และชมวิถีชีวิตของชาวบ้านริมทะเลสาบ นำท่านแวะชม เกาะทวด เกาะทวด ซึ่งตั้งอยู่กลางทะเลสาบฮาลาบาลา หรือ กลางเขื่อนบางลาง จ.ยะลา โดยนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย และสิงคโปร์ ส่วนใหญ่ จะเดินทางเพื่อมากราบไหว้ ขอพรจากทวดบูเกี๊ยะ และได้โชคลาภจากการขอพร หลายต่อหลายครั้งติดต่อกัน จนนักท่องเที่ยวบางราย ได้สนับสนุน บริจาคทรัพย์ เงินทอง ในการบูรณะจัดสร้างศาลทวดบูเกี๊ยะ ให้มีสภาพที่ดีขึ้น จนกลายเป็นกระแสบอกต่อกัน และทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหล เดินทางเข้ามาเที่ยวชมและขอพรกันแทบทุกวัน

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หาดใหญ่ จากนั้นนำท่านชม วัดช้างให้ หรือ วัดราษฎร์บูรณะ ตั้งอยู่ที่ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ สังกัดคณะสงฆ์ มหานิกาย เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปี ตามตำนานกล่าวว่า พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว จึงได้เสี่ยงอธิฐาน ปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า โดยมีเจ้าเมืองและไพร่พลเดินติดตามไป จนมาถึงวันหนึ่ง ช้างได้หยุดอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง แล้วร้องขึ้นสามครั้ง พระยาแก้มดำจึงได้ถือเป็นนิมิตที่ดี จะใช้บริเวณนั้นสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบ พระยาแก้มคำจึงให้สร้างวัด ณ บริเวณดังกล่าวแทน แล้วให้ชื่อว่า วัดช้างไห้ แล้วนิมนต์พระภิกษุรูปหนึ่ง ที่ชาวบ้านเรียกว่า สมเด็จพะโคะ หรือ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดและอัฐิของท่านก็ถูกบรรจุไว้ที่วัดแห่งนี้ อิสระให้ท่านไหว้พระขอพร หรือเช่าบูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ทวด

กลางวัน        บริการอาหารกลางวัน

บ่าย              จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังอำเภอหาดใหญ่ แวะชมและถ่ายภาพ มัสยิดกลางสงขลา (บริเวณด้านนอก) หรือมีชื่อเต็มว่า “มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม” ศาสนสถานที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมที่สวยสง่าโดดเด่น บริเวณด้านหน้ามีสระน้ำทอดยาวกว่า 200 เมตร แลดูคล้ายกับศาสนสถานทัชมาฮาลที่อินเดีย ให้ท่านได้เลือกช้อปปิ้งตามอัธยาศัย ตลาดกิมหยง เดินชมและเลือกซื้อสินค้าของฝากและของที่ระลึก อาคารพินิชย์สองชั้นแห่งนี้เคยคึกคักมายาวนานหลายสิบปี โดยชั้นบนเป็นร้านขายสินค้าทั่วไป ชั้นล่างเป็นตลาดขายของแห้ง และขนมนานาชนิด ให้ท่านได้เลือกซื้อ ผลิตภัณฑ์สินค้าในราคาย่อมเยา

ค่ำ                อิสระอาหารค่ำ ให้ท่านได้เลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย

ที่พัก GOLDEN GROWN GRAND HOTEL หรือ B.P. GRAND HOTEL ระดับ 3 ดาว หรือ ระดับเทียบเท่า

วันที่ 4
หาดใหญ่ – ย่านเมืองเก่าสงขลา – ย่านโรงสีแดง – เขาตังกวน (ลิฟฟ์) – หาดหาดสมิหลา – สนามบินหาดใหญ่ ดอนเมือง, กรุงเทพฯ

เช้า                   บริการอาหารเช้า ห้องอาหารโรงแรม หรือ ร้านภายนอกโรงแรม

09.00 น.          จากนั้นนำท่านออกเดินทางไปยังเมืองสงขลา นำท่านเดินชม ย่านเมืองเก่าสงขลา ซึ่งมีถนนสายสำคัญ 3 สายหลักๆ คือ ถนนนครนอก ถนนนครใน และ ถนนนางงาม ถนนที่ประกอบไปด้วยอาคารและสถาปัตยกรรมที่ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ มีห้องแถวไม้แบบจีน ตึกคลาสสิคสไตล์ ชิโนโปรตุกีส และยังมีอาคารตึกแถวแบบจีนโบราณของชาวจีนฮกเกี้ยนเรียงรายทั้งสองฟากฝั่งถนน แม้อาคารหลายหลังมีการปรับปรุงทาสีใหม่ แต่ยังคงไว้ซึ่งโครงสร้างเดิม ตึกและอาคารย่านเมืองเก่าสงขลาถือว่าเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราววิถีชีวิตและความเป็นมาของชาวสงขลา นอกจากนี้ตามอาคารบ้านเรือนบางหลังยังมีภาพสตรีทอาร์ท และ โรงสี หับ โห้ หิ้น อายุนับ 100 ปี ที่อยู่คู่มากับย่านเมืองเก่า ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกันอีกด้วย

สมควรแก่เวลาเดินทางต่อไปยัง เขาตังกวน (รวมค่าเคเบิลคาร์) ขึ้นไปยังจุดชมวิวบนยอดเขา บริเวณยอดเขาตังกวนนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองสงขลาได้โดยรอบอาณาบริเวณ ประกอบด้วย ลานชมวิว ประภาคาร ศาลาวิหารแดง และเจดีย์พระธาตุเมืองสงขลา นั่งพักผ่อนชมวิวตัวเมืองสงขลา และทะเลสาบสงขลารวมทั้งหาดสมิหลา สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางลงจากยอดเขาตังกวน สมควรแก่เวลาเดินทางต่อไปยังบริเวณชายหาด แหลมสมิหลา ชายหาดที่ทอดยาวต่อเนื่องมาจากหาดสมิหลา มีแนวต้นสน ให้ความร่มรื่นยาวตลอดหาด มองออกไปจะเห็นเกาะหนู เกาะแมว หนึ่งสัญลักษณ์ที่เป็นตำนานกล่าวขานถึงที่มาที่ไป พักผ่อนกับกิจกรรมถ่ายรูปกับนางเงือก วาดภาพสีน้ำ หรือ ระบายสีปูนพลาสเตอร์

สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่สนามบินหาดใหญ่ มีบริการอาหารว่างและน้ำดื่ม ท่านละ 1 ชุด

15.00 น.           ออกเดินทางบินลัดฟ้ากลับสู่ สนามบินดอนเมือง โดย สายการบินนกแอร์ (Nok Air) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่ม

*** ในกรณีที่มีการยกเลิกเที่ยวบิน,การเปลี่ยนแปลงเวลาเดินทางของเที่ยวบินหรือจำนวนที่นั่งไม่เพียงพอ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนสายการบิน เป็นสายการบินไลออนแอร์ หรือ สายการบินแอร์เอเชีย ***

16.25 น.          เดินทางถึง สนามบินดอนเมือง โดยสวัสดิภาพ พร้อมด้วยความประทับใจ

เงื่อนไข

อัตราค่าบริการนี้รวม

  • ค่าบัตรโดยสารชั้นประหยัดพิเศษเดินทางไปกลับตามเส้นทางและวันที่ระบุในรายการ
  • สัมภาระขึ้นเครื่องท่านละไม่เกิน 7 กิโลกรัม
  • ค่าน้ำหนักสัมภาระโหลดใต้เครื่อง ท่านละ 10 กิโลกรัม ไป – กลับ 1 ชิ้น
  • ค่ารถนำเที่ยวตามรายการที่ระบุ
  • ค่าที่พักระดับ 4 ดาว 2 คืน และ 3 ดาว 1 คืน พักห้องละ 2 หรือ 3 ท่าน กรณีมาไม่ครบคู่และไม่ต้องการเพิ่มเงินพักห้องเดี่ยว
    – กรณีที่เดินทาง 3 ท่าน พักห้องเดียวกัน และหากในวันเวลาดังกล่าวห้องพักแบบเตียงคู่มีไม่เพียงพอ ทางบริษัทจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นเตียงเดี่ยว 1 (DBL) และเตียงเสริม 1 เตียง (เตียงพับ เตียงสปริง)
  • ค่าอาหารตามที่ระบุในรายการ (ทางบริษัทสงวนสิทธิในการสลับมื้อหรือเปลี่ยนแปลงเมนูอาหารตามสถานการณ์)
  • ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามที่ระบุในรายการ
  • ค่าประกันชีวิตกรณีอุบัติเหตุในระหว่างการเดินทาง คุ้มครองในวงเงินไม่เกินท่านละ 1,000,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลกรณีอุบัติเหตุในวงเงินไม่เกิน ท่านละ 500,000 บาท (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์)
  • ค่ามัคคุเทศก์ท้องถิ่นชำนาญเส้นทาง
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%

อัตราค่าบริการนี้ไม่รวม

  • ค่าอาหารบนเครื่องบิน, ค่าเลือกที่นั่งบนเครื่องบิน
  • ค่าบริการโหลดกระเป๋าส่วนเกิน 20 กก.
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนอกเหนือจากรายการที่ระบุ เช่น ค่าเครื่องดื่มและค่าอาหารที่สั่งเพิ่ม ค่าซักรีด, ฯลฯ
  • ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากความล่าช้าของสายการบิน,อุบัติภัยทางธรรมชาติ, โรคระบาด, การประท้วง, การจลาจล, การนัดหยุดงาน, การถูกปฏิเสธไม่ให้ออกและเข้าเมืองจากเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องซึ่งอยู่นอกเหนือความควบคุมของบริษัทฯ
  • ค่าทิปไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถ 400 บาท /ทริป/ท่าน (เด็กจ่ายเท่ากันกับผู้ใหญ่)
  • ค่าเลือกที่นั่งบนรถตู้นำเที่ยว

เงื่อนไขการสำรองที่นั่งและการยกเลิก

เงื่อนไขการสำรองที่นั่ง

  • ส่ง สำเนาบัตรประชาชน พร้อมชำระเงินผ่านโครงการทัวร์เที่ยวไทย ตัวสะกด ชื่อ สกุล ภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษชัดเจน ต้องไม่มีเส้นขีดคร่อมอย่างใดอย่างหนึ่งบนบัตร ดังที่กล่าวมา (สำคัญกับการออกตั๋วโดยสาร)
  • บัตรประชาชนตัวจริง ไปในวันเดินทาง
  • หลักฐานแสดงการรับวัคซีนป้องกันโรค COVID -19 และเอกสารอื่นๆ ตามคำสั่งประกาศของ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เงื่อนไขการยกเลิก

***เมื่อท่านได้ชำระเงินแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการเดินทางได้ (กรณียกเลิกการจองรายการนำเที่ยว ก่อนชำระเงินเท่านั้นแต่การยกเลิกกรณีเหตุสุดวิสัย หรือมีเหตุการณ์ที่ไม่สามารถเดินทางได้ (เช่น โรคระบาด, ศบค.สั่งระงับการเดินทางฯ) ทางบริษัทฯ ทัวร์ จะต้องคืนเงินให้กับนักท่องเที่ยวที่จ่าย 60% มาแล้วกับบริษัททัวร์ ตามหลักการ “ยกเลิกทัวร์” เป็นไปตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์***

Share on social networks
โปรแกรมทัวร์ที่น่าสนใจ
  • มี.ค.66 - มิ.ย.66
  • 3 วัน 2 คืน
เริ่มต้น 9,977 บาท
  • มิ.ย.65 - ธ.ค.65
  • 4 วัน 3 คืน
เริ่มต้น 15,999 บาท
  • ก.ค.65 - ธ.ค.65
  • 4 วัน 3 คืน
เริ่มต้น 12,999 บาท