17.30 น. : คณะผู้เดินทางพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 7 เคาน์เตอร์ P สายการบินการ์ต้า แอร์เวย์ QR เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระและบัตรที่นั่งขึ้นเครื่อง
19.40 น. : ออกเดินทางสู่ มิลาน โดยสายการบินการ์ต้า แอร์เวย์สายการบินระดับ 5 ดาว ด้วยเที่ยวบินที่ QR981 ( 19.40 น. – 22.50 น.) / QR123 (01.15 น. – 06.35 น. ) แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินโดฮา ประเทศการ์ต้า ä บริการอาหารและเครื่องดื่มตลอดเที่ยวบิน
06.35 น. : เดินทางถึง สนามบินนานาชาติมิลานประเทศอิตาลี นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและด่านศุลกากรเรียบร้อยแล้ว รถโค้ชปรับอากาศมาตรฐานยุโรป นำท่านเดินทางไปยัง เมืองมิลาน เป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์เดีย และเป็นเมืองสำคัญในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลอมบาร์ดี มีชื่อเสียงในด้านแฟชั่นและศิลปะ ซึ่งมิลานถูกจัดให้เป็นเมืองแฟชั่นในลักษณะเดียวกับ นิวยอร์ก ปารีส ลอนดอน และ โรม นอกจากนี้มิลานยังเป็นที่รู้จักจากประเพณีคริสต์มาสที่เรียกว่า ปาเนตโตเน (Panettone) อุตสาหกรรม ผ้าไหม และแหล่งผลิตรถยนต์ อัลฟา โรมีโอ รวมไปถึงสโมสรฟุตบอลอินเตอร์มิลาน และ สโมสรฟุตบอลเอซีมิลาน ถ่ายรูปกับ มหาวิหารแห่งมิลาน เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองมิลาน (ประมาณ 52 กม.) และเป็นวิหารหินอ่อนสถาปัตยกรรมโกธิกที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งใช้เวลาสร้างนานถึง 500 ปี ลักษณะเด่นของวิหารที่นอกเหนือจากความวิจิตรงดงามแล้วยังประดับประดาไปด้วยรูปั้นนับกว่า 3000 รูป ที่สวยงามไม่แพ้กัน
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 1)
บ่าย : จากนั้นนำท่านเดินทางลัดเลาะริมทะเลสาบต่อไปยังเมืองซีร์มิโอเน่ (SIRMIONE) เมือง Unseen ของประเทศอิตาลี (ประมาณ 135 กม.) เป็นเมืองเก่าแก่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี ตัวเมืองซีร์มิโอเน่จึงถูกล้อมรอบด้วยทะเลสาบทั้งสองด้าน และถึงแม้ซีร์มิโอเน่จะเป็นแค่เมืองเล็ก ๆ แต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี นอกจากนี้เมืองนี้ยังมีชื่อเสียงเรื่องน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ผุดขึ้นมาจากใต้ทะเลสาบ ซึ่งถูกค้นพบโดยชาวโรมันตั้งแต่เมื่อ 2,000 ปีที่ผ่านมา เชื่อกันว่าเป็นน้ำพุร้อนที่มีอุณหภูมิถึง 69 องศาเซลเซียสและอุดมไปด้วยแร่ธาตุกำมะถัน ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่สำคัญในการใช้รักษาโรคของชาวโรมันในสมัยนั้น อิสระให้ท่านได้เดินเล่นในย่านเมืองเก่าพร้อมชมวิวทะเลสาบตัดกับเทือกเขาหิมะเป็นฉากหลังเป็นภาพที่จะตราตรึงท่านตลอดไป
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (อาหารพื้นเมือง) (มื้อที่ 2)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 3)
หลังอาหารเช้านำท่านล่องเรือทะเลสาบการ์ดา (GARDA LAKE) ทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอิตาลี ชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ ของทะเลสาบน้ำจืด ที่เกิดจากน้ำแข็งละลายจากเทือกเขาแอลป์ ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองเทรนโต (TRENTO) เมืองหลวงของ Trentino Alto Adige ซึ่งเป็นพื้นที่ของอิตาลีที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของคาบสมุทรด้วยภูมิศาสตร์ระดับภูมิภาคของหุบเขา ภูเขา แม่น้ำ และทะเลสาบนักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับทั้งความเป็นป่าและความมีชีวิตชีวาของศิลปะ
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 4)
บ่าย : จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโบลซาโน (BOLZANO) (ประมาณ 52 กม.) เมืองที่ถือว่าเป็นประตูสู่อุทยานแห่งชาติโดโลไมต์ โบลซาโนเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคทีโรลใต้ (South Tyrol) ซึ่งล้อมรอบด้วยแม่น้ำ ที่นี่แม่น้ำ Talvera จะไหลลงไปในแม่น้ำ Israco และมารวมกันเป็นแม่น้ำ Adige เนินเขาที่เป็นป่า ทุ่งหญ้า ไร่องุ่นและเทือกเขา Dolomites ในทางทิศตะวันออกนั้นเหมาะกับการพักผ่อนแบบผ่อนคลายอย่างยิ่ง ชม เมืองเก่า วิหาร โบสถ์ Chiesa dei Domenicani และอนุสาวรีย์ที่จัตุรัสกลางเมือง Piazza delle Erbe แถบถนนคนเดิน Piazza Walther และย่านอาเขตโบลซาโน
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 5)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 6)
นำท่านเดินทางสู่เมืองเล็ก ๆ แต่แฝงด้วยมนต์เสน่ห์แห่งขุนเขาโดโลไมต์ ท่านจะได้ชมวิวสองข้างทางระหว่างการเดินทางสู่ หมู่บ้านซานตาแมดเดเลนา ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา FUnes โดยมีกลุ่มเขาโอเดลตั้งอยู่เป็นฉากหลัง ท่านจะได้ชมความงามของ Church of Santa Magdalena นำท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองออร์ติเซ่ (ORTISEI) (ประมาณ 41 กม.) เมืองแห่งศูนย์กลางของการท่องเที่ยวในแถบอุทยานแห่งชาติโดโลไมต์ที่อยู่ในหุบเขา มีเทือกเขาล้อมรอบสวยงามยิ่งนัก ระหว่างทางท่านจะได้เพลิดเพลินกับอากาศอันบริสุทธิ์ ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดเส้นทาง ไปยังจุดบริการกระเช้าขึ้นสู่บนเนินเขา
นำท่านนั่งกระเช้าเพื่อขึ้นไปชมความงามของ ยอดเขา Seceda เพื่อชมวิวทิวทัศน์บนทุ่งหญ้าราบเลียบบนภูเขา ท่านจะได้ชมยอดเขาแหลมเหมือนฟันฉลาม ซึ่งก็คือกลุ่มยอดเขา Odel group หรือ Geisler group อีกมุมหนึ่งซึ่งเป็นยอดเขาเลื่องชื่อที่นักท่องเที่ยวจะต้องมาเยือน ด้วยความแปลกเหมือนแผ่นหินเอียงๆเฉียงๆ จากบนนี้มีทางเทรคกิ้งหลากหลายเส้นทางขึ้นไปสู่ยอดอื่นๆ ด้วย ที่ยอดมีจุดให้ชมวิวมุมกว้าง และเดินปีนเขาต่อไปยังจุดไฮไลท์ของ Seceda ซึ่งจุดนี้จะเห็นยอดเนินคล้ายเปลวไฟที่แข็งเป็นหิน จึงมีคนตั้งสมญานามว่า “Flame frozen in stone” อิสระให้ท่านเดินเล่นลัดเลาะสู่จุดชมวิวต่าง ๆ เดินเล่นถ่ายรูปตามอัธยาศัย หมายเหตุ: การนั่งกระเช้า หากมีปัญหาสภาพอากาศหรือมีเหตุขัดข้องทำให้ไม่สามารถขึ้นชมได้ ทางบริษัทของดรายการการนั่งกระเช้าเพื่อความปลอดภัย และพาเที่ยวรายการอื่นทดแทน
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 7)
บ่าย : นำท่านเดินทางผ่านเมืองเทรนโต เพื่อเข้าสู่ เมืองพาร์มา หรือ ปาร์มา (PARMA) (ประมาณ 317 กม.) หนึ่งเมืองในเขตแคว้นเอมิเลียโรมัญญา มีชื่อเสียงในด้านการผลิตแฮม, ชีส ต้นกำเนิดของพาร์มาแฮมที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกและยังมีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมและเป็นที่ตั้งของสโมสรฟุตบอลพาร์ม่า
ค่ำ : รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 8)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 9)
นำท่านเดินทางสู่ เมืองซาน จิมิญญาโน่ (San Gimignano) (ประมาณ 234 กม.) ชมบ้านเรือนอาคารหลากสีสันที่ตั้งอยู่บนเนินเขา เข้าสู่เขตเมืองเก่าแก่ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง ตัวเมืองตั้งอยู่บนเนินเขาล้อมรอบไปด้วยกำแพงสูงที่เป็นปราการป้องกันข้าศึกมาตั้งแต่สมัยโบราณ เมื่อเดินผ่านประตูเมืองเข้ามาแล้วจะเห็นถนนและอาคารสูงในสไตล์โรมาเนสก์และโกธิคที่เรียงรายไปตามเส้นทางถนนที่สูงขึ้นไปด้านบนจนบรรจบกับจัตุรัสใจกลางเมือง จัตุรัสเดลล่าซิสเทอน่า (Piazza Della Cisterna) ที่ใจกลางจัตุรัสเราจะได้เห็นบ่อน้ำที่เป็นแหล่งน้ำสำคัญของเมืองในยุคอดีต เมืองซานจีมิญญาโนมักถูกเรียกว่าเป็นเมืองแห่งหอคอย (The Town of Fine Towers) เพราะไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของเมืองเราก็จะมองเห็นหอคอยสูงที่มีอยู่มากถึง 14 แห่ง ซึ่งเป็นส่วนที่หลงเหลือได้รับการดูแลรักษาถึงปัจจุบัน
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 10)
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองเซียน่า (ประมาณ 41 กม.) เมืองสวยแห่งทัศคานี นำท่านเยี่ยมชมจัตุรัสเปียซซ่า เดล คัมโป ที่ได้ชื่อว่าสวยแปลกตาเพราะมีรูปทรงเป็นรูปพัด ลาดเอียงแบบขั้นบันได ตั้งอยู่ด้านหน้าศาลาว่าการเมืองเซียน่า เดินเล่นชมเมืองบ้านเรือนต่าง ๆ ถึงแม้ดูเก่าแก่แต่ยังคงถูกใช้งานเป็นที่อยู่อาศัยและร้านค้า มีศาลากลางจังหวัดสไตล์โกธิค น้ำพุเกีย โบสถ์พระแม่นิรมล ที่นี่มีเทศกาลพาลิโอแสดงในชุดพื้นเมืองทุกปีมีชื่อเสียงมาก
นำท่านชม โบสถ์เซนต์แคทเทอรีนแห่งเซียน่า สถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ใหญ่เมืองเซียน่า มีความงดงามทั้งด้านหน้าและด้านใน ภายในประดับด้วยหินอ่อนลวดลายดำสลับขาวแบบศิลปะแบบเซียน่า งานจิตรกรรมภาพฝาผนังและฉากชีวิตของนักบุญแคทเธอรีนต่าง ๆ สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1347 เพื่ออุทิศแก่นักบุญหญิงเซ็นต์แคทเทอลีน่า ที่เป็นทั้งนักปรัชญา นักวิชาการ นักศาสนาศาสตร์ นักปฏิรูปพระสงฆ์และการบริหารงาน และแพทย์ของโบสถ์ในปี ค.ศ.1970 เธอทุ่มเทอุทิศช่วยเหลือผู้ป่วยและคนจน รวมทั้งเป็นผู้อุปการะสตรีของอเมริกันคาทอลิก เธอถือเป็น 1 ใน 2 ของนักบุญอุปถัมภ์ของอิตาลีที่ได้รับการยกย่อง ได้เวลาอันสมควรเดินทางสู่เมือง เคียนเซียโน่ เทอร์เม (CHIANCIANO TERME) หนึ่งในเมืองพักผ่อนตากอากาศชื่อดังของคนอิตาเลียน
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 11)
เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 12)
นำท่านเข้าสู่ กรุงโรม (ประมาณ 234 กม.) เมืองหลวงของประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซิโอ มีทั้งความเก่าและความใหม่ซ้อนแทรกอยู่ด้วยกันแทบจะแยกไม่ออก โรมเป็นศูนย์กลางของความเจริญในยุคโบราณ และอาณาจักรโรมันได้แผ่ขยายออกไปทุกทิศทุกทางชนิดที่มีคำกล่าวว่า “ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม” จากนั้นคณะแวะถ่ายรูปที่ระลึกด้านหน้า สนามกีฬาโคลอสเซี่ยม โบราณสถานเก่าแก่ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เคยเป็นสนามกีฬายักษ์ที่สามารถจุคนได้กว่า 50,000 คน การออกแบบอย่างชาญฉลาดสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้เข้าชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาในปัจจุบัน จากนั้นให้ ท่านถ่ายภายคู่กับประตูชัยคอนสแตนติน สัญลักษณ์แห่งชัยชนะ
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 13)
บ่าย : นำท่านชม วิหารแพนเธออน เป็นสถาปัตยกรรมสำคัญ สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิมาร์คุส วิบซานิอุส อะกริบปา จุดมุ่งหมายในการสร้างไม่ชัดเจนต่อมามีการสร้างใหม่ในสมัยจักรพรรดิฮาเดรียน ใน ค.ศ. 126 และซ่อมใหญ่ในปี ค.ศ. 202 จากนั้นนำท่านชม น้ำพุเทรวี่ เป็นน้ำพุที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ชื่อ “เทรวี่”
จากนั้นให้คณะได้ถ่ายรูปภาพคู่ บันไดสเปน เป็นบันไดในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลี ชื่อ Francesco de Sanctis เชื่อมระหว่าง Piazza di Spagna และ Piazza Trinità dei Monti เป็นบันไดที่กว้างที่สุดและยาวที่สุดในทวีปยุโรป มีขั้นบันไดทั้งหมด 138 ขั้น ใช้สำหรับเดินเล่นหรือเลือกซื้อสินค้าต่างๆ ที่ย่านบันไดสเปน นับว่าเป็นแหล่งพักผ่อนของชาวอิตาลีและนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ
ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่ 14)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 15)
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ นครรัฐวาติกัน รัฐอิสระที่ปกครองตนเองเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก นำท่านเข้าชมภายใน มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ สถาปัตยกรรมล้ำค่าที่สุดแห่งหนึ่งของโลกซึ่งตกแต่งอย่างโอ่อ่าหรูหรา ชมรูปปั้นแกะสลัก “เพียต้า” ผลงานของศิลปินเอก ไมเคิลแองเจโล เสาพลับพลาที่ออกแบบโดย เบอร์นินี และยอดโดมขนาดใหญ่ซึ่งปัจจุบันเป็นสิ่งล้ำค่าคู่บ้านคู่เมืองของอิตาลีจากนั้น นำท่านออกเดินทางสู่ Castel Romano Designer Outlet อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าในเครือ McArthurGlen Outlet ไม่ว่าจะเป็น BURBERRY, MS SIXTY, GEOX, GALLO, DOCKSTEPS, HUGO BOSS, SAMSONITE, NIKE FACTORY, ROBERTO CAVALLI, VALENTINO, STEFANEL, QUICKSILVER, LINDT, LEVI’S DOCKERS, SALVATORE FERRAGAMO, BALDININI และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อช้อปปิ้งตามอัธยาศัย จนกระทั่งได้เวลานัดหมายนำท่านเดินทางสู่สนามบิน ลีโอนาร์โด้ ดาวินชี่
23.05 น. : คณะอำลากรุงโรมประเทศอิตาลีออกเดินทางสู่กรุงเทพมหานคร ด้วยเที่ยวบิน QR 114 ( 23.05 น. – 05.35 น.) / QR 832 ( 08.15 น. – 19.00 น. ) แวะเปลี่ยนเครื่องที่กรุงโดฮา ประเทศการ์ต้า
19.00 น. : เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความสวัสดี…พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม
หมายเหตุ