08.00 น. : คณะเดินทางถึง สนามบินอุดรธานี รับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับคณะที่จุดนัดหมาย รับประทานอาหารเช้า แบบ SET BOX (มื้อที่ 1) จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว จังหวัดหนองคาย
09.30 น. : เดินทางถึงสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ตม.ไทย เพื่อเดินทางออกจากประเทศไทย เดินทางเข้าด่านข้าม สะพานมิตรภาพไทย-ลาว ถึงด่านลาว ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ตม. สปป.ลาว จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ตัวเมือง นครหลวงเวียงจันทน์
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (มื้อที่ 2)
บ่าย : นำคณะชม ประตูชัย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะและอธิปไตยของลาว เข้าชม อนุสาวรีย์พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช นมัสการพระธาตุหลวง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเวียงจันทร์ ชมศิลปะแบบล้านช้าง เลือกชมของพื้นบ้านแม่ค้าชาวลาวนำมาจำหน่าย จากนั้นนำคณะเดินทางสู่สถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูงขบวนล้านช้าง EMU จากนครหลวงเวียงจันทร์สู่เมืองหลวงพระบาง นำท่านเดินทางสู่ที่พัก ã โรงแรม The Grand Luang Prabang Hotel ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
เย็น : รับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารท้องถิ่น อาหารพื้นเมืองของหลวงพระบาง (มื้อที่ 3) หลังอาหารอิสระเดินเที่ยวชมสินค้า ตลาดมืดหลวงพระบาง มีสินค้าพื้นเมือง และของที่ระลึกต่างๆ ที่วางขายเต็มท้องถนนเมืองหลวงพระบาง อิสระตามอัธยาศัย
05.30 น. : เชิญท่านร่วมทำบุญใส่บาตรข้าวเหนียวพร้อมกับประชาชนชาวหลวงพระบางในตอนเช้า พระสงฆ์และสามเณรจากวัดต่างๆจะเดินออกบิณฑบาตเป็นแถวนับร้อยรูป ซึ่งเป็นภาพอันน่าประทับใจและสื่อถึงความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาของชาวหลวงพระบาง นำท่านชม ตลาดเช้าเมืองหลวงพระบาง ซึ่งเป็นตลาดจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองท่านสามารถเลือกซื้อเลือกชมเช่นของป่าแบบฉบับชาวลาว ซึ่งยังคงรักษาวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมไว้ แวะทานปาท่องโก๋ + กาแฟโบราณ ร้านประชานิยม สัมผัสรสชาติดั้งเดิม จากนั้นกลับสู่โรงแรม
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 4)
นำท่านชม วัดเชียงทอง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2101-2103 ในสมัยของ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์ผู้เคยปกครองทั้งล้านนาและล้านช้าง โดยวัดแห่งนี้สร้างขึ้นก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่ เวียงจันทน์ วัดแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนเป็น วัดประตูเมือง และเป็นท่าเทียบเรือทางเหนือของตัวเมือง เนื่องจากตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำโขงนั่นเอง จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2430 วัดแห่งนี้ก็ได้รอดพ้นจากภัยอัคคีในสงครามปราบฮ่อ เมื่อครั้งฮ่อบุกเผาทำลายตัวเมืองมาได้ และยังสามารถอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมแห่งนี้เอาไว้ได้มาจนถึงปัจจุบัน
ไฮไลท์ วัดเชียงทอง สิม หรือ อุโบสถของวัดเชียงทองถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นสิมที่สะท้อนศิลปะล้านช้างออกมาได้อย่างชัดเจน เห็นได้จาก หลังคาแอ่นโค้ง ลาดต่ำลงมาซ้อนกันอยู่สามชั้น ส่วนกลางของหลังคามีเครื่องยอดสีทองชาวลาวเรียกว่าช่อฟ้า ประกอบด้วย 17 ช่อ แสดงให้เห็นว่าเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์สร้าง เพราะหากเป็นวัดสามัญทั่วไปแล้วจะมีช่อฟ้าเพียง 1-7 ช่อเท่านั้น ส่วนหน้าบัน หรือที่ชาวลาวเรียกว่า โหง่ ประดับตกแต่งด้วยเศียรนาคและลวดลายเกี่ยวกับศาสนาพุทธ อีกหนึ่งไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ก็คือ หอพระม่าน ที่ประดิษฐาน พระม่าน 1 ใน 3 พระพุทธรูปสำคัญของเมืองหลวงพระบางนั่นเอง นอกจากนี้ก็ยังมี หอพระพุทธไสยาสน์ ผนังด้านนอกทาพื้นเป็นสีชมพูกุหลาบ ตกแต่งด้วยกระจกสีเป็นลวดลายสวยงาม บอกเล่าถึงนิทานพื้นบ้านที่มีคำสอนเกี่ยวกับธรรมะไว้เตือนสติผู้คน เป็นผลงานที่ทรงคุณค่าไม่แพ้กับจุดอื่นๆ ในวัดเลย ใครที่มีโอกาสได้มาเที่ยวหลวงพระบาง วัดเชียงทอง ถือเป็นสถานที่สำคัญที่ควรมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลสักครั้งในชีวิต
นำท่านเดินทางไป หมู่บ้านซ่างไห เป็นชุมชมที่ขึ้นชื่อเรื่องการกลั่นเหล้าแบบดั้งเดิมของชาวลาว มีรสชาติร้อนแรง สีเหล้าใสบริสุทธิ์ ไร้มลทิน แบบที่เรียกว่า “ใสเป็นตาตั๊กแตน”เพื่อลงเรือเดินทางชมวิวทิวทัศน์ สองฝั่งแม่นํ้าโขง
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ หมู่บ้านปากอู ประเภทปลานํ้าโขง(ตามฤดูกาล)
บ่าย : นำท่านชม ถํ้าติ่ง ซึ่งเป็นถํ้าอยู่บนหน้าผาริมแม่นํ้าโขงมีอยู่ 2 ถํ้า คือ ถํ้าล่างและถํ้าบน ถํ้าติ่งลุ่ม หรือ ถํ้าล่างสูง 60 เมตรจากพื้นนํ้า มีลักษณะเป็นโพรงนํ้าตื้นๆ มีหินงอกหินย้อย มีพระพุทธรูปไม้จำนวน 2,500 องค์ ส่วนใหญ่จะเป็นพระยืน มีทั้งปางประทานพร และปางห้ามญาติ ถํ้าติ่งบน จะไปทางแยกซ้ายเดินขึ้นบันไดไป 218 ขั้น ปากถํ้าไม่ลึกมากมีพระพุทธรูปอยู่ในถํ้าแต่ไม่มากเท่าถํ้าล่างสมัยโบราณเป็นที่สักการะบวงสรวงดวงวิญญาณ ผีฟ้า ผีแถน เทวดาผาติ่ง ต่อมาพระเจ้าโพธิสารทรงเลื่อมใสพระพุทธศาสนาเป็นผู้นำพระพุทธรูปเข้ามา และจึงทรงใช้ถํ้าติ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนา
นำท่านชม นํ้าตกตาดกวางสี ห่างจากเมืองหลวงพระบางประมาณ 30 กม.ผ่านหมู่บ้านชนบทริมสองข้างทาง ชมความงดงามของนํ้าตก ซึ่งเป็นนํ้าตกที่สูงราว 70-80 เมตร ถือเป็นนํ้าตกที่สวยที่สุดในหลวงพระบาง โดยมีสายนํ้าที่ลดหลั่นผ่านชั้นหินปูนลงสู่แอ่งนํ้าที่สดใส มีทางเดินลัดเลาะขึ้นไปสู่ชั้นบนเพื่อชมความงามอีกมุมหนึ่งของนํ้าตก อิสระให้ท่านดื่มดํ่ากับธรรมชาติ เล่นนํ้า บันทึกภาพอันประทับใจ
นำท่านขึ้นสู่ เขาพระธาตุพูสี ขึ้นบันได 328 ขั้น เชิญนมัสการธาตุพูสี เจดีย์ธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวหลวงพระบาง ตลอดทางขึ้นท่านจะได้รับกลิ่นหอมจากดอกจำปาลาว ดอกไม้ประจำชาติลาว เมื่อท่านถึงยอดให้ท่านนมัสการองค์พระธาตุ ซึ่งสร้างในสมัยพระเจ้าอนุรุท เมื่อปี พ.ศ.2337 พระธาตุเป็นรูปทรงดอกบัว อยู่บนฐานสี่เหลี่ยมยอดประดับด้วยเศวตฉัตรทองสำริด 7 ชั้น สูงประมาณ 21 เมตร ชมพระอาทิตย์ยามอัสดง วิวทิวทัศน์รอบเมืองหลวงพระบางยามเย็น
เย็น : รับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารท้องถิ่น อาหารพื้นเมืองของหลวงพระบาง (มื้อที่ 6)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 7) นำท่านชม วัดวิชุนราช สร้างในสมัยพระเจ้าวิชุนราช (พ.ศ. 2046) นับเป็นอีกหนึ่งพระธาตุที่ชาวหลวงพระบางให้ความนับถือ ซึ่งเป็นพระธาตุที่มีรูปทรงคล้ายกับลูกแตงโมผ่าครึ่ง
นำท่านชม หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง หรือ หอคำ เดิมคือพระราชวังของเจ้ามหาชีวิตหลวงพระบาง จึงเรียกอีกชื่อว่า วังเจ้ามหาชีวิต สร้างเมื่อ พ.ศ. 2447 ในสมัยสมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวงศ์ สืบทอดต่อมาถึงสมัยสมเด็จพระเจ้าศรีสว่างวัฒนา พระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายของลาว ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส แต่เป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นฝรั่งเศสและลาวในตัวพระราชวัง ต่อมาปรับให้เป็นหอพิพิธภัณฑ์หลวง เมื่อ พ.ศ. 2519 โดยใช้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงโบราณวัตถุและของมีค่า เช่น บัลลังก์ ธรรมาสน์ เครื่องสูงและราชูปโภคของเจ้าชีวิต พระพุทธรูป และวัตถุโบราณ รวมถึงของขวัญจากต่างประเทศ
นำท่านกราบสักการะ พระบาง ณ หอพระบาง เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของเมืองหลวงพระบาง เป็นพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ตามศิลปะแบบเขมรแบบบายน สูงประมาณ 1.14 เมตร หล่อด้วยทองสำริด อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าไว้ในองค์พระ 5 แห่ง คือ พระศอ พระนลาฏ พระชานุ พระอุระ ข้อพระกรทั้งสองข้าง
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (มื้อที่ 8)
นำท่านเดินทางออกจาก หลวงพระบางด้วยรถไฟความเร็วสูง สู่เมืองวังเวียง (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) นำท่านเที่ยว ชม ถ้ำจัง ภายในถ้ำอากาศเย็นสบาย คำว่า “จัง” ในที่นี้หมายถึง หนาวเย็นจนตัวสั่นอาการ “จัง” หรือหนาวเย็นจนตัวแข็ง เมื่อเดินภายในถ้ำท่านจะสัมผัสอากาศเย็นแบบที่ไม่เคยเที่ยวถ้ำที่ไหนมาก่อน ยิ่งเดินเข้าไปด้านในยิ่งเย็น คำว่า ถ้ำจัง มีอีกความหมายหนึ่งคือ ในสมัยศตวรรษที่ 19 ถ้ำนี้ถูกใช้เพื่อเป็นที่หลบซ่อนการปล้นสะดมของชาวจีนฮ่อ คำว่า “จัง” ในที่นี่จึงมีความหมายว่า “อดทน” กลายเป็นชื่อถ้ำในปัจจุบัน เมื่อเดินเข้าไปด้านในนอกจากได้สัมผัสอากาศเย็นเหมือนติดแอร์ตลอดทางเดินแล้ว ภายในจะมีแสงไฟเปิดให้ความสว่างตลอดทาง เพื่อให้สามารถชื่นชมหินงอกหินย้อนได้ และบางจุดจะเห็นหินงอกหินย้อยที่สะท้อนแสงไฟเป็นประกายสวยงาม
นำท่าน ล่องเรือแม่น้ำซอง เป็นแม่น้ำสายเล็กๆ ของประเทศลาวที่ไหลผ่านเมืองวังเวียง ที่ได้ฉายาว่า “กุ้ยหลินแห่งเมืองลาว” มีเสน่ห์ไม่มีเหมือนใครกับสภาพทางภูมิศาสตร์เป็นที่ราบระหว่างภูเขาหินปูน มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ มองไปรอบด้านจะเห็นสีเขียวชอุ่มจากธรรมชาติ ดื่มด่ำบรรยากาศแห่งความเงียบสงบ ไม่ได้มีผู้คนพลุกพล่าน เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติหากได้มาเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นำท่านเดินทางสู่ที่พัก ã โรงแรมวังเวียง ริเวอร์ไซค์ (ชมวิวพาโนรามาคุ้งน้ำซองที่สวยสุดจากระเบียงห้องพัก) หรือเทียบเท่า ระดับ 4 ดาว โรงแรมที่สามารถดื่มด่ำบรรยากาศความสงบและสบาย พร้อมกับทิวทัศน์ธรรมชาติที่ได้รับฉายาว่า “กุ้ยหลินแห่งเมืองลาว”
เย็น : รับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารโรงแรมที่พัก (มื้อที่ 9)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (มื้อที่ 10) นำท่านออกเดินทางกลับสู่ นครหลวงเวียงจันทน์ โดยทางรถยนต์ใช้เส้นทางด่วนพิเศษ รัฐบาลจีนสร้างมอบให้ สปป.ลาว (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที)
เที่ยง : รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (มื้อที่ 11)
บ่าย : นำท่าน ชมพิพิธภัณฑ์หอพระแก้ว เป็นสถานที่ที่พระแก้วมรกตเคยประดิษฐาน และ ภายในพิพิธภัณฑ์หอพระแก้วยังได้รวบรวมของเก่ามีค่าต่างๆ ไว้
นำท่านชม วัดสีสะเกต เดิมเป็นวัดหลวง ตั้งอยู่ในเวียงจันทน์ ประเทศลาว ติดกับหอคำ พระราชวังหลวงของกษัตริย์ลาวสมัยก่อน สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2361 โดยเจ้าอนุวงศ์ จากการบูรณะวัดเก่าแห่งหนึ่งและจัดสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ ชื่อใหม่ของวัดเป็นการนำเอาคำว่า “สี” หรือ “ศรี” ไปใช้เป็นอุปสรรค นำหน้าชื่อของวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
นำท่านชม วัดศรีเมือง หรือ วัดสีเมือง ในภาษาลาว แห่งนครเวียงจันทน์ ประเทศลาว ที่วัดศรีเมืองแห่งนี้จัดเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวลาวมานานแสนนาน วัดศรีเมืองหรือวัดเจ้าแม่ศรีเมืองเป็นสถานที่ตั้งของศาลหลักเมือง ศาลเจ้าแม่ศรีเมือง และเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมากรหรือพระแก้วมรกตด้วย
จากนั้นอำลานครหลวงเวียงจันทน์เดินทางสู่หน้าด่านมิตรภาพ สปป.ลาว ให้เวลาท่าน ช้อปปิ้งต่อที่ Duty Free หน้าด่าน และผ่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้า-ออกเมือง สปป.ลาว
16.00 น. : นำท่านเดินทางข้าม สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองไทย จ.หนองคาย นำท่านเดินทางสู่ สนามบินอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
กรณีห้อง TWIN BED (เตียงเดี่ยว 2 เตียง) ซึ่งโรงแรมไม่มีหรือเต็ม ทางบริษัทฯ ขอปรับเป็นห้อง DOUBLE BED แทนโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า หรือ หากต้องการห้องพักแบบ DOUBLE BED ซึ่งโรงแรมไม่มีหรือเต็ม ทางบริษัทฯ ขอปรับเป็นห้อง TWIN BED แทนโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เช่นกัน กรณีพักแบบ TRIPLE ROOM 3 ท่าน 1 ห้อง ท่านที่ 3 อาจเป็นเสริมเตียง หรือ SOFA BED หรือ เสริมฟูกที่นอน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบการจัดห้องพักของโรงแรมนั้นๆ
อัตราค่าบริการ (ราคาต่อท่าน) ราคาทัวร์นี้ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินไป- กลับ กรุงเทพฯ – อุดรธานี – กรุงเทพฯ
วันเดินทาง
|
ราคาทัวร์
(1 รถตู้ 8 ท่าน) |
ราคาทัวร์
(1 รถตู้ 6 ท่าน) |
พักเดี่ยว
จ่ายเพิ่ม |
มิถุนายน – กันยายน 2565 | 12,500 บาท / ท่าน | 13,300 บาท / ท่าน | 2,000 บาท / ท่าน |
เงื่อนไขการทำการจอง และ ชำระเงิน
การยกเลิกการเดินทาง