กัสโต้ เวิล์ด ทัวร์

บริการคุณภาพ ทุกเส้นทางท่องเที่ยว

เลขที่ 11/03295

ทัวร์ตุรกี อิสตันบูล ชานัคคาเล ปามุคคาเล คัปปาโดเกี อังกรา

รหัส 007-3257
วันที่เดินทาง
ก.พ.66 - มี.ค.66
ช่วงเวลา
9 วัน 6 คืน
ราคาเริ่มต้น
29,990 บาท
แผนการเดินทาง
วันที่ 1
สนามบินสุวรรณภูมิ

19.30   นัดหมายพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 อาคารผู้โดยสารขาออก เคาน์เตอร์สายการบิน Turkish Airlines (TK) โดยมีป้ายต้อนรับ เลทส์โกกรุ๊ป และมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกพร้อมแนะนำข้อมูลในการเดินทางให้แก่ท่าน

22.55   นำท่านออกเดินทางสู่ สนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK065 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)

วันที่ 2
สนามบินอิสตันบูล – วิหารเซนต์โซเฟีย – พระราชวังโทพคาปึ – สุเหร่าสีน้ำเงิน – ฮิปโปโดรม – เมืองชานัคคาเล

05.45   เดินทางถึง สนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรกี หลังจากนั้นนำท่านผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง รับสัมภาระ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง) พร้อมออกเดินทางท่องเที่ยว จากนั้นนำท่านเข้าชม วิหารเซนต์โซเฟีย (St.Sophia) หรือ สุเหร่าฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sophia) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางเป็นโบสถ์คาทอลิก สร้างในสมัยพระเจ้าจัสติเนียน มีหลังคาเป็นยอดกลมแบบโม เสาในโบสถ์เป็นหินก้อน ภายในติดกระจกสี เมื่อเติร์กเข้าครอบครองเมือง ได้เปลี่ยนโบสถ์นี้ให้เป็นสุเหร่าในปี ค.ศ. 1453 ฉาบปูนทับกำแพงที่ปูด้วยโมเสกเป็นรูปพระเยซูคริสต์และสาวก ภายหลังทางการได้ตกลงให้วิหารฮาเกีย โซเฟีย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่วันนี้คงบรรยากาศของความเก่าขลังอยู่เต็มเปี่ยม โดยเฉพาะโดมที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกซึ่งมีพื้นที่โล่งภายในใหญ่ที่สุด ก่อสร้างด้วยการใช้ผนังเป็นตัวรับน้ำหนักของอาคารลงสู่พื้นแทนการใช้เสาค้ำยันทั่วไป นับเป็นเทคนิคการก่อสร้าง ที่ถือว่าล้ำหน้ามากในยุคนั้น (ถือเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้วิหารฮาเกีย โซเฟีย ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง

เที่ยง   บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

จากนั้นนำท่านถ่ายภาพเป็นที่ระลึกด้านนอกกับ พระราชวังโทพคาปึ (Topkapi Palace) เดิมเป็นที่ประทับหลักของสุลต่านแห่งจักรวรรดิออตโตมัน ระหว่างปี ค.ศ. 1465 จนถึงปี ค.ศ. 1853 เดิมพระราชวังนี้ใช้ชื่อว่า พระราชวังหลวงแห่งใหม่ (Saray-I Cedid-I Amire) จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18 ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อปัจจุบันในรัชสมัยสุลต่านมะห์มุดที่ 2 ตามชื่อพระราชวังริมทะเลที่ถูกเพลิงไหม้ ในปัจจุบันพระราชวังโทพคาปึเป็นสถานที่จัดงานรับรองของรัฐ และเป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว และเป็นที่เก็บรักษาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของมุสลิมเช่นเสื้อคลุมและดาบของมุฮัมมัด และตั้งอยู่ในบริเวณประวัติศาสตร์ของอิสตันบูลที่ได้รับการสถาปนาให้เป็นมรดกโลกหลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิออตโตมันในปี ค.ศ. 1921 พระราชวังโทพคาปึก็เปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ตามรัฐประกาศของวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 1924 ภายใต้การบริหารของกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวแห่งตุรกี พระราชวังเป็นกลุ่มสิ่งก่อสร้างที่มีห้องหอเป็นจำนวนร้อยแต่เปิดให้สาธารณรัฐชนชมแต่เฉพาะเพียงห้องสำคัญ ๆ ที่เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงลักษณะสถาปัตยกรรมออตโตมัน นอกจากนั้นก็ยังมีห้องแสดงเครื่องเคลือบพอร์ซีเลน เสื้อคลุม อาวุธ เสื้อเกราะ หนังสือวิจิตรออตโตมัน หนังสืออักษรวิจิตรอิสลาม (Islamic calligraphy) จิตรกรรมฝาผนัง และเครื่องราชสมบัติ และเพชรพลอย

นำท่านถ่ายภาพเป็นที่ระลึกด้านนอกกับ สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) หรือ ชื่อเดิม สุเหร่าสุลต่านอาห์เหม็ดที่ 1 (Sultan Ahmed Mosque) สุเหร่านี้สร้างในปี ค.ศ. 1609 และเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 1616 (1 ปีก่อนสุลต่านอาห์เหม็ดสิ้นพระชนม์ด้วยอายุเพียง 27 พรรษา) มีหอเรียกสวด อยู่ 6 หอ เป็นหอคอยสูงให้ผู้นำศาสนาขึ้นไปตะโกนร้องเรียกจากยอด เพื่อให้ผู้คนเข้ามาสวดมนต์ตามเวลาในสุเหร่า สุเหร่าสีน้ำเงินภายในประดับด้วยกระเบื้องสีฟ้าจากอซนิค ลวดลายเป็นดอกไม้ต่างๆ เช่น กุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น เป็นต้น ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ภายในมีที่ให้สุลต่านและนางในฮาเร็มทำละหมาดและสวดมนต์โดยเฉพาะ มีหน้าต่าง 260 บาน สนามด้านหน้าและด้านนอกจะเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์และพระราชวงค์ จะมีสิ่งก่อสร้างที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั่วไป เช่น ห้องสมุด โรงพยาบาล โรงอาบน้ำ ที่พักกองคาราวาน โรงครัวสาธารณะคุลีเรีย (Kulliye)

นำท่านถ่ายภาพเป็นที่ระลึกด้านนอกกับ ฮิปโปโดรม (Hippodrome) คือสิ่งก่อสร้างจากสมัยกรีกซึ่งใช้เป็นสนามแข่งม้า และการแข่งขันขับรถศึก (Chariot Racing) หมายถึงการแข่งขันม้าใจกลางเมืองมอสโคว์ (Central Moscow Hippodrome) สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 203 – 330 แต่ปัจจุบันเหลือเพียง เสา 3 ต้น คือ เสาคอนสแตนตินที่ 7 (Column of Constantine VII) บูรณะเมื่อศตวรรษที่ 10 เสาต้นที่ 2 คือ เสางู ที่เชื่อว่าสร้างก่อนคริสตกาลมา 479 ปี เป็นรูปสลักงู 3 ตัวพันกัน จากเมืองเดลฟิ (Delphi) แล้วถูกขนย้ายมาตั้งที่นี่เมื่อ ศตวรรษที่ 4 ปัจจุบันเหลือเพียงครึ่งต้น และเสาต้นสุดท้ายคือ เสา อียิปต์ หรือเสาโอเบลิสก์ (Obelisk of Thutmose)  สร้างในช่วงก่อนคริสตกาลประมาณ 390 ปี

นำท่านเดินทางสู่ เมืองชานัคคาเล (Canakkale) ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เดิมมีชื่อว่า โบกาซี่ (Bogazi) หรือ เฮลเลสปอนด์ (Hellespont) มีความยาว 65 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 1.3 กิโลเมตรเนื่องจากตั้งอยู่บนจุดแคบที่สุดของช่องแคบดาร์ดะเนลส์ ใกล้กับ แหลมเกลิโบลูของกรีซ บนฝั่งของ 2 ทะเลคือ ทะเลมาร์มารา และ ทะเลอีเจียนซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลมาร์มาราตัดกับทะเลอีเจียน เป็นที่ตั้งของเมืองทรอย

ค่ำ   บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม

ที่พัก IRIS HOTEL ระดับ 5 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 3
ม้าไม้จำลองเมืองทรอยริมทะเล – โรงงานผลิตเครื่องหนัง – เมืองปามุคคาเล – ปราสาทปุยฝ้าย – เมืองโบราณเฮียราโพลิส

เช้า   บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านชมและถ่ายภาพ ม้าไม้จำลองเมืองทรอยริมทะเล (Trojan Statue/Hollywood Horse) เป็นม้าไม้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดจากมหากาพย์ภาพยนตร์ฮอลิวูดเรื่อง ทรอย (Troy) ในปี 2004 มีแบรด พิตต์ แสดงชื่อดังระดับโลกเป็นนักแสดงนำ ทางทีมงานได้จำลองม้าไม้ขนาดใหญ่สีดำ เพื่อใช้ดำเนินเรื่องและเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของเรื่องทรอย หลังจากนั้นทางทีมงานจึงมอบม้าไม้จำลองตัวนี้ให้กับทางการตุรกี เพื่อเป็นเกียรติและสร้างชื่อเสียงให้กับเมืองชานัคคาเลอีกด้วย

เที่ยง   บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเดินทางสู่ โรงงานผลิตเครื่องหนัง (Leather Factory) ซึ่งประเทศตุรกีเป็นประเทศที่มีฐานการผลิตเครื่องหนังคุณภาพสูงที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก ทั้งยังผลิตเสื้อหนังให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี อาทิ Versace, Prada, Michael Kors อีกด้วย อิสระให้ท่านเลือกชมผลิตภัณฑ์จากเครื่องหนัง และ สินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย นำท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล (Pamukkale) เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนไหลลงสู่หน้าผา จนเกิดผลึกกึ่งสถาปัตยกรรมสีขาวขึ้น

นำท่านเข้าชม ปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆ หลายชั้น และผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมาก ภายในบริเวณเดียวกันนี้ยังเป็น เมืองโบราณเฮียราโพลิส (Hierapolis) เป็นเมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อน ซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรคเมื่อเวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้เกิดการพังทลายลง เหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไปบางส่วนยังพอมองออกว่า เดิมเคยเป็นอะไร อาทิ โรงละคร แอมฟิเธียร์เตอร์ขนาดใหญ่ วิหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1988

ค่ำ   บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม

ที่พัก TRIPORIS HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 4
เมืองคอนยา – ที่พักคาราวานเซราย – พิพิธภัณฑ์เมฟลานา – เมืองคัปปาโดเกีย

เช้า   บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองคอนยา (Konya) ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุก เป็นชื่อของอาณาจักรเก่าแก่ ซึ่งเคยมีอำนาจรุ่งเรืองสุดขีดในดินแดนอนาโตเลียของตุรกีโบราณ เมื่อราวปี ค.ศ. 1087 – 1194 กินเนื้อที่กว่า 3,900,000 ตารางกิโลเมตร ระหว่างทางนำท่านแวะถ่ายภาพ ที่พักคาราวานเซราย (Caravanserai) เป็นสถานที่พักแรกของกองคาราวานในสมัยโบราณตามเส้นทางสายไหมและชาวเติร์กสมัยออตโตมัน

นำท่านเดินทางสู่ พิพิธภัณฑ์เมฟลานา (Mevlana Museum) ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกด้านนอก ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกสีเขียว ภายในประดับตกแต่งแบบชาวมุสลิม จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของท่านเมฟลานา และยังเป็นสุสานสำหรับบิดาและบุตรของท่านเมฟลานาอีกด้วย

เที่ยง   บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) เป็นบริเวณที่อยู่ระหว่าง ทะเลดำกับภูเขาเทารุส มีความสำคัญมาแต่โบราณกาล เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม เส้นทางการค้าขายแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ที่ทอดยาวจากประเทศตุรกีไปจนถึงประเทศจีน เป็นพื้นที่พิเศษที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว เกิดจากลาวาที่พ่นออกมา และเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายไปทั่วบริเวณทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จากกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ กัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆ นับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูปแท่งกรวยคว่ำปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยาย จนชนพื้นเมืองเรียกขานกันว่า “ดินแดนแห่งปล่องไฟนางฟ้า” (Fairy Chimney) คัปปาโดเกีย เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไตต์ (ชนเผ่ารุ่นแรกๆ ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้) แปลว่า “ดินแดนม้าพันธุ์ดี” และในปัจจุบันนี้ก็ยังเลี้ยงม้ากันอยู่บริเวณนี้ และมีเมืองใต้ดินโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ ซึ่งภายในเมืองใต้ดินมีครบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องหมักไวน์ ห้องประชุม คอกสัตว์ โบสถ์ บ่อน้ำ บางห้องเป็นห้องโถงกว้าง ด้วยความอัศจรรย์ใต้พื้นดินแห่งนี้ เมืองคัปปาโดเกีย จึงได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1985 ได้ขึ้นทะเบียนเมืองใต้ดินแห่งเมืองคัปปาโดเกียเป็นสถานที่มรดกโลกอีกด้วย

ค่ำ   บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม

ที่พัก MUSTAFA HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 5
เมืองเกอเรเม – เมืองใต้ดิน – หุบเขาอุชิซาร์ – หุบเขานกพิราบ – หุบเขาแห่งรัก – หุบเขาเกอเรเม – พิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาเอวานอส – โรงงานทอพรม – โรงงานเซรามิก – โรงงานเครื่องประดับ

เช้า   บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

สำหรับการขึ้นบอลลูนเป็นไฮไลท์ของเมืองคัปปาโดเกียและจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก ให้ท่านได้อิสระหากท่านใดสนใจขึ้นบอลลูน และกิจกรรมอื่นๆ รายละเอียดดังนี้ กิจกรรมเสริมพิเศษนี้ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์ (Optional Tour)

  1. บอลลูนทัวร์ (Balloon Tour) สำหรับท่านที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกีย โปรแกรมเสริมพิเศษ จำเป็นต้องออกจากโรงแรมประมาณ 04.30 – 05.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับไปขึ้นบอลลูน เพื่อชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาเดินทางจากโรงแรมไปขึ้นบอลลูน ประมาณ 30 – 45 นาที อยู่บนบอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการขึ้นบอลลูน ท่านละ ประมาณ 280 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน
  2. รถจี๊ปทัวร์ (Jeep Tour) สำหรับท่านใดที่สนใจชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดิน โปรแกรมจำเป็นต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 05.00 – 06.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับ เพื่อชมความสวยงามโดยรอบของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดินในบริเวณที่รถเล็กสามารถตะลุยไปได้ ใช้เวลาอยู่บนรถจี๊ป ประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการนั่งรถจี๊ปอยู่ที่ ท่านละ 100 – 150 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน
  3. รถมัสแตงโบราณ (Mustang Classic Car) สำหรับท่านใดที่สนใจชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดิน โปรแกรมจำเป็นต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 05.00 – 06.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับ เพื่อชมความสวยงามโดยรอบของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดินในบริเวณที่รถเล็กสามารถเดินทางไปได้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จำกัดโดยสารไม่เกิน 3 ท่าน/คัน ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการนั่งรถมัสแตงโบราณอยู่ที่ ท่านละ 100 – 150 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน

คำแนะนำ

  • เนื่องด้วยข้อกำหนดของเวลา ท่านจำเป็นต้องเลือกซื้อแพ็กเกจทัวร์เสริมอย่างใด อย่างหนึ่ง
  • ท่านที่เมารถ กรุณาทานยาแก้เมารถล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งก่อนออกเดินทาง และควรแจ้งให้หัวหน้าทัวร์ทราบตั้งแต่ก่อนวันเดินทาง (ตั้งแต่อยู่ประเทศไทย เพื่อเตรียมยาแก้เมารถจากประเทศไป)
  • กิจกรรมนี้ ไม่อนุญาตให้ผู้ที่เป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรง, ตั้งครรภ์ หรือ เด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี เข้าร่วมโดยเด็ดขาด กรณีเกิดความเสียหายไม่ว่ากรณีใดๆ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการรับผิดชอบทุกกรณี
  • สำหรับท่านที่ไม่ร่วมในโปรแกรมเสริมพิเศษ ท่านจำเป็นต้องพักผ่อนรอคณะอยู่ที่โรงแรมที่พัก

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเกอเรเม (Goreme) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณของเมืองคัปปาโดเกียในตอนกลางของอานาโตเลียประเทศตุรกี เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของผู้คนมาตั้งแต่สมัยโรมัน และเป็นสถานที่ที่ชาวคริสเตียนยุคแรกใช้ในการเป็นที่หลบหนีภัยจากการไล่ทำร้ายและสังหารก่อนที่คริสต์ศาสนาจะเป็นของจักรวรรดิ ที่จะเห็นได้จากคริสต์ศาสนถานจำนวนมากมายที่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการทอพรม และการผลิตเครื่องเซรามิก ล้ำค่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก นำท่านเข้าชม เมืองใต้ดิน (Underground City) เป็นสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบภัยชาวโรมัน ที่ต้องการทำลายร้างพวกนับถือศาสนาคริสต์ ภายในมีโซนห้องต่างๆ อาทิ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องหมักไวน์ ห้องประชุม คอกสัตว์ โบสถ์ บ่อน้ำ บางห้องเป็นห้องโถงกว้างว่ากันว่าสามารถจุคนได้มากกว่า 30,000 คน และระบบระบายอากาศที่ดี แต่อากาศค่อนข้างบางเบา เพราะอยู่ลึกและทางเดินบางช่วงอาจค่อนข้างแคบจนเดินสวนกันไม่ได้ ควรใช้ความระมัดระวังในการรับลงไปชมเมืองใต้ดินแห่งนี้

เที่ยง   บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเดินทางสู่ หุบเขาอุชิซาร์ (Uchisar Valley) ให้ท่านได้ถ่ายภาพด้านหน้า เป็นหุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาแห่งนี้มีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อยู่อาศัย อุชิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ดังนั้นในอดีตอุชิซาร์ มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วย

นำท่านเดินทางสู่ หุบเขานกพิราบ (Pigeon Valley) ให้ท่านได้ถ่ายภาพด้านหน้า เป็นหน้าผาที่ชาวเมืองโบราณได้ขุดเจาะเป็นรู เพื่อให้นกพิราบเข้าไปทำรังอาศัยอยู่ เนื่องจากสมัยก่อนชาวเมืองใช้นกพิราบมีหน้าที่เป็นผู้ส่งสารสำคัญในแถบละแวกนั้น และยังเป็นสัตว์เลี้ยงอีกด้วย

นำท่านเดินทางสู่ หุบเขาแห่งรัก (Lover Valley) ให้ท่านได้ถ่ายภาพด้านหน้า เป็นหุบเขาที่มีภูมิทัศน์ที่สวยงามแปลกตา ซึ่งมีกลุ่มเสาหินที่เป็นรูปทรงแปลกประหลาดน่าอัศจรรย์ใจ

นำท่านผ่านชมวิวทิวทัศน์ของ หุบเขาเกอเรเม (Goreme Valley) ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่แปลกตาของแท่งหินที่ถูกกัดเซาะและกลายเป็นรูปทรงต่างๆ ที่งดงาม ให้ท่านได้ดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพของธรรมชาติด้วยความประทับใจ

นำท่านเดินทางชม พิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาเอวานอส (Avanos Village) เป็นหมู่บ้านเก่าแก่เล็กๆ มีลักษณะสถาปัตยกรรมออตโตมันแบบดั้งเดิม นำท่านเข้าเยี่ยมชม โรงงานเซรามิก (Ceramic Factory) จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าเยี่ยมชม โรงงานทอพรม (Carpet Factory) เพื่อให้ท่านได้ชมการสาธิตกรรมวิธีการผลิตสินค้าพื้นเมืองทีมีคุณภาพและชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และนำท่านชม โรงงานเครื่องประดับ (Jewelry Factory) เพื่อให้ท่านได้ชมการสาธิตกรรมวิธีการผลิตสินค้าพื้นเมืองทีมีคุณภาพและชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้า

ค่ำ   บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม

ที่พัก MUSTAFA HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 6
เมืองอังการา – สุสานมุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก – ทะเลสาบเกลือ – เมืองซาฟรานโบลู

เช้า   บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอังการา (Angara) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศตุรกีรองจากอิสตันบูล เมืองอังการาเป็นที่ตั้งของรัฐบาลกลาง ส่วนราชการและสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ

เที่ยง   บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเดินทางสู่ สุสานมุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก (Ataturk Mausoleum) เป็นอนุสรณ์สถานและสุสานของ มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก ซึ่งเป็นผู้นำในสงครามการกอบกู้อิสรภาพของตุรเคีย หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐตุรเคียและประธานาธิบดีคนแรก และมุสทาฟา อิสเมท อีเนอนือ ประธานาธิบดีคนที่ 2 ของตุรเคีย สุสานแห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรเคีย สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1944 – 1953 มีความสำคัญกับประเทศตุรเคียเป็นอย่างมาก โดยมีการบันทึกลงธนบัตรลีร่าตุรเคีย ถูกพิมพ์ขึ้นระหว่างปี 1966 – 1987 และ ปี 1999 – 2009 ปรากฏภาพสุสานแห่งนี้บนธนบัตรลีร่าด้วย

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบเกลือ (Tuz Salt Lake) ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกด้านนอก เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของตุรเคีย ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีเปอร์เซ็นต์ของเกลือสูง หากเดินทางไปเที่ยวทะเลสาบเกลือในหน้าร้อน น้ำทะเลสาบจะเหือดแห้งเหลือเพียงแต่กองเกลือที่ตกผลึกเป็นแผ่นหนาหลายสิบเซ็นติเมตร มองเห็นเป็นพื้นสีขาวสุดสายตา และที่ทะเลสาบเกลือแห่งนี้ยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง Star War อีกด้วย

นำท่านเดินทางสู่ เมืองซาฟรานโบลู (Safranbolu) เป็นหมู่บ้านที่มีลักษณะบ้านเรือนในแบบออตโตมันโดยแท้ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1994 ที่แสดงถึงมรดกทางประวัติศาสตร์และทางวัฒนธรรมผ่านทางโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมมากกว่าหนึ่งพันโครงสร้างที่แสดงถึงตัวตนของสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของตุรกี ทั้งอาคารบ้านเรือน สุเหร่า โรงพยาบาล หอนาฬิกา รวมไปถึงป้อมตำรวจที่ขึ้นชื่อว่าสวยติดอันดับต้นๆ ของโลก ทั้งนี้ยังเป็นแหล่งรวมอารยธรรมต่างๆ มากมาย อาทิ จักรวรรดิโรมัน อาณาจักรไบแซนไทน์ อาณาจักรเซลจุก และอาณาจักรออตโตมัน ทั้งนี้ยังเป็นเส้นทางการค้าขายเส้นทางสายไหมระหว่างเมืองอิสตันบูลอีกด้วย เมืองซาฟรานโบลูเป็นถิ่นกำเนิดของหญ้าฝรั่น หลักๆ จะสะกัดสีของหญ้าฝรั่นเพื่อใช้เป็นสีใส่ทั้งขนมและอาหารของตุรกี ด้วยความหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ นอกจากไว้เป็นสีผสมอาหารแล้วยังสามารถใช้ในการย้อมผ้าเพื่อทำพรมอีกด้วย

ค่ำ   บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม

ที่พัก KAHVECILER HOTEL ระดับ 5 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 7
ตลาดย่านเมืองเก่า – เมืองอิสตันบูล – สไปซ์บาซาร์ – ร้านขนมหวาน– จัตุรัสทักซิมสแควร์

เช้า   บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านอิสระช้อปปิ้ง ตลาดย่านเมืองเก่า (Old Square) เป็นตรอกซอยในเมืองซาฟรานโบลู มีทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ อาหารและขนมให้ท่านได้เลือกซื้อเพื่อเป็นของฝาก หรือจะเลือกมุมถ่ายภาพกับความสวยงามของบ้านเรือนดั้งเดิมแบบออตโตมันเพื่ออัพโหลดโซเชียลมีเดียตามอัธยาศัย

เที่ยง   อิสระอาหารกลางวัน เพื่อความสะดวกในการช้อปปิ้ง

นำท่านเดินทางสู่ เมืองอิสตันบูล (Istanbul) เป็นเมืองที่มีความสำคัญที่สุดของประเทศตุรกี มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายศตวรรษตั้งแต่ก่อนคริสตกาล มีทำเลที่ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย) สถาปัตยกรรมอันงดงามผสมผสานทั้ง 2 ทวีป ทำให้เมืองอิสตันบูลมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์พิเศษ อีกทั้งพื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งอิสตันบูล ฝั่งทวีปยุโรป ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1986

นำท่านเดินทางสู่ สไปซ์บาซาร์ (Spice Bazaar) หรือ ตลาดอียิปต์ (Egyptian Bazaar) เป็นตลาดเครื่องเทศตั้งอยู่ใกล้กับสะพานกาลาตา ที่นี่ถือเป็นตลาดในร่มและเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเมืองอิสตันบูล สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1660 โดยเป็นส่วนหนึ่งของมัสยิดใหม่ ภายในตลาดยังมีสินค้ามากมายให้ได้เลือกซื้อ อาทิ ร้านขนมหวานของตุรกี, อาหาร, เครื่องเทศ, เครื่องเพชรพลอย, ของที่ระลึก, ผลไม้แห้ง และเครื่องประดับต่างๆ อีกด้วย

นำท่านสู่ จตุรัสทักซิมสแควร์ (Taksim Square) ถนนสายนี้เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองอิสตันบูล มีร้านค้ามากมาย ตั้งแต่ของที่ระลึก, ร้านอาหารพื้นเมือง และยังมีแทรมป์โบราณ (Tram) เรียกได้ว่าที่แห่งนี้เป็นจุดนัดพบยอดนิยมของชาวเมืองอิสตันบูล

ค่ำ   อิสระอาหารค่ำ เพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว

ที่พัก TRYP BY WYNDHAM AIRPORT HOTEL ระดับ 5 ดาว หรือระดับเทียบเท่า

วันที่ 8
ย่านบาลัต – หอคอยกาลาตา – กาลาตาพอร์ต – สนามบินอิสตันบูล

เช้า   บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ ย่านบาลัต (Balat) เป็นย่านชุมชนชาวยิวในอิสตันบูล ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ให้ท่านได้อิสระชมบรรยากาศของอาคารบ้านเรือนที่มีสีสันสดใสที่มีอายุกว่า 200 ปี สัมผัสวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น รวมถึงยังมีร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่ ต่างๆ อีกมากมาย

เที่ยง   อิสระอาหารกลางวัน เพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว

นำท่านถ่ายภาพกับ หอคอยกาลาตา (Galata Tower) หอคอยหินสไตล์โรมัน แบบสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ ตัวตึกประกอบด้วย 9 ชั้น มีรูปทรงกระบอก และมีหลังคาเป็นทรงกรวย อีกหนึ่งสัญลักษณ์เมืองอิสตันบูล สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1348 เพื่อไว้เป็นหอสังเกตการณ์ป้องกันข้าศึกจากทางทะเลปัจจุบันชั้นบนเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นชมทัศนียภาพของเมือง

นำท่านเดินทางสู่ กาลาตาพอร์ต (Galataport) ศูนย์การค้า, ศูนย์กลางศิลปะและวัฒนธรรมแห่งใหม่ของเมืองอิสตันบูล ทั้งนี้ยังเป็นเป็นท่าเรือสำราญระดับโลกและเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการล่องเรือชั้นนำในเส้นทางเดินเรือยุโรปอีกด้วย ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าตั้งแต่ สินค้า D.I.Y สินค้าท้องถิ่น จนถึงร้านค้าแบรนเนมต่างๆ ทั้งนี้ยังมีร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม คาเฟ หรือให้ท่านได้เก็บภาพบรรยากาศมุมถ่ายภาพโมเดิลต่างๆ ตามอัธยาศัย

ค่ำ   อิสระอาหารค่ำ เพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว

นำท่านเดินทางสู่ สนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรกี

20.55   นำท่านออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK064 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)

วันที่ 9
สนามบินอิสตันบูล – สนามบินสุวรรณภูมิ

10.10   เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจจากทีมงานเลทส์โกกรุ๊ป

เงื่อนไข

Share on social networks
โปรแกรมทัวร์ที่น่าสนใจ