กัสโต้ เวิล์ด ทัวร์

บริการคุณภาพ ทุกเส้นทางท่องเที่ยว

เลขที่ 11/03295

ทัวร์ตุรกี TURKEY PERFECT TULIP

รหัส 049-3162
วันที่เดินทาง
เม.ย.66
ช่วงเวลา
8 วัน 6 คืน
ราคาเริ่มต้น
48,988 บาท
แผนการเดินทาง
วันที่ 1
สนามบินสุวรรณภูมิ-บินภานในประเทศสู่ไคเซรี (เมืองคัปปาโดเกีย)

05.00 น. : คณะผู้เดินทางพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น4 สายการบินTURKIST AIRLINE เคาน์เตอร์ U ประตู 9 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทคอยอำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทางแก่ท่าน

07.45 น. : เหิรฟ้าสู่กรุงอิสตันบูล โดยสายการบิน TURKIST AIRLINE เที่ยวบินที่ TK59 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10.50 ชั่วโมง (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

14.00 น. : เดินทางถึง สนามบินนานาชาติ อตาเติร์กกรุงอิสตันบูล หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง

16.10 น. : บินภานในประเทศสู่เมืองไคเซรี โดยสายการบิน TURKIST AIRLINE เที่ยวบินที่ TK2014

17.30 น. : เดินทางถึงสนามบินไคเซรี (คัปปาโดเกีย) รับกระเป๋าสัมภาระเรียบร้อย นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก

ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเข้าสู่ที่พักโรงแรมสไตล์ถ้ำ!! CAPPADOCIA BURCU KAYA HOTEL หรือเทียบเท่า

วันที่ 2
โปรแกรมเสริมพิเศษ ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์ (OPTIONAL TOUR)-นครใต้ดิน-ชมโรงงานทอพรม-หุบเขาเกอเรเม่-หุบเขาอุซิซาร์-หุบเขาเดฟเรนท์-ระบำหน้าท้อง

จากนั้นนำท่านเข้า ชมโรงงานทอพรม สิ่งท่อขึ้นชื่อของประเทศตุรกี เป็นพรมทอมือ สามารถเลือกชมเลือก ซื้อได้ตามอัธยาศัย

พาท่านชมทัศนียภาพ ภูเขาหินต่างๆ รอบๆบริเวณ หุบเขาเกอเรเม่ ตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของผู้คนมาตั้งแต่สมัยโรมัน และเป็นที่ที่ชาวคริสเตียนยุคแรกใช้ในการเป็นที่หลบหนีภัยจากการไล่ทำร้ายและสังหารก่อนที่คริสต์ศาสนาจะเป็นศาสนาที่ได้รับการประกาศว่าเป็นศาสนาของจักรวรรดิ ที่จะเห็นได้จากคริสต์ศาสนสถานจำนวนมากมายที่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้

จากนั้นนำท่านชม หุบเขาอุซิซาร์ (Uchisar Valley) หุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาดังกล่าวมีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อาศัย และถ้ามองดี ๆ จะรู้ว่าอุซิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของบริเวณโดยรอบ ดังนั้นในอดีตอุซิซาร์ ก็มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วย

หุบเขาเกอเรเม่ ตั้งอยู่ในบริเวณที่เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของผู้คนมาตั้งแต่สมัยโรมัน และเป็นที่ที่ชาวคริสเตียนยุคแรกใช้ในการเป็นที่หลบหนีภัยจากการไล่ทำร้ายและสังหารก่อนที่คริสต์ศาสนาจะเป็นศาสนาที่ได้รับการประกาศว่าเป็นศาสนาของจักรวรรดิ ที่จะเห็นได้จากคริสต์ศาสนสถานจำนวนมากมายที่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้

หุบเขาเดฟเรนท์ หุบเขาเดฟเรนท์ (Devrent Valley) เป็นที่รู้จักกันในชื่อเรียกว่า หุบเขาแห่งมโนคติ (Imaginary Vally) และ หุบเขาสีชมพู (Pink Valley) ที่มีชื่อว่าหุบเขาแห่งมโนคติก็เนื่องมาจากบรรดาหินรูปทรงแปลกประหลาดซึ่งมีอยู่จำนวนมากมายที่ชวนให้ต้องใช้จินตนาการในการมอง

ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านชมการแสดงพื้นเมือง “ระบำหน้าท้อง”หรือ Belly Dance เป็นการเต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่งเกิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 6000 ปี ในดินแดนแถบอียิปต์ และเมดิเตอร์เรเนียนนักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องให้มีมาจนถึงปัจจุบัน และการเดินทางของชาวยิปซีทำให้ระบำหน้าท้องแพร่หลายมีการพัฒนาจนกลายเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงามจนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องตุรกีในปัจจุบัน(บริการเครื่องดื่มฟรีตลอดการแสดง)

วันที่ 3
เมืองปามุคคาเล่- CARAVANSARAI-แวะชิมโยเกิร์ตฝิ่น-ชมโรงงานคอตตอน

เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนที่ไหลลงสู่หน้าผา ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม.(189 กม.) ระหว่างทางแวะถ่ายรูป CARAVANSARAI ที่พักของกองคาราวานในสมัยโบราณ เป็นสถานที่พักแรมของกองคาราวานตามเส้นทางสายไหมและชาวเติร์กสมัยออตโตมัน

กลางวัน : บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

หลังจากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ (PAMUKKALE) ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง (189 กิโลเมตร) เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีกก่อนที่ไหลลงสู่หน้าผา ระหว่างทางแวะให้ท่านได้ลองชิม โยเกิร์ตฝิ่น ขนมหวานที่มีโยเกิร์ตเป็นส่วนประกอบหลัก มีน้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบเสริม และมีดอกฝิ่นเป็นตัวเรียกแขก ก็เป็นสิ่งที่ต้องลองสักครั้งเมืองเดินทางมาเที่ยวประเทศตุรกี

จากนั้นนำท่านเข้า ชมโรงงานคอตตอน สามารถเลือกซื้อของฝากเช่น ผ้าพันคอ ผ้าปูที่นอน เสื้อผ้า เป็นต้น เป็นสินค้าที่ผลิตด้วยคอตตอน100%

ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

วันที่ 4
ปราสาทปุยฝ้าย-สุสานโรมันโบราณ-โรงงานเครื่องหนัง-เมืองโบราณเอฟฟิซุส - วิหารเทพีอาร์เทมิสโบราณ-โบสถ์นักบุญเซนต์ จอห์น (St. John CASTLE)- ISA BEY MOSQUE-ร้านขนม Turkish Delight

เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมนำท่านชม ปราสาทปุยฝ้าย ผลจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆหลายชั้นและผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทางน้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมากท่านจะได้สัมผัส ปราสาทปุยฝ้าย

เป็นเมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อนซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรคเมื่อเวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้เกิดการพังทลายลงเหลือเพียงซากปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไปบางส่วนยังพอมองออกว่าเดิมเคยเป็นอะไรเช่น โรงละครแอมฟิเธียร์เตอร์ขนาดใหญ่วิหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณ จากนั้นนำท่านเข้า ชมโรงงานคอตตอน สามารถเลือกซื้อของฝากเช่น ผ้าพันคอ ผ้าปูที่นอน เสื้อผ้า เป็นต้น เป็นสินค้าที่ผลิตด้วยคอตตอน100%

นำท่านเดินทางชม โรงงานเครื่องหนัง ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเครื่องหนังขั้นหลากหลาย ให้ทุกท่านได้ทดลองการเป็นนายแบบและนางแบบเสื้อหนังต่างๆตามอัธยาศัย

จากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองโบราณเอฟฟิซุส เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีเมืองหนึ่ง เคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนก (Ionia) จากกรีก ซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมือง ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนาเอฟฟิซุส ขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน นำท่านเดินบนถนนหินอ่อนผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบันนี้ นำท่านชม ห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (ROMAN BATH)ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำ ให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้, ห้องสมุดโบราณ ที่มีวิธีการเก็บรักษาหนังสือไว้ได้เป็นอย่างดีทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นศิลปะแบบ เฮเลนนิสติคที่มีความอ่อนหวานและฝีมือประณีต

จากนั้นนำท่านชม วิหารเทพีอาร์เทมิสโบราณ (The Temple of Artemis) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ที่ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตได้ และแวะถ่ายรูป โบสถ์นักบุญเซนต์ จอห์น (St. John CASTLE) สาวกของพระเยซูคริสต์ที่ออกเดินทางเผยแพร่ศาสนาไปทั่วดินแดนอนาโตเลียหรือประเทศตุรกีในปัจจุบัน จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูป ISA BEY MOSQUE มัสยิดอิสอิสเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีและสำคัญที่สุดซึ่งสะท้อนถึงจุดสิ้นสุดของยุคจักรวรรดิ Seljuk ในช่วงปลายคริสต์ ค.ศ. 1400 นอกจากนี้มัสยิดแห่งนี้ยังเป็นที่ประทับของมัสยิดเมยยาดในดามัสกัส มัสยิด Isa bey ก่อตั้งขึ้นบนเนินเขาตะวันตกของเขา Ayasuluk ที่มองเห็นพื้นที่และมี harem ขนาดใหญ่ที่มีสอง naves และประกอบด้วยลานขนาดใหญ่ จากนั้นนำท่านซื้อขอฝากตามอัธยาศัย ร้านขนม Turkish Delight ของฝากขึ้นชื่อของประเทศตุรกี

ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

วันที่ 5
สวนซาโซว่า (SAZOVA PARK)-ล่องเรือกอนโดล่า-ชมเมือง ODUNPAZARI TOWN

เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเอสเคเชีย (ESKISEHIR) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) เป็นเมืองที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของตุรกี โดยเมืองตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Porsuk เป็นเมืองที่ถูกขนานนามว่า เมืองแห่งการศึกษา เนื่องจาก เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำมากมายของประเทศตุรกี เมืองเอสเคเชียแห่งนี้ถือเป็นเมืองที่มีความเก่าแก่ และมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ของประเทศตุรกีอีกด้วย และด้วยความที่เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำจึงทำให้เกิดลำน้ำและคลองมากมายในเมืองแฟ่งนี้ จนได้รับการขนานนามจากนักท่องเที่ยว ทั้งชาวตุรกีและฝั่งยุโรปว่า ‘เวนีสแห่งตุรกี’

นำท่านเที่ยวชม สวนซาโซว่า (SAZOVA PARK) เป็นสวนสาธรณะขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยมุกถ่ายภาพน่ารัก และภายในมีปราสาทเทพนิยายสูงเด่น เป็นแลนด์มาร์ค ของสวนแห่งนี้ ทั้งนี้ยังเต็มไปด้วยพื้นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยวและชาวเมืองอีกด้วย และอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อได้มาเยือนเมืองเอสเคเชีย นั้นคือการ ล่องเรือกอนโดล่า เพื่อชมบรรยากาศความสวยงามของเมืองแห่งนี้ (ไม่รวมค่าบัตรล่องเรือกอนโดล่า)

กลางวัน : บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

หลังจากล่องเรือนำท่านเดินชมเมือง ODUNPAZARI TOWN เป็นย่ายเมืองเก่าของ เมืองเอสเคเชีย ที่ยังคงกลิ่นอายความเป็นออตโตมัน ได้สมบูรณ์มากอีกแห่ง ท่านจะได้พบเห็นบ้านเรืองของชาวเมือง ที่มีสีสันสะดุดตาสวยงามเหมาะกับการถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ทั้งนี้บ้านหลายๆหลังยังเป็นเป็นพิพิธภัณฑ์ ขนาดเล็กโดยเป็นให้นักท่องเที่ยว ได้เยี่ยมชม และศึกษาความเป็นมาของเมืองแห่งนี้ รวมถึงร้านค้า จำหน่ายของที่ระลึกต่างๆ มากมาย จึงทำให้นักท่องเที่ยว ได้รับบรรยากาศความเป็นออตโตมัน อย่างแท้จริง

ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

วันที่ 6
กรุงอิสตันบูล-พระราชวังเบลเลอเบยี-ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส-สุเหร่าสีน้ำเงิน- จัตุรัสสุลต่านอะห์เมตหรือฮิปโปโดรม-สุเหร่าเซนต์โซเฟีย-คาเฟ่รากา เมเดรเซ CAFER AGA MEDRESESI

เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นออกเดินทางสู่ กรุงอิสตันบูล เดิมชื่อ คอนแสตนติโนเปิล  เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี  ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส  ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ในทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่งบอสฟอรัส) และ ทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย)

จากนั้นนำท่านชม พระราชวังเบลเลอเบยี (BEYLERBEYI PALACE) เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเล ของช่องแคบบอสฟอรัสในฝั่งเอเชีย ใกล้กับสะพานข้ามช่องแคบฯ แห่งแรก ถือเป็นพระราชวังฤดูร้อนของจักรวรรดิออตโตมัน ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1861 ถึง ค.ศ. 1865 และยังเป็นสถานที่ที่ถูกใช้เป็นที่กักตัวของ สุลต่านอับดุลฮามิดที่ 2 ช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่พระองค์จะเสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1918

นำทุกท่าน ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส จุดที่บรรจบกันของทวีปยุโรปและเอเชีย ซึ่งทำให้ประเทศตุรกีได้รับสมญานามว่า ดินแดนแห่งสองทวีป ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญเนื่องจากเป็นเส้นทางเดินเรือที่เชื่อมทะเลดำทะเลมาร์มาร่า เราจะได้เห็นป้อมปืนที่ตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบได้แก่ Rumeli Castle และ Anatolia Castle โดยจุดชมวิวที่สำคัญคือสะพาน แขวนบอสฟอรัส เชื่อให้รถยนต์สามารถวิ่งข้ามฝั่งยุโรปและเอเชียได้ สร้างเสร็จในปี ค.ศ.1973

มีความยาวทั้งสิ้น 1,560 เมตร และได้กลายเป็นสะพานแขวนที่ยาวเป็นอันดับ 4 ของโลกในสมัยนั้น (ปัจจุบันตกไปอยู่อันดับที่ 21) ขณะที่ล่องเรือพร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศสองข้างทาง ซึ่งสามารถมองเห็นได้ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาเช่และบ้านเรือนของบรรดาเหล่าเศรษฐีที่สร้างได้สวยงามตระการตา

กลางวัน : บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำทุกท่านชม สุเหร่าสีน้ำเงิน (BLUE MOSQUE) หรือ SULTAN  AHMET MOSQUE ถือเป็นสุเหร่าที่มีสถาปัตยกรรมเป็นสุดยอดของ 2 จักรวรรดิ คือ ออตโตมันและไบเซนไทน์ เพราะได้รวบรวมเอาองค์ประกอบจากวิหารเซนต์โซเฟียผนวกกับสถาปัตยกรรมแบบอิสลามดั้งเดิม ถือว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี สามารถจุคนได้เรือนแสน ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 7 ปี ระหว่าง ค.ศ.1609-1616 โดยตั้งชื่อตามสุลต่านผู้สร้างซึ่งก็คือ Sultan Ahmed นั้นเอง

** ข้อกำหนด โปรดแต่งกายด้วยชุดสุภาพ สำหรับการเข้าชมสุเหร่า และ จำเป็นต้องต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าชม**

สุภาพสตรี : ควรสวมกางเกงขายาวคลุมข้อเท้า เสื้อแขนยาวคลุมข้อมือ มิดชิดไม่รัดรูป และเตรียมผ้าสำหรับคลุมศีรษะ

สุภาพบุรุษ : ควรสวมกางเกงขายาว และ เสื้อแขนยาว ไม่รัดรูป

จากนั้นนำทุกท่านสู่ จัตุรัสสุลต่านอะห์เมตหรือฮิปโปโดรม (HIPPODROME) สนามแข่งม้าของชาวโรมัน จุดศูนย์กลางแห่งการท่องเที่ยวเมืองเก่า สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิ เซปติมิอุสเซเวรุสเพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่างๆของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนตินฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้นตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่าง ๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่จัดงานพิธีแต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมตซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์3 ต้น คือเสาที่สร้างในอียิปต์เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ทุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูลเสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือเสาคอนสแตนตินที่ 7

จากนั้นนำทุกท่านชม สุเหร่าเซนต์โซเฟีย (SAINT SOPHIA)หรือ โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์พระเจ้าจักรพรรดิคอนสแตนติน เป็นผู้สร้างเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่13 ใช้เวลาสร้าง 17 ปี เพื่อเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์แต่ถูกผู้ก่อการร้ายบุกทำลายเผาเสียวอดวายหลายครั้งเพราะเกิดการขัดแย้งระหว่างพวกที่นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลามจวบจนถึงรัชสมัยของ  พระเจ้าจัสตินเนียนมีอำนาจเหนือตุรกีจึงได้สร้าง โบสถ์เซนต์โซเฟีย ขึ้นใหม่ ใช้เวลาสร้างฐานโบสถ์ 20 ปี ตัวโบสถ์ 5 ปี เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1996 (ค.ศ 1435) พระองค์ต้องการให้เป็นสิ่งสวยงามที่สุดได้พยายามหา สิ่งของมีค่าต่างๆมาประดับไว้มากมาย สร้างเสร็จได้มีการเฉลิมฉลองกันอย่าง มโหฬารต่อมาเกิดแผ่นดินไหวอย่างใหญ่ทำให้แตกร้าวต้องให้ช่างซ่อมจนเรียบร้อยในสภาพเดิมเมื่อสิ้นสมัยของจักรพรรดิจัสตินเนียน ถึงสมัย พระเจ้าโมฮัมเหม็ดที่ 2 มีอำนาจเหนือตุรกี และเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามจึงได้ดัดแปลงโบสถ์หลังนี้ให้เป็นสุเหร่าของ

คาเฟ่รากา เมเดรเซ CAFER AGA MEDRESESI เป็นอดีตวิทยาลัยสอนศาสนา ตั้งอยู่ในอิสตันบูลประเทศตุรกีถัดจากสุเหร่าโซเฟีย สร้างขึ้นในปี 1559 โดย ซิมาร์ ซีนัน ต่อมาในปี 1989 กระทรวงวัฒนธรรมได้เปลี่ยนโฉมที่แห่งนี้ให้กลายเป็นศูนย์นักท่องเที่ยวที่มีห้องเรียน/ห้องนิทรรศการ 15 ห้อง และสวนหย่อม ที่นี่มีการสอนทำและจำหน่าย งานฝีมือ แบบดั้งเดิมของตุรกี เช่นการประดิษฐ์ตัวอักษรเซรามิกเครื่องประดับ ภาพวาดต่างๆ และอื่นๆ ปัจจุบันที่แห่งนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นศุนย์กลางสำคัญของศิลปะคลาสสิคของตุรกี นอกจากนี้ยังมีร้านคาเฟ่ให้บริการเครื่องดื่มและอาหารตุรกีอีกด้วย

ค่ำ : บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

วันที่ 7
สวนดอกทิวลิป อีเมอร์กัน พาร์ค-ตลาดสไปซ์มาร์เก็ต (SPICE MARKET)-ย่าน FENER & BALAT

เช้า : บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำทุกท่านเข้าชม สวนดอกทิวลิป อีเมอร์กัน พาร์ค EMIRGAN TULIP PARK  (เทศกาลดอกทิวลิปเปิดให้เข้าชมระหว่างวันที่ 1-30 เมษายนเท่านั้น)  สวนดอกทิวลิปหลากสีหลายสายพันธุ์นับล้านดอกที่สวยที่สุด และมีชื่อเสียงที่สุดของตุรกี ตลอดเดือนเมษายน เทศกาลทิวลิปอิสตันบูล เป็นเทศกาลประจำปี โดยจะจัดในช่วง 3 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายน เพื่อเฉลิมฉลองทั้งฤดูใบไม้ผลิ และความสำคัญของดอกทิวลิป ที่มีต่ออาณาจักรออตโตมัน และวัฒนธรรมตุรกี ปกติแล้วเทศกาลนี้จัดขึ้นที่สวนสาธารณะ ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมือง เช่น สวนสาธารณะ Gulhane สวนสาธารณะ Yildiz สวนสาธารณะ Beykoz รวมทั้งสวนสาธารณะ Emirgan ให้ทุกท่านได้ถ่ายรูปตามอัธยาศัย

นำท่านสู่ ตลาดสไปซ์มาร์เก็ต (SPICE MARKET)หรือตลาดเครื่องเทศ ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึก เครื่องประดับ ชา กาแฟ ผลไม้อบแห้ง ขนมของหวานขึ้นชื่อและถั่วหลากหลายชนิดให้เลือกสรร

จากนั้นให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศใหม่ ไม่เหมือนใครกับการชมเมืองอีสตันบูล รูปแบบสไตล์เมืองเก่า นั้นคือ ย่าน FENER & BALAT ชุมชนชาวยิวเก่าแก่ กว่า 100 ปี ที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองเก่าของกรุงอีสตันบูล โดยอยู่ฝั่งบริเวณเขตยุโรป ท่านจะได้สัมผัสความคลาสสิคของตึกเก่า ที่ปลูกสร้างตามแนวสันเขาเล่นระดับแบบมีเอกลักษณ์ และที่สำคัญยังสวยงาม ด้วยสีสันสดใส สะดุดตา น่ามอง จนทำให้เกิดเป็นมุมถ่ายรูป ชิคๆ เก๋ๆ มากมายในเขตชุมชนแห่งนี้ และน่าแปลกใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากความสงบเงียบ และเป็นมิตรของผู้คนในย่านนี้ ทำให้ท่านแทบไม่เชื่อเลยว่ากำลังเดินเที่ยวอยู่ ณ เมืองอิสตันบูล จนชุมชนนี้ได้ถูกขนานนามจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนว่า ซิงเกวเตเล่ แห่งตุรกี

ได้เวลาอันสมควร นำทุกท่านเดินทางสู่สนามบิน

16.35 น. : เหิรฟ้าสู่ กรุงเทพมหานครโดยสายการบิน Turkish Airlinesเที่ยวบินที่ TK58 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)

วันที่ 8
เมืองอิสตันบูล-กรุงเทพฯ

06.15+1 น. : คณะเดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิกรุงเทพมหานคร ด้วยความสวัสดิภาพและความประทับใจ

เงื่อนไข
  • ค่าบัตรโดยสารโดยเครื่องบินไป-กลับ พร้อมคณะ ชั้นประหยัด (Economy Class) ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง (Upgrade) หรือ เปลี่ยนแปลง วันเดินทางกลับ (Change Date) ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม
  • ค่าภาษีน้ำมัน ภาษีสนามบินทุกแห่งที่มี
  • ค่าธรรมเนียมการโหลดกระเป๋าสัมภาระลงใต้ท้องเครื่องบิน โดยสายการบิน TURKISH AIRLINES อนุญาตให้โหลดกระเป๋าสัมภาระลงใต้ท้องเครื่องบินได้ ท่านละ 1 ชิ้น โดยมีน้ำหนักรวมกันไม่เกิน 30 กิโลกรัม
  • ค่ารถโค้ชปรับอากาศตลอดเส้นทาง ตามรายการที่ระบุ (ยังไม่รวมทิปคนขับรถ)
  • ค่าโรงแรมที่พักระดับมาตราฐานตามที่รายการระบุ (พักห้องละ 2 ท่าน หรือ 3 ท่าน ต่อห้อง กรณีที่โรงแรมมีห้องพัก 3 ท่าน Triple ว่าง) กรณีมีงานเทรดแฟร์ การแข่งขันกีฬา หรือ กิจกรรมอื่นๆ ที่ทำให้โรงแรมตามรายการที่ระบุเต็ม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ ในการปรับเปลี่ยนโรงแรมที่พักไปเป็นเมืองใกล้เคียงแทนโดยอ้างอิงมาตรฐานคุณภาพและความเหมาะสมเดิมโดยคำนึงถึงประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ
  • ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามรายการระบุ กรณีไม่รวมจะชี้แจงไว้ในโปรแกรมชัดเจน
  • ค่าอาหารตามที่รายการระบุ โดยทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ
  • ค่าจ้างมัคคุเทศก์คอยบริการ และ อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
  • ค่าประกันอุบัติเหตุในการเดินทางวงเงิน 1,000,000 บาท ค่ารักษาพยาบาล 500,000 บาท วงเงินคุ้มครองอาหารเป็นพิษ (โดยแพทย์จะต้องระบุในใบรับรองแพทย์ว่า ”อาหารเป็นพิษเท่านั้น”)
  • (หมายเหตุ:ค่าประกันอุบิติเหตุสำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 เดือน และ ผู้ใหญ่อายุมากกว่า 75 ปีทางบริษัทประกันฯจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพียงครึ่งหนึ่งของสัญญาฯ)
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัวนอกเหนือจากรายการที่ระบุ เช่น ค่าทำหนังสือเดินทาง ค่าโทรศัพท์ ค่าโทรศัพท์ทางไกล ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าซักรีด มินิบาร์ในห้อง รวมถึงค่าอาหาร เครื่องดื่มที่สั่งเพิ่มนอกเหนือรายการ และ ค่าพาหนะต่างๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้ในรายการ (กรุณาสอบถามอัตราค่าบริการจากหัวหน้าทัวร์ก่อนการใช้บริการทุกครั้ง)
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% กรณีต้องการออกใบเสร็จรับเงินในนามบริษัท
  • ค่ายกขนกระเป๋าเดินทางท่านละ 1 ใบ โดยเฉลี่ย 1-2 USD / ท่าน กรณีใช้บริการ BELL BOY ของแต่ละโรงแรม
  • ค่าทิปมัคคุเทศก์ท้องถิ่น คนขับรถ หัวหน้าทัวร์ไทย ท่านละ 80 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา (USD) /ทริป/ท่าน ตามธรรมเนียม
  • ค่าทิปรวมตลอดการเดินทางทั้งหมด ตามธรรมเนียม 80 USD เหรียญดอลล่าร์สหรัฐอเมริกา (USD) รวมไปถึงเด็กอายุมากกว่า 2 ปี ยกเว้น เด็กอายุไม่ถึง 2 ปี ณ วันเดินทางกลับ
  • ค่าธรรมเนียมการยื่นขอวีซ่า กรณีผู้เดินทางที่ถือหนังสือเดินทางต่างประเทศ (ไม่ใช่หนังสือเดินทางไทย) อัตราค่าบริการ และ การขอวีซ่า กรุณาติดต่อกับเจ้าหน้าที่เป็นกรณีพิเศษ เพื่อขอคำแนะนำในการยื่นคำร้องขอวีซ่า

***หมายเหตุ***

  • บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ยกเลิกการเดินทางก่อนล่วงหน้า 15 วัน ในกรณีที่ไม่สามารถทำกรุ๊ปได้อย่างน้อย 15 ท่าน  ซึ่งในกรณีนี้ทางบริษัทฯ ยินดีคืนเงินให้ทั้งหมด หรือจัดหาคณะทัวร์อื่นให้ถ้าต้องการ
  • ในกรณีที่คณะออกเดินทางต่ำกว่า 15 ท่าน หรือมาตรฐานของการยืนยันการเดินทาง จะมีการเปลี่ยนแปลงขนาดของพาหนะที่ใช้ในการนำเที่ยว ตลอดรายการทัวร์ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
Share on social networks
โปรแกรมทัวร์ที่น่าสนใจ
  • ม.ค.66 - ก.พ.66
  • 6 วัน 4 คืน
เริ่มต้น 29,900 บาท
  • ก.ย.65 - ต.ค.65
  • 9 วัน 5 คืน
เริ่มต้น 39,999 บาท