กัสโต้ เวิล์ด ทัวร์

บริการคุณภาพ ทุกเส้นทางท่องเที่ยว

เลขที่ 11/03295

ทัวร์จอร์เจีย UNTOUCHABLE VIEW OF CAUCASUS GEORGIA AND AZERBAIJAN

รหัส 006-3139
วันที่เดินทาง
เม.ย.66 - มิ.ย.66
ช่วงเวลา
10 วัน 7 คืน
ราคาเริ่มต้น
84,900 บาท
แผนการเดินทาง
วันที่ 1
กรุงเทพ

20.00 น.   คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 10 เคาน์เตอร์ U สายการบินสายการบินเตอกิช แอร์ไลน์ พบเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก

23.05 น.   ออกเดินทางสู่เมืองอิสตันบูล โดยเที่ยวบิน TK 69

วันที่ 2
อิสตัลบูล – บากู – ภูเขาแห่งไฟ – วิหารแห่งไฟ

05.15 น.   เดินทางถึงสนามบินเมืองอิสตันบูล รอเปลี่ยนเครื่อง

07.15 น.   ออกเดินทางต่อสู่สนามบินนานาชาติเมืองบากู ด้วยเที่ยวบิน TK332

10.55 น.   ถึงสนามบินนานาชาติเมืองบากู (Baku) ประเทศอาเซอร์ไบจาน (Azerbaijan) (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 3 ชั่วโมง) นำท่านผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร เมืองบากูเป็นเมืองหลวงของประเทศอาเซอร์ไบจาน ตั้งอยู่บริเวณริมทะเลสาบแคสเปียนบนคาบสมุทรเล็กๆ ที่มีชื่อว่า อับเซรอน ที่ยื่นออกไปในทะเล ประกอบด้วยพื้นที่ 3 ส่วน คือ ย่านเมืองเก่าภายในป้อมกำแพง ตัวเมืองที่สร้างขึ้นในสมัยโซเวียต และตัวเมืองปัจจุบัน

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย   จากนั้นนำท่านเที่ยวชมเมืองเก่าบากู (Baku Old City) ซึ่งเป็นเขตเก่าแก่ที่สำคัญสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 เมืองนี้ตั้งอยู่ใจกลางกรุง เป็นย่านที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ล้อมรอบไปด้วยกำแพงที่ในอดีตที่มีไว้ป้องกันตัวเมือง และรอบกำแพงจะมีการสร้างเป็นป้อมหอคอยซึ่งมีทั้งหมด 25 แห่งและมีประตูทางเข้าออกถึง 5 แห่ง และภายในมีสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น ปราสาทและสุสานของราชวงศ์ชีวาน (Shivan Dynasty Palace and Tomb) สุเหร่าดีวานข่าน (Divankhane Mosque) สุเหร่าและเสาหอคอยมินาเรต์ (Mosque and Minarets) และที่สำคัญคือหอคอยไมเด็น (Maiden Tower) ที่สวยงาม เป็นหอคอยในยุคสมัยศตวรรษที่ 12 สองสถาปัตยกรรมสำคัญนี้เป็นสองสถานที่แรกในอาเซอร์ไบจานที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก นำท่านไปเที่ยวชมหอคอยไมเด็น ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่เก่าแก่ของเมือง และหลากหลายด้วยโบราณสถานของสิ่งก่อสร้างและต่อไปด้วยตลาดกลางแจ้งที่เต็มไปด้วยสินค้าต่างๆหลายอย่าง ที่แสดงให้เห็นว่าทำมาจากยุคหิน และยังมีพรมที่ทำด้วยมืออันสวยงาม นอกจากนั้นยังมีศิลปะอันเก่าแก่และร้านอาหารที่เลิศรสที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 

จากนั้นนำท่านเดินทางต่อไปยังบริเวณแหลมอับเชรอน ซึ่งเป็นที่มีไฟติดอยู่ตลอดมายูนาร์แด๊ก (Yunar Dag) หรือได้ชื่อว่าภูเขาแห่งไฟ (Fire Mountain) สถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นมาแต่โบราณกาล ที่มีเปลวไฟเกิดจากก๊าซที่ลุกไหม้ต่อเนื่องกันนาน จนเป็นที่รู้จักกันดี และได้ชื่อว่าเป็น ดินแดนแห่งไฟ (Land of Fire) จากนั้นนำท่านไปชมวิหารแห่งไฟ (Fire Temple) หรือเรียกว่า อะเทสห์กาห์ของบากู (Ateshgah of Baku) เป็นวิหารที่ถูกสร้างขึ้นใช้สำหรับพิธีการทางศาสนา ที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมและมีกระถางไฟอยู่ตรงกลาง และบริเวณรอบๆ ด้านนอกมี่ห้อง 26 ห้องถูกสร้างเป็นที่พักอาศัยของพวกพระ ถูกสร้างขึ้นในขณะที่ศาสนาโซโรแอสเตอร์กำลังเริ่มต้นและมีความรุ่งเรืองในเวลาต่อมา และพวกอินเดียได้เข้ามาระหว่างศตวรรษที่17-18 และต่อมาถูกทิ้งให้ร้างจนกระทั่งปี ค.ศ.1883 เมื่อบริเวณ เมืองนี้ได้ขุดพบน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และต่อมาก็ได้ถูกทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ในปี ค.ศ.1975

ค่ำ   รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร

ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก PARK INN BY RADISSON หรือเทียบเท่า

วันที่ 3
บากู - โกบัสตาน – ภูเขาโคลน - ภาพแกะสลักบนภูเขาหิน ณ พิพิธภัณฑ์เปิด - เชคี

เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองโกบัสตาน (Gobustan) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองบากู นำท่านขึ้นรถ 4WD สู่ภูเขาโคลน (Mud Volcano) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศอาร์เซอร์ไบจาน และถูกบันทึกลงในกินเนส เวิลด์ (Guinness World Record) เมื่อ 5 ก.ย. 2004 ชมความแปลกประหลาดและสวยงามของภูเขาโคลนที่มีชื่อเสียง (Mud Domes) ซึ่งเกิดขึ้นที่บริเวณนี้มีอยู่ประมาณ 700 แห่ง ภูเขาดินโคลนนี้เกิดจากดินเหลวที่อยู่ใต้ดิน ก๊าซและน้ำที่ร้อนเมื่อถูกผสมรวมกัน ก็จะมีการพลุ่งขึ้นมาบนพื้นดินเป็นรูปกรวยหรือโดมที่สวยงาม จากนั้นนำท่านชมภาพแกะสลักบนภูเขาหิน ณ พิพิธภัณฑ์เปิด (Rock Painting Open-air Museum) ให้ท่านได้ชมความสวยงามของหินภูเขาที่มีการแกะสลักภาพที่เป็นรูปต่างๆ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปีค.ศ.2007 เช่น ภาพการล่าสัตว์ รูปคนเต้นรำ ช้าง เรือ หมู่ดาวและสัตว์

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย   นำท่านเดินทางสู่ เมืองเชคี (Sheki) ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของอาเซอร์ไบจาน และเป็นเมืองศูนย์กลางการปกครองของจังหวัดเชคี ตั้งอยู่ในบริเวณเทือกเขาคอเคซัสใหญ่และอยู่ติดกับจอร์เจีย  เมืองแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยภูเขา ช่องเขาที่แคบพร้อมทั้งมีลำธารน้ำไหลและป่าเขาที่เขียวชอุ่มที่ชุ่มชื้นไปด้วยน้ำ มีน้ำที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดินมากมายจึงทำให้เกิดบรรยากาศและน้ำตกที่สวยงาม และนอกจากนั้นยังมีบ่อน้ำแร่ที่ใสสะอาด นำท่านชมความสวยงามของเมืองเชคี  เมืองที่มีธรรมชาติที่สวยงาม ในอดีตเมืองนี้เคยเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่งในยุคของรัฐอัลบาเนียนในราวศตวรรษที่ 1 ทำให้มีโบราณสถานหลงเหลือให้เห็นอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการแกะสลักไม้ ที่มีการค้าขายเกี่ยวกับเส้นทางสายไหมในอดีต ซึ่งจะมีที่พักสำหรับกองคาราวานที่เดินทางมาแวะพักที่เมืองนี้ ที่ถูกสร้างขึ้นมาในศตวรรษที่ 18 และศตวรรษที่ 19

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก SHEKI PALACE หรือเทียบเท่า

วันที่ 4
เชคี – ซิกนากี – กำแพงเมืองโบราณ - ทบิลิซี – ล่องเรือแม่น้ำมิตควารี

เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านข้ามพรหมแดนอาร์เซอร์ไบจัน – จอเจียร์เดินทางสู่เมืองซิกนากี (Signagi) ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางการปกครองเขตซิกนากีในจังหวัดคาเคตีที่อยู่ทางด้านใต้ของประเทศ เป็นเมืองเล็กๆมีประชากรอาศัยอยู่ ประมาณ 4,000 คน เป็นเมืองที่มีความสำคัญที่มีการทำเหล้า ไวน์ ผลิตพรม และผลิตอาหารที่สำคัญของจอร์เจีย ชมความสวยงามและบรรยากาศของเมืองซิกนากีเมืองที่ได้ชื่อว่า “เมืองแห่งความรัก” ตั้งอยู่บนทิวทัศน์อันสวยงามของแม่น้ำเลซานิกลาง

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย   นำท่านชมอารามสงฆ์แห่งบอดบี (Monastery of St.Nino at Bodbe) อารามสงฆ์ในนิกายจอร์เจียนออร์โธดอกซ์สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 แต่ได้รับการบูรณะใหม่ทั้งหมดในศตวรรษที่17 ปัจจุบันเป็นอารามนางชีอุทิศให้นักบุญนีโน่ จากนั้นนำชมกำแพงเมืองโบราณ (Signagi City Wall) ที่เหลือเพียงแห่งเดียวในจอร์เจีย หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองทบิลิซี (Tbilisi) นำท่านชมทัศนียภาพบรรยากาศของเมืองทบิลิซี (Tbilisi) เมืองหลวงของประเทศจอร์เจีย ที่มีความสำคัญของประวัติศาสตร์มากมาย และมีโครงสร้างสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เมืองหลวงทบิลิซี เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของจอร์เจีย เมืองนี้ถูกสร้างโดย วาคตัง กอร์กาซาลี (Vakhtang Gorgasali) กษัตริย์จอร์เจียแห่งไอบีเรีย ได้ก่อตั้งเมืองนี้ขึ้นในคริสตศวรรษที่ 4 เมืองทบิลีซี เป็นศูนย์กลางการทำอุตสาหกรรม สังคม และวัฒนธรรมในภูมิภาคคอเคซัส ในประวัติศาสตร์ เมืองนี้อยู่ในส่วนของเส้นทางสายไหม และปัจจุบันยังมีบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางการขนส่งและการค้า เนื่องจากความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ในแง่ที่ตั้งที่เป็นจุดตัดระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรป จากนั้นนำท่านล่องเรือแม่น้ำคูรา (Kura) หรือเรียกว่า แม่น้ำมิตควารี (Mtkvari) แม่น้ำที่ตัดผ่านเมืองทบิลิซีไหลลงสู่ทะเลแคสเปี้ยนถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศอันคลาสสิกของเหล่าบ้านเรือนอันมีสีสันงดงามตามสถาปัตยกรรมชาวจอร์เจีย

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย

ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก RADIUS หรือเทียบเท่า

วันที่ 5
ทบิลิซี – โบสถ์ทรินิตี้ – โบสถ์เมเคตี – ถนนคนเดินชาดินี่ - วิหารซีโอนี - สะพานแห่งสันติภาพ

เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านชมโบสถ์ทรินิตี้ (Holy Trinity Church) หรืออีกชื่อนึงโบสถ์ซามีบา ที่มีความหมายว่า โบสถ์พระตรีเอกานุภาพศักดิ์สิทธิ์ เป็นโบสถ์หลักของคริสตจักรออร์ทอดอกซ์จอร์เจีย อีกทั้งยังถูกจัดให้เป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในแถบอ่าวเปอร์เซีย และมีความสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก หลังจากนั้นนำท่านขึ้นกระเช้าไฟฟ้าชมป้อมนาริกาลา(Narikala Fortress) ซึ่งเป็นป้อมปราการหินโบราณขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนเนินเขา สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 4 ผ่านผู้ปกครองมาหลายยุคหลายสมัยที่ต่างผลัดกันเข้ามารุกรานนครเล็กๆ บนเส้นทางสายไหมแห่งนี้ ราชวงศ์อุมัยยัดของชาวอาหรับได้ต่อเติมป้อมในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 7 ต่อมาพวกมองโกลตั้งชื่อให้ใหม่ว่า Narin Qala แปลว่าป้อมน้อย (Little Fortress) นักประวัติศาสตร์ยกย่องว่าป้อมนาริกาลาเป็นป้อมแห่งหนึ่งบนเส้นทางสายไหมที่แข็งแกร่งและตีได้ยากที่สุด จากนั้นนำท่านถ่ายรูปคู่กับโรงอาบน้ำโบราณ หรือ อะบานู อุบานิ (Abanotubani) เป็นสถานที่สาหรับแช่น้ำพุร้อนที่มีแร่ถามะถัน ตามตำนานเล่าขานว่าในสมัยพระเจ้าวัคตังที่ 1 กอร์กัซลี่นกเหยี่ยวของพระองค์ได้ตกลงไปในบริเวณดังกล่าว จึงทำให้ค้นพบบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ขึ้น ลักษณะคล้ายโรงอาบน้ำเหมือนกับการออนเซ็นของชาวญี่ปุ่นผสมรวมกับการอาบน้ำแบบตุรกี นำท่านชมหมู่โรงอาบน้ำที่มีการสร้างและให้บริการตั้งแต่ยุคกลางจนถึงปัจจุบันที่มีรูปแบบตัวอาคารที่หลากหลาย

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน

บ่าย   นำท่านชม โบสถ์เมเคตี (Metekhi Church) เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 ตั้งอยู่บริเวณริมหน้าผาที่เบื้องล่างเป็นแม่น้ำมิตคาวารี ในอดีตถูกใช้เป็นป้อมปราการ และที่พำนักของกษัตริย์ ในบริเวณเดียวกันจากนั้นพาท่านชม ถนนคนเดินชาดินี่ (Shardini Street) ซึ่งเป็นถนนใหญ่ของเมืองที่มีชื่อเสียงและกลิ่นไอแบบยุโรป และอาคารที่ถูกสร้างขึ้นที่มีรูปร่างลักษณะใหญ่โตแข็งแรง และยังเต็มไปด้วยร้านค้าที่มีสินค้าแบรนด์เนมต่างๆมากมาย และตามบริเวณทางเท้ายังเต็มไปด้วยร้านค้าที่ขายของที่ระลึกที่เป็นสินค้าพื้นเมืองอันหลากหลาย นำท่านถ่ายรูปกับ วิหารซีโอนี (Sioni Cathedral) โบสถ์หลังใหญ่ของนิกายออร์โธด็อกซ์ที่ถูกสร้างขึ้นในเมืองนี้โดยชื่อของโบสถ์ได้นำมาจากดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ คือ ภูเขาไซออนในเจรูซาเล็ม และถ่ายรูปคู่กับ สะพานแห่งสันติภาพ (The Bridge of Peace) เป็นอีกหนึ่งงานสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจในเมืองทบิลิซี ออกแบบโดย สถาปนิกชาวอิตาเลี่ยนชื่อ Michele De Lucchi โดยสะพานมีความยาวประมาณ 150 เมตร มีลักษณะการออกแบบร่วมสมัย เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2010 โครงสร้างนั้นถูกออกแบบและสร้างที่อิตาลี และนำเข้ามาโดยรถบรรทุก 200 คัน เพื่อเข้ามาติดตั้งในเมืองทบิลิซี ที่ตั้งนั้นอยู่บนแม่น้ำ Mtkvari River สามารถมองเห็นได้หลายมุมจากในเมือง

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (พิเศษชมการแสดงพื้นเมืองของจอเจียร์อันน่าตื่นตาตื่นใจ)

ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก RADIUS หรือเทียบเท่า

วันที่ 6
ทบิลิซี – อนุสาวรรีย์ประวัติศาสตร์จอร์เจีย – มิสเคต้า – วิหารจวารี – ป้อมอันนานูรี - คาซเบกี้

เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านถ่ายรูปคู่กับอนุสาวรรีย์ประวัติศาสตร์จอร์เจีย (The Chronicle of Georgia) ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่งหินสีดำขนาดใหญ่แกะสลักเป็นรูปต่างๆที่สื่อถึงเรื่องราวในอดีตของประเทศจอร์เจีย สร้างขึ้นโดย ซุราป สถาปนิกชื่อดังก่อสร้างเมื่อปี 1985 ประกอบด้วยแท่งเสา 16 แท่ง แต่ละแท่งสูง 35 เมตร แต่ละเสาจะแบ่งเรื่องราวออกเป็น 3 ส่วน คือส่วนล่างสุดเกี่ยวกับพระคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ ส่วนกลางเกี่ยวกับเรื่องของข้าราชการชนชั้นสูงของจอร์เจีย และส่วนบนเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญต่างๆของประเทศ ท่านสามารถชมวิวเมืองจากมุมสูงได้จากสถานที่แห่งนี้ 

นำท่านเดินทางสู่เมืองมิสเคต้า (Mtskheta) ซึ่งเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของประเทศจอร์เจียสมัยอาณาจักรไอบีเรีย (Kingdom of Iberia) ซึ่งเป็นราชอาณาจักรของจอร์เจียในช่วง 500 ปีก่อนคริสตกาลตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือห่างจากกรุงทบิลิซี ประมาณ 20 กม. เมืองนี้ถือได้ว่าเป็นเมืองที่มีความเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของประเทศ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1994 นำท่านชมวิหารจวารี (Jvari Monastery) หรือโบสถ์แห่งไม้กางเขนอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาคริสต์นิกายออโธด๊อก สร้างขึ้นเมื่อคริสตวรรษที่ 6 ชาวจอร์เจียสักการะนับถือวิหารแห่งนี้เป็นอย่างมาก ภายในโบสถ์มีไม้กางเขนขนาดใหญ่ โบสถ์นี้ตั้งอยู่บนภูเขาที่มีแม่น้ำสองสายมาบรรจบกันคือแม่น้ำมิควารี (Mtkvari river) และแม่น้ำอรักวี (Aragvi river) จากนั้นนำท่านชมวิหารสเวติสโคเวลี (Svetitskhoveli Cathedral) หรือหมายถึงเสาที่มีชีวิต (The Living Pillar Cathedral) สร้างราวศตวรรษที่ 11 โบสถ์แห่งนี้ถือเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของจอร์เจีย สร้างขึ้นโดยสถาปนิกชาวจอร์เจีย ชื่อ Arsukisdze มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่ทำให้ชาวจอร์เจียเปลี่ยนความเชื่อและหันมานับถือศาสนาคริสต์ และให้ศาสนาคริสต์มาเป็นศาสนาประจำชาติของจอร์เจียเมื่อปี ค.ศ.337 และถือเป็นสิ่งก่อสร้างยุคโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศจอร์เจีย ภายในมีภาพเขียนสีเฟรสโก้อย่างงดงาม

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย   จากนั้นนำท่านชมป้อมอันนานูรี (Ananuri Fortress) ป้อมปราการเก่าแก่ มีกำแพงล้อมรอบตั้งอยู่ริมแม่น้ำอรักวี ถูกสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่16-17 ชมความงดงามขอโบสถ์ 2 หลังที่ตั้งอยู่ภายในกำแพง ซึ่งเป็นโบสถ์ของชาวเวอร์จิ้น ภายในยังมีหอคอยทรงสี่เหลี่ยมใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน ทำให้เห็นทัศนีย์ภาพทิวทัศน์อันสวยงามด้านล่างจากมุมสูงของป้อมปราการนี้ 

นำท่านเดินทางต่อไปยังเมืองคาซเบกี้ (Kazbegi) หรือปัจจุบันเรียกว่า เมืองสเตปันสมินดา (Stepansminda) ชื่อนี้เพิ่งเปลี่ยนเมื่อปี 2006 หลังจากนักบุญนิกายออร์โธด๊อก ชื่อ สเตฟาน ได้มาพำนักอาศัยและก่อสร้างสถานที่สำหรับจำศีลภาวนาขึ้น เมืองนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงทบิลิซี ประมาณ 157 กิโลเมตร เป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเทอร์กี้ ถือเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวบนเทือกเขาคอเคซัส (Caucasus) ที่สำคัญของประเทศจอร์เจีย มีภูมิทัศน์ที่สวยงามโดยรอบ รวมทั้งเป็นจุดชมวิวของยอดเขาคาซเบกี้อีกด้วย จากนั้นนำท่านขึ้นรถ 4WD (รถขับเคลื่อน 4 ล้อ) เพื่อเข้าสู่ใจกลางหุบเขาคอเคซัส (Caucasus) นำท่านชมความสวยงามของโบสถ์เกอร์เกตี้ (Gergeti Trinity Church) หรือเรียกว่าโบสถ์สมินดา ซาเมบา (Tsminda Sameba) สร้างด้วยหินแกรนิตขนาดใหญ่ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 เป็นโบสถ์ชื่อดังกลางหุบเขาคอเคซัส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญหนึ่งของประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่บนเทือกเขาคาซเบกี้ ที่ระดับความสูงจากน้ำทะเล 2,170 เมตร (***ในกรณีที่มีหิมะตกหนัก จนไม่สามารถเดินทางได้ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ ปรับเปลี่ยนโปรแกรมตามความเหมาะสม***) (***ในกรณีที่มีหิมะตกหนัก จนไม่สามารถเดินทางได้ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ ปรับเปลี่ยนโปรแกรมตามความเหมาะสม***)

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก INTOURIST หรือเทียบเท่า

วันที่ 7
คาซเบกี้ – กูดาอูรี – อันนานูรี – อ่างเก็บน้ำชินวารี – กอรี – พิพิธภัณฑ์ของท่านสตาลิน - บอร์โจมี่

เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่เมืองกูดาอูรี (Gudauri) ถ่ายรูปคู่กับอนุสรณ์สถานรัสเซีย จอร์เจีย (Russia Georgia Friendship Monument) อนุสรณ์สถานหินโค้งขนาดใหญ่บนเนินเขา สร้างขึ้นในปี 1983 เพื่อเฉลิมฉลองครอบรอบ 200 ปี ของสนธิสัญญาจอร์จีเอฟสกี และความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพโซเวียตและจอร์เจีย จุดชมวิวนี้ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของจอร์เจียจากนั้น นำท่านเข้าสู่เมือง อันนานูรี (Ananuri) ถ่ายรูปคู่กับอ่างเก็บน้ำชินวารี (Zhinvali Reservoir) และยังมีเขื่อนซึ่งเป็นสถานที่สำคัญสำหรับนำน้ำที่เก็บไว้ส่งต่อไปยังเมืองหลวงและใช้ผลิตไฟฟ้า ซึ่งทำให้ชาวเมืองทบิลิซีมีน้ำไว้ดื่มไว้ นำท่านเดินทางต่อไปยังเมืองกูดาอูรี ซึ่งเป็นเมืองสำหรับสกีรีสอร์ทที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่บริเวณที่ราบเชิงเขาของเทือกเขาคอเคซัส มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,100 เมตร สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งที่พักผ่อนเล่นสกีในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน ซึ่งจะมีหิมะปกคลุมอยู่ตลอดเวลา ระหว่างทางให้ท่านได้ชมทิวทัศน์อันสวยงาม 

นำท่านเดินทางสู่ เมืองกอรี (Gori) ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของเมืองมิสเคต้า เมืองนี้เป็นเมืองบ้านเกิดของ โจเซฟ สตาลิน (Joseph Stalin) ชาวจอร์เจียที่ในอดีตเป็นผู้ปกครองสหภาพโซเวียต ในยุคศตวรรษที่ 1920 ถึง 1950 และมีชื่อเสียงเรื่องความโหดเหี้ยมในการปกครองในเมืองกอรีแห่งนี้

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย   นำท่านชม พิพิธภัณฑ์ของท่านสตาลิน (Musuem of Stalin) ซึ่งเป็นสถานที่รวบรวมเรื่องราว และสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ของสตาลินเอาไว้ รวมไปถึงตัวอาคารที่สตาลินเกิดด้วย ภายในพิพิธภัณฑ์สตาลิน มีการจัดแสดงชีวประวัติของสตาลินตั้งแต่เกิดจนกระทั่งเสียชีวิต จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังเมืองอัพลิสต์ชิเคห์ (Uplistsikhe) ซึ่งเป็นเมืองถ้ำเก่าแก่ของจอร์เจีย มีการตั้งถิ่นฐานในดินแดนแถบนี้กันมานานแล้วกว่า 3000 ปีก่อน ในอดีตเป็นเส้นทางการค้าขายสินค้าจากอินเดียไปยังทะเลดำและต่อไปถึงทางตะวันตก ปัจจุบันสถานทีแห่งนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนเหนือ ส่วนกลาง และส่วนใต้ ซึ่งส่วนกลางจะเป็นบริเวณที่ใหม่ที่สุด ประกอบไปด้วยสถาปัตยกรรมการสร้างตัดหินและเจาะลึกเข้าไปเป็นที่อยู่อาศัย ถ้ำส่วนมากจะไม่มีการตกแต่งภายในใดๆ และยังมีห้องต่างๆ ซึ่งคาดว่าเป็นโบสถ์เก่าแก่ของชาวคริสต์ ที่สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 ให้ท่านอิสระชมหมู่บ้านที่สร้างขึ้นจากถ้ำนี้ตามอัธยาศัย 

นำท่านเดินทางสู่ เมืองบอร์โจมี่ (Borjomi) เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องน้ำแร่ และเป็นเมืองพักตากอากาศมาตั้งแต่สมัย ที่จอร์เจียเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิรัสเซีย ปัจจุบันมีการส่งออกน้ำแร่บรรจุขวด ไปยัง 40 กว่าประเทศ มีการวิจัยเกี่ยวกับน้ำแร่ที่นี่พบว่า ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับ ระบบย่อยอาหาร และโรคเบาหวานทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาพักผ่อนรับอากาศ บริสุทธิ์ และดื่มน้ำแร่ จากนั้นนำท่านขึ้นกระเช้าไฟฟ้า ชม สวนบอร์โจมี่ (Borjomi City Park Cable Car) เมืองนี้นอกจากจะขึ้นชื่อ เรื่องน้ำแร่ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งแล้ว ยังเป็นเมืองที่มีความ อุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ความงามของสวนแห่งนี้ เปรียบเสมือนสวนในฝันเลยก็ว่าได้ อิสระให้ท่านได้เก็บ ภาพความประทับใจ และนั่งกระเช้าชมความสวยงาม โดยรอบ

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก PARADISE หรือเทียบเท่า

วันที่ 8
บอร์โจมี่ – คูไตซี – วิหารบากราติ – น้ำพุแห่งโคลชิส – บาทูมี

เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองคูไตซี (Kutaisi) ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ เมืองนี้มีความเจริญเป็นอันดับสองรองจากทบิลีซี ชมความสวยงามของเมืองคูไทซีซึ่งมีชื่อเสียงทางด้านวัฒนธรรมและได้รับการขึ้นทะเบียน ให้เป็นมรดกโลก ซึ่งถ้าย้อนกลับไปเมื่อสมัยศตวรรษที่ 12-13 ได้เคยเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของอาณาจักรโคลคลิส (Empire of Colclis) และอาณาจักรอีเมรีเทีย (Kingdom of Emeretia) ที่อยู่ทางด้านของตะวันตกของประเทศ

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย   นำท่านชม วิหารบากราติ (Bagrati Cathedral) เป็นอาสนวิหารสมัยศตวรรษที่11 ในเมืองคูทาย สิเป็นผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมจอร์เจียนยุคกลาง อาสนวิหารได้รับความเสียหายอย่างหนัก ตลอดหลายศตวรรษ และได้รับการสร้างขึ้นใหม่ให้อยู่ในสภาพปัจจุบันผ่านกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อย ไปมหาวิหารแห่งนี้เป็นจุดสังเกตที่โดดเด่นในทิวทัศน์ของคูทายสิตอนกลาง โดยตั้งอยู่บนเนินเขาอูกิเมริ โอนี จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ น้ำพุแห่งโคลชิส (Colchis Fountain) เป็นน้ำพุแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองคู ไตซี ตั้งอยู่ที่จตุรัสกลางเมือง ชื่อน้ำพุโครชิสสืบเนื่องมากจากการใช้เครื่องประดับโบราณของชาวโคล เชียน ที่มีอยู่ในพิพิธภัณฑ์จริงกว่า 30 ชิ้น มาขยายแบบแล้วดีไซน์เป็นน้ำพุ เช่นม้าคู่บนสุดของยอดน้ำพุ ได้ถอดแบบมาจากต่างหูของชาวโคลเชี่ยนยุคนั้น ทำให้น้ำพุแห่งนี้มีทั้งเรื่องราว และความสวยงามที่เป็น เอกลักษณ์ นำท่านชมย่านเมืองเก่า (Kutaisi Old Town) ของอาณาจักรโคลซิสหรือ อาณาจักรจอร์เจียนโบราณ เมื่อสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 12-13 

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองบาทูมี (Batumi) เมืองนี้ตั้งอยู่บนริมะเล บนชายฝั่งตะวันออกของทะเลดำ เป็นเมืองหลวงของอัตจารา เป็นสาธารณรัฐอิสระที่ ปกครองตนเองอยู่ทางด้านตะวันตกของประเทศจอร์เจีย เมืองบาทูมิ เป็นเมืองที่มีท่าเรือสำคัญ ขนาดใหญ่

ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ บนตึก Alphabetic Tower ซึ่งท่านสามารถชมวิวและเก็บภาพที่ระลึกของเมืองบาทูมิ ** ตึก Alphabetic อยุ่ระหว่างการ Renovate จนถึงเดือนพฤษภาคม 2566 สำหรับคณะที่เดินทางก่อนพฤษภาคม 2566 จะปรับไปทานอาหารที่ตึกข้างเคียงแทน **

จากนั้นนำท่านชมโชว์การแสดงน้ำพุเต้นระบำ (Fountain Show) ซึ่งตั้งอยู่กลางเมืองบาทูมิ

ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก JRW WELLMOND หรือเทียบเท่า

วันที่ 9
บาทูมี – อนุสรณ์แห่งความรักอาลีและนีโน่ – ล่องเรือในทะเลดำ - Europe Square – สนามบิน – อิสตันบูล

เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านถ่ายรูปคู่กับอนุสรณ์แห่งความรักอาลีและนีโน่ (Ali and nino sculpture) รูปปั้นสูง 8 เมตร ริมทะเลดำที่สามารถเคลื่อนไหวได้ สร้างขึ้นเพื่อแสดงถึงความรักหนุ่มสาว ต่างเชื้อชาติและศาสนาและแสดงถึงสันติภาพระหว่างประเทศจอร์เจีย

นำทุกท่าน ล่องเรือในทะเลดำชมอ่าวเมืองบาทูมี (Black Sea) เหตุที่ได้ชื่อว่าทะเลดำก็เพราะดินโคลนชายฝั่ง ดินทรายชายหาดของทะเลแห่งนี้เป็นสีดำ อันเนื่องมาจากสารไฮโดรเจนซัลไฟด์ ให้ท่านได้เพลิดเพลินชมความงามของอ่าวเมืองบาทูมิ จากนั้นนำท่านเดินทางบนถนนเลียบชายหาด (Batumi Promenade) ที่ยาวถึง 6 กิโลเมตร สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1884 ประดับด้วยน้ำพุงดงามตลอดสาย และเป็นถนนที่ยาวที่สุดบนฝั่งทะเลดำ

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 

นำท่านชมจตุรัสปิอัซซ่า Piazza Square สร้างขึ้นในปี 2009 เป็นอาคารที่ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังชาวจอร์เจีย Vazha orbeladze สร้างด้วยสไตล์สถาปัตยกรรมแบบผสมผสานและจินตนาการนิทานทำให้เมืองนี้มีความน่ารัก เดินชมย่าน จตุรัสยุโรป จัตุรัสใจกลางเมืองที่รายล้อมไปด้วยตึกสูงเป็นย่านที่คึกครื้นของผู้คนนออกมาจับจ่าย จากนั้นนำท่านช้อปปิ้งที่ ห้างบาทูมี่ มอลล์ (Batumi Mall) ห้างใหญ่ประจำเมือง เพื่อเลือกซื้อสิ้นค้าที่ระลึกตามอัธยาศัย

เย็น   รับประทานอาหารเย็นตามอัธยาศัย

17.30 น.   ได้เวลาอันสมควรนำเดินทางสู่สนามบิน เพื่อให้ท่านมีเวลาในการทำการคืนภาษี (Tax Refund) และมีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน

20.30 น.   นำท่านเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯด้วยเที่ยวบิน TK393

21.40 น.   เดินทางถึงสนามบินอิสตันบูล รอเปลี่ยนเครื่อง

วันที่ 10
กรุงเทพฯ

01.45 น.   ออกเดินทางต่อกลับสู่ กรุงเทพด้วยเที่ยวบิน TK68

15.25 น.   เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

เงื่อนไข

อัตราค่าบริการรวม

  1. ค่าตั๋วเครื่องบิน ชั้นประหยัด (Economy Class) ที่ระบุวันเดินทางไปกลับพร้อมคณะ (ในกรณีมีความประสงค์ อยู่ต่อ จะต้องไม่เกินจำนวนวัน และอยู่ภายใต้เงื่อนไขของสายการบิน)
  2. ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งตามรายการ
  3. ค่ารถโค้ชปรับอากาศนำเที่ยวตามรายการ
  4. ค่าห้องพักในโรงแรมตามที่ระบุในรายการหรือเทียบเท่า
  5. ค่าอาหารตามที่ระบุในรายการ
  6. ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการ
  7. ค่าประกันภัยการเดินทางรายบุคคล (หากต้องการเงื่อนไขกรมธรรม์สอบถามได้จากเจ้าหน้าที่)
    ค่าประกันอุบัติเหตุคุ้มครองในระหว่างการเดินทางวงเงินไม่เกินท่านละ 1,000,000 บาท
    ค่ารักษาพยาบาลในกรณีเกิดอุบัติเหตุวงเงินไม่เกินท่านละ 500,000 บาท (ตามเงื่อนไขกรมธรรม์)
    ** ลูกค้าท่านใดสนใจ…ซื้อประกันการเดินทางสำหรับครอบคลุมเรื่องสุขภาพสามารถสอบถามข้อมูล เพิ่มเติมกับทางบริษัทได้ **
    – เบี้ยประกันเริ่มต้น 341 บาท [ระยะเวลา 4-6 วัน]
    – เบี้ยประกันเริ่มต้น 395 บาท [ระยะเวลา 7-10 วัน]
    **ความครอบคลุมผู้เอาประกันที่มีอายุตั้งแต่แรกเกิด ถึง 85 ปี **
    [รักษาพยาบาล 2 ล้าน, เสียชีวิตหรือเสียอวัยวะจากอุบัติเหตุ 1.5 ล้านบาท]
  8. ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% (เฉพาะค่าบริการ)

อัตราค่าบริการไม่รวม

  1. ค่าธรรมเนียมการจัดทำหนังสือเดินทาง
  2. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิเช่น ค่าเครื่องดื่มที่สั่งพิเศษ, ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, ค่าธรรมเนียมหนังสือเดินทาง, ค่าน้ำหนักเกินจากทางสายการบินกำหนดเกินกว่า , ค่ารักษาพยาบาล กรณีเกิดการเจ็บป่วยจากโรคประจำตัว, ค่ากระเป๋าเดินทางหรือของมีค่าที่สูญหายในระหว่างการเดินทาง เป็นต้น
  3. ค่าธรรมเนียมน้ำมันและภาษีสนามบิน ในกรณีที่สายการบินมีการปรับขึ้นราคา
  4. ค่าบริการยกกระเป๋าในโรงแรม ซึ่งท่านจะต้องดูแลกระเป๋าและทรัพย์สินด้วยตัวท่านเอง
  5. ค่าทิปพนักงานขับรถและไกด์ท้องถิ่น (40 USD/ต่อท่าน)
  6. ค่าทิปมัคคุเทศก์จากเมืองไทย (30 USD/ต่อท่าน)

เงื่อนไขการให้บริการ

  1. ชำระเงินมัดจำท่านละ 40,000 บาท โดยโอนเข้าบัญชี ที่นั่งจะยืนยันเมื่อได้รับเงินมัดจำแล้วเท่านั้น
  2. ส่งสำเนาหน้าพาสปอร์ตของผู้ที่เดินทาง ที่มีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือน เพื่อทำการจองคิวยื่นวีซ่าภายใน 3 วันนับจากวันจอง หากไม่ส่งสำเนาหน้าพาสปอร์ตทางบริษัทขออนุญาติยกเลิกการจองทัวร์โดยอัตโนมัติ
  3. เมื่อได้รับการยืนยันว่ากรุ๊ปออกเดินทางได้ ลูกค้าจัดเตรียมเอกสารให้การขอวีซ่าได้ทันที
  4. หากท่านที่ต้องการออกตั๋วโดยสารภายในประเทศ (กรณีลูกค้าอยู่ต่างจังหวัด) ให้ท่านติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนออกบัตรโดยสารทุกครั้ง หากออกบัตรโดยสารโดยมิแจ้งเจ้าหน้าที่ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
  5. การยื่นวีซ่าในแต่ละสถานทูตมีการเตรียมเอกสาร และมีขั้นตอนการยื่นวีซ่าไม่เหมือนกัน ทั้งแบบหมู่คณะและยื่น รายบุคคล (แสดงตน) ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนการจองได้จากทางเจ้าหน้าที่
  6. หากในคณะของท่านมีผู้ต้องการดูแลพิเศษ นั่งรถเข็น (Wheelchair), เด็ก, ผู้สูงอายุ, มีโรคประจำตัว หรือไม่สะดวกใน การเดินทางท่องเที่ยวในระยะเวลาเกินกว่า 4-5 ชั่วโมงติดต่อกัน ท่านและครอบครัวต้องให้การดูแลสมาชิกภายในครอบครัวของท่านเอง เนื่องจากการเดินทางเป็นหมู่คณะ หัวหน้าทัวร์มีความจำเป็นต้องดูแลคณะทัวร์ทั้งหมด

เงื่อนไขในการยกเลิก

  1. บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าใช้จ่ายทั้งหมดกรณีท่านยกเลิกการเดินทางและมีผลทำให้คณะเดินทางไม่ครบตามจำนวนที่ บริษัทฯกำหนดไว้ (20ท่านขึ้นไป) เนื่องจากเกิดความเสียหายต่อทางบริษัทและผู้เดินทางอื่นที่เดินทางในคณะเดียวกันบริษัทต้องนำไปชำระค่าเสียหายต่างๆที่เกิดจากการยกเลิกของท่าน
  2. กรณีเจ็บป่วย จนไม่สามารถเดินทางได้ ซึ่งจะต้องมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลรับรอง บริษัทฯจะทำการ เลื่อนการเดินทางของท่าน ไปยังคณะต่อไปแต่ทั้งนี้ท่านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถเรียกคืนได้คือค่าธรรมเนียมในการมัดจำตั๋ว และค่าธรรมเนียมวีซ่าตามที่ สถานทูตฯ เรียกเก็บ
  3. กรณียื่นวีซ่าแล้วไม่ได้รับการอนุมัติวีซ่าจากทางสถานทูต (วีซ่าไม่ผ่าน) และท่านได้ชำระค่าทัวร์หรือมัดจำ มาแล้ว ทางบริษัทฯ ขอเก็บเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เช่น ค่าวีซ่าและค่าบริการยื่นวีซ่า / ค่ามัดจำตั๋ว เครื่องบินหรือค่าตั๋วเครื่องบิน (กรณีออกตั๋วเครื่องบินแล้ว) ค่าส่วนต่างในกรณีที่กรุ๊ปออกเดินทางไม่ครบตามจำนวน
  4. กรณีวีซ่าผ่านแล้ว แจ้งยกเลิกก่อนหรือหลังออกตั๋วโดยสาร บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการ ไม่คืนค่าทัวร์ทั้งหมด
  5. กรณีผู้เดินทางไม่สามารถเข้า-ออกเมืองได้ เนื่องจากปลอมแปลงหรือการห้ามของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าเหตุผลใดๆ ตามทางบริษัทของสงวนสิทธิ์ในการ ไม่คืนค่าทัวร์ทั้งหมด
Share on social networks
โปรแกรมทัวร์ที่น่าสนใจ