17.00 น. : พร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศขาออกชั้น 4 เคาน์เตอร์ สายการบิน ETIHAD AIRWAYS โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสาร ติดแท็กกระเป๋าก่อนขึ้นเครื่อง
19.55 น. : นำท่านเดินทางสู่ นครวาติกัน ประเทศอิตาลี โดย สายการบิน ETIHAD AIRWAYS (EY) เที่ยวบินที่ EY407
23.25 น. : เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะพักเปลี่ยนเครื่อง
02.10 น. : นำท่านเดินทางสู่ถึง ท่าอากาศยานเลโอดาร์โน ดาร์วินชี ประเทศอิตาลี เที่ยวบินที่ EY085
06.20 น. : เดินทางถึง ท่าอากาศยานเลโอดาร์โน ดาร์วินชี ประเทศอิตาลี นำท่านผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและพิธีการทางศุลกากร (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) ตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้วนำท่านขึ้นรถโค้ชปรับอากาศ
เดินทางสู่ นครวาติกัน (Vatican City) (ระยะทาง 29 กม./ 45 นาที) ศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นเมืองแห่งศาสนจักรและที่ประทับของพระสันตะปาปา ประมุขสูงสุดแห่งศาสนา หรือ “โป๊ป” ถ่ายรูปด้านนอก โบสถ์น้อยซิสทีน (Sistine Chapel) เป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของพระสันตะปาปาในนครรัฐวาติกัน มีเอกลักษณ์โดยการตกแต่งและจิตรกรรมฝาผนังโดยจิตรกรผู้มีชื่อเสียงในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St.Peter Basilica) แห่งนครรัฐวาติกัน ที่งดงามด้วยศิลปะในยุคเรเนซองส์ ใช้เวลาสร้างถึง 150 ปี ด้านหน้ามหาวิหารเป็นลานกว้างเรียกว่า St.Peter’s Square ประกอบไปด้วยน้ำพุ 2 ด้าน และเสาโอเบลิกส์ 1 ต้น ล้อมรอบไปด้วยเหล่าเทพเทวาบนหลังคาและกำแพงสูง (ค่าทัวร์ไม่รวมค่าเข้า Vatican Museum และ Sistine Chapel ) จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ กรุงโรม (Rome) (ระยะทาง 6 ก.ม./ 20 นาที) เมืองหลวงของประเทศอิตาลี เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซีโอ นำท่านถ่ายรูปด้านนอก สัมผัสความยิ่งใหญ่ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ โคลอสเซี่ยม (Colosseum) เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม ก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57เมตร
และนำท่านชมความงามของ วิหารแพนธีอัน (Pantheon) เป็นสิ่งก่อสร้างที่ตั้งอยู่ในกรุงโรม สำหรับเป็นเทวสถานแก่เทพต่างๆ ของโรมันโบราณ แต่ในปัจจุบันอนุสาวรีย์นี้เป็นที่เก็บศพของคนสำคัญ น้ำพุเทรวี่(Trevi Fountain) เป็นลานน้ำพุและอนุสรณ์สถานที่จัดได้ว่าสวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยนอกจากในเรื่องของความสวยงามแล้วที่นี่ยังมีเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อเกี่ยวกับการโยนเหรียญอธิษฐานและเป็นน้ำพุแบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม นำท่านชมและถ่ายรูปบริเวณย่าน บันไดสเปน (Spanish steps) เป็นบันไดที่กว้างที่สุดและยาวที่สุดในทวีปยุโรป ถูกเรียกชื่อตามสถานฑูตสเปน จัตุรัสนี้ยังต่อตรงกับถนน Via Condotti ที่เต็มไปด้วยร้านแบรนด์เนมมากมาย ทั้ง Dior, Prada, Gucci,Valentio, Versace, Fendi, Ferragamo, Cartier, Bulgari และอื่นๆเป็นต้น
เที่ยง : รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่1)
จากนั้นนำท่านมุ่งหน้าสู่ เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) (ระยะทาง 275 ก.ม./ 4 ชม.) เป็นเมืองเล็กๆ ที่มี แม่น้ำอาร์โน (Arno) ไหลผ่านท่ามกลางตึกอาคารทรงโบราณโทนสีอบอุ่นและทิวเขาที่สวยงาม
เย็น : รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่2)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่3)
นำท่านชม เมืองฟลอเรนซ์ ย่านเมืองเก่าใจกลางเมืองฟลอเรนซ์ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก มหาวิหารฟลอเรนซ์ (Florence Cathedral) หรือที่เรียกกันติดปากว่า ดูโอโม่ มหาวิหาร ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปลายศตวรรษที 13 และใช้ระยะเวลาทั้งหมดถึง 140 ปีถึงจะแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1436 ด้วยเหตุ นี้รูปแบบสถาปัตยกรรมของมหาวิหารจึงมีการผสมผสานศิลปะของแต่ละยุคสมัยเข้าด้วยกัน หอศีลจุ่มนักบุญเซนต์จอห์น (The Baptistery of St.John) เป็นหอศีลนิกายโรมันคาทอลิกที่ตั้งอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์ในประเทศอิตาลี และมีฐานะเป็นไมเนอร์บาซิลิกา ตัวหอเป็นทรงแปดเหลี่ยมที่ตั้งอยู่กลางจตุรัสเดลดูโอโมตรงกันข้ามกับมหาวิหารฟลอเรนซ์และหอระฆังของจอตโต ดี บอนโดเน (หอระฆังจอตโต) เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าที่สุดสิ่งหนึ่งของฟลอเรนซ์ที่สร้างระหว่างปี ค.ศ. 1059 ถึงปี ค.ศ. 1128 เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์แบบฟลอเรนซ์ สะพานปอนเตเวคคิโอ (Ponte Vecchio) สะพานนี้ตั้งชื่อตามสะพานฟลอเรนซ์ที่เก่าแก่ที่สุด เป็นสะพานโค้งปล้องปล้องหินในยุคกลางที่ทอด ข้ามแม่น้ำอาร์โนในเมืองฟลอเรนซ์ประเทศอิตาลี เป็นที่สังเกตสำหรับร้านค้าที่สร้างขึ้น เปียซซาเดลลาซิญญอเรีย (Piazza della Signoria) จัตุรัสรูปตัว L ที่มีประติมากรรมยุคเรเนสซองส์ตั้งอยู่มากมาย และดื่มด่ำกับบรรยากาศอันสุทรีย์ของที่นี่ใจกลางเมือง
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองปิซ่า (Pisa) (ระยะทาง 102 ก.ม. / 1.30 ชม.) เป็นเมืองที่เป็นที่รู้จักอย่างดีเกี่ยวกับ หอเอนเมืองปิซาซากโบราณวัตถุของเมืองที่ยังหลงหลือจากศตวรรษที่5ก่อนคริสตกาล เป็นเมืองที่เคยมีความสำคัญมากด้านการค้าขายในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
เที่ยง : รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่4)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองปิซ่า (Pisa) (ระยะทาง 102 ก.ม. / 1.30 ชม.) เป็นเมืองที่เป็นที่รู้จักอย่างดีเกี่ยวกับ หอเอนเมืองปิซาซากโบราณวัตถุของเมืองที่ยังหลงหลือจากศตวรรษที่5ก่อนคริสตกาล เป็นเมืองที่เคยมีความสำคัญมากด้านการค้าขายในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
นำท่านเก็บภาพความประทับใจ และถ่ายรูป 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก หอเอนปิซ่า ( Leaning Tower of Pisa) หอเอนปิซ่าที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นหอระฆังแห่งวิหารประจำเมือง แต่เพียงการเริ่มต้นของการสร้างถึงบริเวณชั้น 3 ก็เกิดการทรุดตัวและต้องหยุดการก่อสร้างจนถัดมาอีก 100 ปี ถึงได้สร้างต่อจนเสร็จสมบูรณ์และยังเป็นสถานที่กาลิเลโอ เคยมาพิสูจน์เรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก และการตกของวัตถุด้วย มหาวิหารปิซ่า (Cathedral of Pisa) มหาวิหารที่สวยที่สุดในลักษณะโรมันเนสก์ แสดงให้เห็นจากซ้ายหอศีลจุ่ม กลางตัวมหาวิหาร และขวาหอระฆัง ตัวมหาวิหารเป็นผังกางเขน มีมุขท้ายวัด และตกแต่งซุ้มโค้งรอบวัดภายนอกเป็นแบบแถบหินอ่อน สลับสีทางขวาง ซึ่งกลายมาเป็นแบบที่เรียกว่า “ลักษณะปิซา”และโดมรูปไข่ และ Pisa Baptisty of St. John เป็นอาคารทางศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโบโลญญา (Bologna) (ระยะทาง 176 ก.ม. / 2.30 ชม.) เมืองหลวงของแคว้นเอมีเลียโรมัญญา โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำโปกับเทือกเขาแอแพนไนน์ นอกจากนั้นยังเป็นหนึ่งในเมืองยุคกลางที่ได้รับการรักษาไว้ อย่างดีที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ชมบริเวณ จัตุรัสมัจโจเล่ (Piazza Maggiore) จัตุรัสขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่าที่ล้อมรอบด้วย โบสถ์ซานเปโตรนิโอ (Basilica of San Petronio) และ โบสถ์ซานโตสเตฟาโน (Basilica Santo Stefano) และ หอคอยคู่ (Two towers) หอคอยสองหลังที่พิงกัน เป็นสัญลักษณ์ของเมืองโบโลญญาประเทศอิตาลี และเป็นหอคอยที่โดดเด่นที่สุดของโบโลญญา ให้ท่านเดินชมเมืองและถ่ายรูปจนได้เวลานัดหมาย
เย็น : รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่5)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่6)
นำท่านเดินทางกลับสู่ ท่าเรือตรอนเคตโต้ (ระยะทาง 156 กม. / 2.15 ชม.) และ นั่งเรือจากท่าเรือตรอนเคตโต้สู่ เกาะเวนิส (Venice Island) (ค่าทัวร์รวมค่าล่องเรือไป-กลับแล้ว) ดินแดนแสนโรแมนติก เมืองเวนิสได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก (Queen of the Adriatic) เมืองแห่งสายน้ำ เมืองแห่งสะพานและเมืองแห่งแสงสว่าง และนำท่านชมความสวยงามของ จัตุรัสซานมาร์โค (Piazza San Marco หรือ Saint Mark Square) เป็นจัตุรัสกลางเมืองเวนิส ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในอิตาลี ล้อมรอบด้วยสถาปัตยกรมอันงดงาม อาทิ สะพานริอัลโต (Ponte di Rialto) เป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดในเวนิสและเป็นสะพานแรกที่ข้าม Grand Canal เดินชมตัวเมืองจนถึง โบสถ์เซนต์มาร์ก (St. Mark’s Basilica) เดิมที่เป็นโบสถ์ส่วนตัวของผู้ครองเมืองในสมัยนั้น พระราชวังดอจส์ (Doge’s Palace) ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ประจาเมืองเวนิส อิสระให้ท่านพักผ่อนและเก็บภาพความประทับใจตามอัธยาศัย
เที่ยง : รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่7)
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ ท่าเรือตรอนเคตโต้ และ นำท่านเดินทางต่อไปยังจุดศูนย์กลางของ เมืองมิลาน (ระยะทาง 274 กม. / 4 ชม.) หรือที่คนอิตาเลียนเรียกว่า มิลาโน่ (Milano) เป็นเมืองหลวงทางแฟชั่นของโลกแข่งกับปารีสในประเทศฝรั่งเศสเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจของอิตาลี นอกจากนั้นยังมีภาพวาดเฟรสโก้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และโรงละครโอเปร่าอันลือชื่อ เป็นต้น
เย็น : รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่8)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่9)
นำท่านถ่ายรูปด้านนอก มหาวิหารแห่งมิลาน (Duomo di Milano)มหาวิหารนี้สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ถือว่ามีความใหญ่โตเป็นอันดับสามของโลก ใช้เวลาสร้างเสร็จกว่า 400 ปี ด้านนอกมีหลังคายอดเรียวแหลมที่ทำจากหินอ่อนจำนวน 135 ยอด และมีรูปปั้นหินอ่อนจากสมัยต่างๆ กว่า 2,245 ชิ้น ยอดที่สูงที่สุดมีรูปปั้นทองขนาด 4 เมตร ของพระแม่มาดอนน่าเป็นสง่า พระราชวังมิลาน (Royal Palace of Milan) เป็นที่ตั้งของรัฐบาลในเมืองมิลานเป็นเวลาหลายศตวรรษ ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นศูนย์วัฒนธรรมและเป็นที่ตั้งของนิทรรศการศิลปะระดับนานาชาติ และเป็นที่จัดแสดงงานศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัย พาท่านไปชมและ ช้อปปิ้งที่ ห้าง Galleria Vittorio Emanuele II เป็นหนึ่งในศูนย์การค้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก คลุมด้วยหลังคาทรงโค้ง ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองมิลาน
นำท่านเดินทางสู่ เมืองโคโม่ (Como) (ระยะทาง 50 กม. / 1 ชม.) เป็นเมืองในแคว้นลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โคโม่เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์ ทิศเหนือของเมืองอยู่ติดกับทะเลสาบโคโม่ ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง พาทุกท่านไปเก็บภาพความประทับใจกับ ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) ขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในแคว้นลอมบาร์เดีย ด้วยความยาวโดยรอบถึง 160 กิโลเมตร บวกกับพื้นที่รอบๆ ทะเลสาบถึง 146 ตารางกิโลเมตร จึงทำให้ทะเลสาบแห่งนี้กลายเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศอิตาลี และยังเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดเป็นอันดับ 5 ในยุโรปด้วยความลึกกว่า 400 เมตร รูปร่างลักษณะเฉพาะของทะเลสาบโคโม่ทำให้นึกถึง Y ที่กลับด้านที่โด่งดังไปทั่วโลก เป็นผลมาจากการละลายของธารน้ำแข็งรวมกับการกัดเซาะของแม่น้ำ Adda โบราณ ทำให้เกิดทางแยกเป็นตัว Y และยังเป็นทะเลสาบมีทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
เที่ยง : รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่10)
นำท่านเดินทางสู่ เมืองลูเซิร์น (Lucerne) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบและขุนเขา (ระยะทาง 199 ก.ม. / 2.45 ชม.) จากนั้นนำท่านชม สิงโตหินแกะสลัก (Dying Lion of Lucerne) ที่แกะสลักบนผาหินธรรมชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพอย่างกล้าหาญของทหารสวิตที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792 ชม สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่าน แม่น้ำรอยส์ (Reuss River) ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์นเป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์ของชาวสวิlตลอดแนวสะพาน อิสระเดินเล่นที่ Schwanenplatz ที่นี่เป็นแหล่งช้อปปิ้งหลักสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนลูเซิร์น ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาของทะเลสาบลูเซิร์น มีร้านค้ามากมายที่นี่ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร มีโรงงานนาฬิกาโรเล็กซ์ในบริเวณนี้ด้วย ร้านค้ารอบๆขายงานฝีมือสวิสท้องถิ่น ร้านค้าบางร้านขายของที่ระลึก ช็อคโกแลต เครื่องประดับ ฯลฯ
เย็น : รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่11)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่12)
นำท่านเดินทางสู่ เมืองแองเกิลเบิร์ก (Engelberg) ( ระยะทาง 35 ก.ม. / 45 นาที) เป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่บนเขาสูงอยู่ในรัฐออบวัลเดิน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ล้อมด้วยเทือกเขาแอลป์ จุดสูงสุดในพรมแดนของเมืองเป็นยอดเขาทิตลิส ซึ่งยอดเขาทิตลิสมีความสูงประมาณ 3,020 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นที่ตั้งของสถานีนำท่านนั่งกระเช้าโรแตร์เพื่อเดินทางขึ้นสู่ ยอดเขาทิตลิส (Titlis) (ค่าขึ้นกระเช้าไป-กลับ รวมในค่าทัวร์แล้ว) ท่านจะได้สัมผัสกับกระเช้าทรงกลมที่เรียกว่า โรแตร์ เคเบิ้ลคาร์ ที่จะหมุนรอบๆ ที่ท่านสามารถดูวิวได้ 360องศาในขณะที่เคลื่อนที่ขึ้นไปเรื่อยๆ ท่านจะได้ขึ้นชมทัศนียภาพที่งดงามของเทือกเขาแอลป์ ชม ถ้ำน้ำแข็ง (Glacier cave) ที่สวยงามและเดินเล่นถ่ายรูปหรือเล่นหิมะบนยอดเขา และชม สะพานแขวน (TITLIS CLIFF WALK) สร้างขึ้นฉลองครบรอบ 100 ปีการท่องเที่ยวบนยอดเขาทิตลิส สะพานมีความยาว 100 เมตร ความสูง3,000 เมตร ทอดข้ามหน้าผา อิสระให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย
เที่ยง : รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่13)
จากนั้นนำท่านเที่ยวชม เมืองซุก (ZUG) (ระยะทาง 64 กม. / 1 ชม.) เป็นเมื่องที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ และซุกเป็นเมืองที่ติดอันดับหนึ่งในสิบของโลกเมืองที่สะอาดที่สุด เป็นเมืองเก่าที่คงความสวยงามของพื้นหินแบบยุโรปในยุคกลางจะหลงรักเมืองนี้ สิ่งที่จะทำให้ท่านประทับใจคือรู้สึกได้ถึงอากาศที่สดชื่นและสะอาดอาจเป็นเพราะเมืองนี้ตั้งอยู่บนทะเลสาบ อิสระชอปปิ้งที่ Lohri AG Store ทีมีนาฬิกาชั้นนำระดับโลกให้ท่านเลือกซื้อเลือกชมอาทิ เช่น Patek Philippe, Franck Muller Cartier , Piaget, Parmigiani Fleurier, Panerai, IWC , Omega, Jaeger-LeCoultre, Blancpain, Tag Heuer ฯลฯ Interlaken จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองดิจอง หรือ ดีฌง (Dijon) (ระยะทาง 362 กม. / 4.30 ชม.) หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สวยงาม เป็นเมืองหลวงของจังหวัดโคต-ดอร์ในแคว้นบูร์กอญในประเทศฝรั่งเศส ถือเป็นเมืองสำคัญแห่งแคว้นเบอร์กันดี เป็นแหล่งไวน์และมัสตาร์ดชั้นดีอีกแห่งของฝรั่งเศส
เย็น : รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่14)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่15)
จากนั้นพาท่านเดินทางสู่ เมืองปารีส (Paris) (ระยะทาง 315 กม. / 5 ชม.) เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน ผู้คนเรียกปารีสว่า “เมืองแห่งความรัก” เพราะบรรยากาศโรแมนติก และได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะ รอบเมืองยังมีสถาปัตยกรรมโดดเด่น ไม่เหมือนที่ไหนในโลก ถ่ายรูปสวยๆได้หลายมุมเลยทีเดียว ถ่ายภาพด้านหน้ากับ หอไอเฟล (Eiffel Tower) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของประเทศฝรั่งเศส มีความสูงประมาณ 300 เมตร (เทียบกับตึกประมาณ 75 ชั้น) สร้างเป็นรูปแบบหอคอย โดยถูกตั้งตามชื่อของสถาปนิกที่คนออกแบบชื่อว่า “กุสตาฟ ไอเฟล” ซึ่งเป็นทั้งวิศวกรและสถาปนิกชื่อดังของฝรั่งเศสในยุคนั้น หอไอเฟลสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นผลงานในการเฉลิมฉลองวันครบรอบ 100 ปี แห่งการปฏิวัติประเทศฝรั่งเศสและเพื่อแสดงถึงความร่ำรวยยิ่งใหญ่ ประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de Triomphe) หรือเรียกเต็มๆว่า อาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล เป็นผลงานสถาปัตยกรรมที่ออกแบบโดย ฌ็อง ชาลแกร็ง มีอายุกว่า 200 ปี มีความสูง 49.5 เมตร มีความกว้าง 45 เมตรและมีความลึกถึง 22 เมตรถูกจัดอันดับเป็นประตูชัยที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก ถนนฌ็องเซลิเซ่ (Champs Elysees) เป็นหนึ่งในถนนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในฝรั่งเศส ย่านศูนย์การค้าระดับพรีเมียม แหล่งรวมสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกทุกแบรนด์ จัตุรัสคองคอร์ด (Place de la Concorde) เป็นสถานที่แห่งความทรงจำทางประวัติศาสตร์ใจกรุงปารีส เป็นสัญลักษณ์ของสงครามกลางเมืองและการปฏิวัติการปกครองของฝรั่งเศส
เที่ยง : อิสระอาหารเที่ยงเพื่อไม่เป็นการรบกวนเวลาของท่าน
จากนั้นนำท่านเยี่ยมชมด้านนอก พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของเมืองปารีส จากผลงานที่จัด แสดงไปจนถึงความเก่าแก่และยิ่งใหญ่ของสถานที่ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความสำคัญระดับโลก อิสระช้อปปิ้งกันที่ ห้างปลอดภาษี Benlux Louvre duty free เป็นห้างชื่อดังใจกลางกรุงปารีส ซึ่งคุณจะได้พบกับสินค้าแบรนด์ชั้นนำต่างๆจากทั่วโลก ห้าง La Samaritaine เปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2021 ที่ผ่านมา และกลายเป็นห้างสรรพสินค้าคอนเซปต์สโตร์แห่งใหม่ที่เน้นย้ำถึงเสน่ห์ของชาวปารีส ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น อาหาร และงานศิลปะ รวมแล้วกว่า 600 แบรนด์ ห้างแกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ (Galleries Lafayette) เป็นห้างหรูที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของปารีส ภายในอาคารที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ในปัจจุบันมีสาขาแบ่งอยู่ตามเมืองใหญ่ๆทั้งในประเทศและนอกประเทศ รวมแล้วทั้งหมด 61 แห่ง
เย็น : รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่16)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า (SET BOX ) (มื้อที่17)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติปารีส-ชาร์ล เดอ โกล ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ
10.30 น. : เดินทางกลับประเทศไทย โดย สายการบิน ETIHAD AIRWAYS (EY) เที่ยวบินที่ EY032
19.20 น. : เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง
21.40 น. : เดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบิน ETIHAD AIRWAYS เที่ยวบินที่ EY402
07.20 น. : เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ
(บริษัท ดำเนินการให้ กรณียกเลิกทั้งหมด หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่สามารถรีฟันด์เป็นเงินหรือการบริการอื่นๆได้)
กรณีวีซ่าไม่ได้รับการอนุมัติจากสถานทูต(วีซ่าไม่ผ่าน) และท่านได้ชำระค่าทัวร์มาแล้ว ทางบริษัทขอเก็บเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เช่นค่าวีซ่าและค่าบริการยื่นวีซ่า/ค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน
หมายเหตุ : กรุณาอ่านศึกษารายละเอียดทั้งหมดก่อนทำการจอง เพื่อความถูกต้องและความเข้าใจตรงกันระหว่างท่านลูกค้าและบริษัท ฯ และเมื่อท่านตกลงชาระเงินมัดจาหรือค่าทัวร์ทั้งหมดกับทางบริษัทฯ แล้ว ทางบริษัทฯ จะถือว่าท่านได้ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ทั้งหมด