17.00 น. : พร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศขาออกชั้น 4 เคาน์เตอร์ สายการบิน OMAN AIR โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสาร ติดแท็กกระเป๋าก่อนขึ้นเครื่อง
20.40 น. : นำท่านเดินทางสู่ เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน โดยสายการบิน OMAN AIR เที่ยวบินที่ WY816
23.35 น. : เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติมัสกัต ประเทศโอมาน แวะพักเปลี่ยนเครื่
02.00 น. : นำท่านเดินทางสู่ถึง ท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน เที่ยวบินที่ WY115
07.05 น. : เดินทางถึง ท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน นำท่านผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและพิธีการทางศุลกากร (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง) และตรวจรับสัมภาระเรียบร้อย แล้วนำท่านขึ้นรถโค้ชปรับอากาศเดินทางสู่ เมืองแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt) (ระยะทาง 14 กม. / 30 นาที) เป็นเมืองขนาดใหญ่ติดหนึ่งในห้าของประเทศเยอรมัน มีความเจริญและทันสมัยสมกับเป็นศูนย์กลางของทั้งการบินและเศรษฐกิจ นำท่านเดินชม จัตุรัสโรเมอร์ (Romerberg) เป็นจัตุรัสกลางใจเมืองที่มีความสวยงาม เป็นจัตุรัสที่คงความงามของสถาปัตยกรรมยุคศตวรรษที่ 14-15 ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม ที่นี่เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการกลางเมือง สถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคที่เคยรุ่งเรืองในยุคนั้น แต่สิ่งที่เห็นในปัจจุบันคือการสร้างขึ้นใหม่เพราะอาคารเดิมถูกทำลายสิ้นซากตั้งแต่ครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ศิลปะเก่าแม้ถูกสร้างใหม่แต่คงเสน่ห์ความงดงามเอาไว้ มีน้ำพุสวยงามอยู่ตรงกลางของจัตุรัส เป็นที่รู้จักในนามน้ำพุแห่งความยุติธรรม ประติมากรรมรูปเทพธิดา ที่มือซ้ายถือตาชั่ง แต่มือขวาถือดาบ เป็นสัญญาณให้รู้ถึงมีความเที่ยงตรงแต่ก็เด็ดขาดอยู่ในตัวเอง
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ มหาวิหารแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt Cathedral) เป็นโบสถ์เก่าแก่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแฟรงเฟิร์ต วิหารแห่งนี้เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ความสามัคคีของคนในชาติ มีลักษณะทรงสูงใช้สีน้ำตาลแดง มีความสูงถึงยอดประมาณ 95 เมตร จึงโดดเด่นอยู่ท่ามกลางอาคารอื่นๆ ความงดงามพิเศษอยู่ที่อาคารทรงสูงเยี่ยงสถาปัตยกรรมในยุคเดียวกัน นำทุกท่านเก็บภาพความประทับใจกับ สถานีรถไฟหลักแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt Main station) เป็นสถานีรถไฟที่มีผู้โดยสารมากที่สุดในเมืองแฟรงก์เฟิร์ต จัดเป็นสถานีรถไฟที่มีผู้โดยสารมากที่สุดเป็นอันดับสองในประเทศ นำท่านอิสระช้อปปิ้งตามอัธยาศัยที่ Zeil Street เป็นย่านการค้าใจกลางเมืองแฟรงค์เฟิร์ต ที่มีอาคารหรูหรา เด่นสะดุดตาด้วยการออกแบบทันสมัยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นสินค้าแบรนด์ดังที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว
เที่ยง : รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่1)
นำท่านเดินทางสู่ เมืองโคโลญ (Cologne) (ระยะทาง 191 กม. / 2.30 ชม.) เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับที่สี่ของประเทศเยอรมนี รองจากเมืองเบอร์ลิน แฮมเบิร์ก และมิวนิค เมืองโคโลญตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศในเขตลุ่มแม่น้ำไรน์ จึงมีสภาพภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำ เป็นเมืองที่อยู่แถบลุ่มแม่น้ำไรน์จึงมักเกิดปัญหาน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้งในช่วงน้ำขึ้นและช่วงมีพายุฝนฟ้าคะนอง จึงทำให้เมืองมีระบบป้องกันน้ำท่วมอย่างจริงจัง มีการสร้างกำแพงกั้นน้ำอย่างถาวรไว้บริเวณอาคารที่ใกล้กับแม่น้ำ นอกนากนี้ยังมีระบบคาดคะเนและแจ้งเตือนระดับน้ำ และมีสถานีสูบน้ำเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
พาท่านเดินทางสู่ มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral) มหาวิหารแห่งพลังศรัทธาที่สร้างอย่างยิ่งใหญ่ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิก โดดเด่นด้วยหอคอยคู่ความสูง 157.38 เมตรที่ตั้งตระหง่านเป็นแลนด์มาร์คแห่งเมืองโคโลญคู่กับสะพานโฮเอินซอลเลิร์นที่ทอดข้ามแม่น้ำไรน์ เป็นที่ประดิษฐานของหีบสามกษัตริย์อันล้ำค่าตามความเชื่อของศาสนาคริสต์ รวมถึงเป็นแหล่งเก็บสะสมและจัดแสดงผลงานประติมากรรม โบราณวัตถุ และศิลปะเก่าแก่ทางศาสนา นำทุกท่านไปเก็บภาพความประทับใจที่ สะพานโฮเอินซอลเลิร์น (Hohenzollern Bridge) เป็นสะพานประจำเมืองโคโลญคู่กับมหาวิหารโคโลญ เป็นสะพานข้ามแม่น้ำไรน์ที่มีทั้งทางรถไฟและทางเดินเท้า โดยบริเวณรั้วที่กั้นระหว่างทางเดินและทางรถไฟเป็นบริเวณที่นักท่องเที่ยวนิยมมาคล้องกุญแจแห่งความรัก เป็นอีกหนึ่งสีสันหนึ่งของการท่องเที่ยวเมืองโคโลญในปัจจุบัน อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและเก็บภาพความประทับใจตามอัธยาศัยที่ Stadt Koln หรือ ย่านเมืองโคโลญ
เย็น : รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่2)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่3)
นำท่านเดินทางไปช้อปปิ้งที่ Designer Outlet Roermond เมืองโคโลญ (ระยะทาง 94 กม. / 1.30 ชม.) เป็นเอาท์เล็ทที่มีชื่อเสียงและแบรนด์ชื่อดังมากมาย จุดเด่นของที่นี่คือมีร้านแบรนด์เนมหรูหราปักหลักอยู่หลากหลายแบรนด์ให้ท่านได้เลือกช้อปกระเป๋ากันอย่างจุใจ อาทิ GUCCI, PRADA, TODS, DOLCE&GABBANA, TAG HEUER, TODS และอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นอีกอย่างคือ ที่ Designer Outlet Roermond จะเปิดให้บริการ ปีละ 363 วันกันเลยทีเดียว (ยกเว้นวันคริสต์มาสและวันปีใหม่) เรียกได้ว่าเอาใจขาช้อปกันแบบสุดๆไปเลย
เที่ยง : อิสระอาหารเที่ยงเพื่อไม่เป็นการรบกวนเวลาของท่าน
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านกีโธร์น (Giethoorn) ประเทศเนเธอร์แลนด์ (ระยะทาง 214 กม. / 3.30 ชม.) โดยนำท่านนั่งเรือเที่ยวชมหมู่บ้านใช้ระยะเวลาประมาน 1 ชม. (รวมในค่าทัวร์)เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น เวนิสเนเธอร์แลนด์ (Venice of the Netherlands) ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ผู้คนใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่มีเส้นทางการเดินรถ เน้นการสัญจรด้วยเรือเป็นส่วนใหญ่ เหมาะสำหรับการสัมผัสบรรยากาศการใช้ชีวิตของผู้คนในพื้นที่แบบไม่เร่งรีบท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบ เส้นทางการล่องเรือจะขับไปตามตัวหมู่บ้าน
จากนั้นจะเลี้ยวไปยังพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติซึ่งมีทะเลสาบขนาดใหญ่ มองเห็นเกาะตรงกลางที่มีบ้านประมาณสองถึงสามหลัง และอีกด้านของทะเลสาบยังเป็นพื้นที่แคมป์ปิ้ง มีจุดกางเต้นท์ รวมไปถึงบ้านพักเป็นหลังๆ เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาแคมป์ปิ้งในช่วงหน้าร้อนเช่นกัน นำท่านเดินทางสู่ เมืองอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) (ระยะทาง 114 กม. / 1.30 ชม.) เป็นเมืองหลวงของ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Amstel ปัจจุบันอัมสเตอร์ดัมยังเป็นศูนย์กลางทางการค้าและเศรษฐกิจและยังเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดในประเทศและมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกด้วย
เย็น : รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่4)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่5)
นำท่านเดินทางสู่ สวนเคอเคนฮอฟ (Keukenhof) (ระยะทาง 39 กม. / 1 ชม.) เป็นสวนดอกไม้สำคัญของเนเธอร์แลนด์ และเป็นส่วนหนึ่งในสวนดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่กว่า 200 ไร่ ตั้งอยู่ใน เมืองลิซเซ่ (Lisse) แคว้นเซาท์ฮอลแลนด์ (South Holland) ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งเพาะปลูก ดอกทิวลิปที่สำคัญของเนเธอร์แลนด์ ภายในสวนมีดอกทิวลิปกว่า 800 สายพันธุ์ รวมแล้วกว่า 7 ล้านดอก แต่ละสายพันธุ์ต่างมีเอกลักษณ์และสีสันเฉพาะตัว ที่แม้จะมีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง แต่ก็มีลักษณะเด่นที่แตกต่างกันออกไป เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ดอกทิวลิปเหล่านี้ก็จะพากันเบ่งบาน ระเบิดสีสันออกมาทั่วทั้งสวนไปพร้อมๆ กับดอกไม้ชนิดอื่นๆ เช่น ดอกลิลลี่ ดอกแดฟโฟดิล หรือนาซิสซัส ดอกไฮยาซินธ์ ดอกซากุระ และ ดอกกล้วยไม้ อีกหลากหลายสายพันธุ์ (หมายเหตุ: สวนดอกไม้เคอเคนฮอฟจะเปิดให้บริการ ตั้งแต่ วันที่ 23 มีนาคม – 14 พฤษภาคม 2023 เท่านั้น)
เที่ยง : รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่6)
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) (ระยะทาง 40 กม. / 1 ชม.) เป็นเมืองหลวงของ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Amstel ปัจจุบันอัมสเตอร์ดัมยังเป็นศูนย์กลางทางการค้าและเศรษฐกิจและยังเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดในประเทศและมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกด้วย จากนั้นนำท่านเยี่ยมชม โรงงานเพชร Royal coaster diamond factory ในเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์มีโรงงานเพชรอยู่หลายโรงงานและหนึ่งในผู้ที่เก่าแก่ที่สุดก็คือที่นี้ สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1852 เพชรที่มีชื่อเสียงของที่นี้คือ “Kokhinur” ถูกดัดแปลงเป็นสมบัติของอังกฤษ นั้นก็คือมงกุฎและปัจจุบันเก็บไว้ในหอคอยลอนดอน
จากนั้นพาทุกท่าน ล่องเรือท่องเที่ยวรอบคลองในอัมสเตอร์ดัม(Amsterdam Canal Cruise) เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ให้ท่านสัมผัสกับความสวยงามแห่งสายน้ำของเมืองอัมสเตอร์ดัมอย่างใกล้ชิด โดยเรือท่องเที่ยวเหล่านี้จะล่องไปบนผืนน้ำตามคลองเฮเรนกราทช์ (Herengracht), ไคเซอร์กราทช์ (Keizersgracht) และ พรินเซนกราทช์ (Prinsengracht) ซึ่งเป็นคลองที่มีชื่อเสียงของอัมสเตอร์ดัม และลอดผ่านใต้สะพานที่สวยงามหลายแห่งซึ่งทอดยาวผ่านเส้นทางน้ำรอบๆ เมือง จากนั้นนำท่านท่องเที่ยวรอบเมืองอัมสเตอร์ดัม เริ่มที่ โบสถ์ New church เป็นโบสถ์ ศตวรรษที่ 15 ในอัมสเตอร์ดัมที่ตั้งอยู่บน Dam Square ถัดจากพระบรมมหาราชวัง เดิมเป็นเขตปกครองของโบสถ์ Dutch Reformed Churchปัจจุบันเป็นของคริสตจักรโปรเตสแตนต์ในเน เธอร์แลนด์ ปัจจุบันถูกใช้เป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ
ให้ถ่ายภาพความสวยงามด้านนอกกับ พระราชวังหลวงอัมสเตอร์ดัม (Royal Palace) อาคารที่หรูหราและโอ่อ่าที่สุดของเนเธอแลนด์ สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 17 โดยพระเจ้าหลุยส์ ในอดีตอาคารนี้เคยมีบทบาทเป็นศาลาว่าการมาก่อน ปัจจุบันถูกใช้สำหรับกิจกรรมในพระราชสำนักและกิจกรรมระดับประเทศ จัตุรัสดัมสแควร์(Dam Square) เป็นสัญลักษณ์ของอัมสเตอร์ดัมที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ โดยเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์แห่งชาติเพื่อเป็นการระลึกถึงผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นย่านที่รายล้อมไปด้วยอาคารเก่าแก่ ศูนย์รวมห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่ และ The Old Church เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุด ในอัมสเตอร์ดัมและเป็นสถาบันศิลปะที่อายุน้อยที่สุด (ตั้งแต่ปี 2012) โดยจัตุรัสรอบๆ โบสถ์คือ Oudekerksplein ให้ท่านได้อิสระช้อปปิ้ง ย่านคาลเวอร์สตรัส Kalverstraat เป็นถนนช้อปปิ้งที่พลุกพล่านในอัมสเตอร์ดัม เป็นสินค้าแฟชั่นแนวไฮสตรีท รองเท้าและกระเป๋า เช่น H&M, Zara, Lady Sting, Björn Borg, กางเกงยีนส์ Levi, Esprit, Sissy Boy, Nike, และยังมีร้านบูติก ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ น้ำหอม ของขวัญและของที่ระลึกพิเศษมากมายให้ทุกท่านได้ซื้อเป็นของฝากอีกด้วย
เย็น : รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่7)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่8)
นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านกังหันลมซานส์สคันส์ (Zaanse Schans) (ระยะทาง 20 กม. / 30 นาที) แลนด์มาร์คแห่งเนเธอร์แลนด์ เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในของประเทศ มีกังหันลมนับร้อยแห่งซึ่งชาวดัชท์ใช้กังหันลมมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้ได้ถูกจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านขายของที่ระลึก และศูนย์ฝึกอบรม ให้ท่านเยี่ยมชมสถานที่สำคัญในหมู่บ้าน นำท่านเก็บภาพความประทับใจกับ World of wildmills กังหัน ลมนับร้อยรอบๆหมู่บ้านกังหัมลม สามารถขึ้นไปชมวิวได้แบบพาโนรามา รับลมเย็นๆแบบโรแมนติกทุ่งหญ้าสีเขียวกว้างสุดลูกหูลูกตา โรงงานทำรองเท้าไม้ (Wooden shoe workshop) มีการจำลองโรงงานรองเท้าไม้ ที่เป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งที่เป็นที่รู้จักมาอย่างยาวนาน สมัยก่อนรองเท้าเป็นสิ่งที่หายาก แพง เป็นของสำหรับคนมีฐานะชาวนาผู้ห่างไกลความเจริญจึงต้องสร้างรองเท้าขึ้นมาเอง โดยทำมาจากไม้ที่พิเศษที่สามารถกันน้ำได้เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ของเนเธอร์แลนด์เป็นที่ราบลุ่มริมฝั่งที่น้ำท่วมถึง ท่านสามารถซื้อรองเท้าไม้สีสันสดใสเป็นของฝากได้ โรงงานทำชีส (Catharina Hoeve Cheese) โรงงานมีการสาธิตการทำชีส ฟังบรรยายทุกขั้นตอน
นำท่านเดินชมแต่ละจุดพร้อมชิมชีสที่มีหลายชนิดรสชาติที่แตกต่างกันไปและสามารถซื้อเป็นของฝาก จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเกนต์ (Ghent) ประเทศเบลเยี่ยม (ระยะทาง 245 กม. / 3.30 ชม.) เมืองลูกผสมระหว่างยุคเก่ากับยุคใหม่ที่มีเอกลักษณ์ และความน่าสนใจทางประวัติศาสตร์และการวางผังเมืองที่รอบคอบ ทำให้ทุกอย่างอยู่ในระยะเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ทำให้นักท่องเที่ยวได้ชมทิวทัศน์ที่งดงามของสายน้ำที่ตัดกับสถาปัตยกรรมของเมืองได้อย่างลงตัว
เที่ยง : รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่9)
นำท่านถ่ายภาพด้านหน้ากับแลนด์มาร์คสำคัญของเมือง ปราสาทเกรเวนสตีน The Gravensteen (Castle of the Counts) เป็นที่อยู่อาศัยของเคานต์แห่งแฟลนเดอร์สจนถึงปี 1353 ต่อมาได้มีการปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์ใหม่ให้เป็นศาล เรือนจำ โรงกษาปณ์ และแม้กระทั่งในฐานะโรงงานฝ้าย ได้รับการบูรณะในช่วงปี พ.ศ. 2436-2446 และปัจจุบันเป็น พิพิธภัณฑ์และสถานที่สำคัญในเมือง ถ่ายภาพกับ หอระฆังแห่งเกนต์ (Het Belfort van Gent) เป็นหอระฆังสูง 95 เมตรใจกลางเมืองเกนต์ของเบลเยียม หอคอยนี้เป็นหอคอยกลางของแถวหอคอย Ghent ที่มีชื่อเสียง หอระฆังของ Ghent ร่วมกับ Cloth Hall และMammelokker เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกของ UNESCO ตั้งแต่ปี 2542 ชม อาสนวิหารเซนต์บาโว St. Bavo’s Cathedral เป็นอาสนวิหารของโบสถ์คาทอลิกในเมืองเกนต์ประเทศเบลเยียม อาคารสไตล์โกธิก สูง 89 เมตรนี้เป็นที่นั่งของสังฆมณฑลเกนต์และตั้งชื่อตามนักบุญบาโวแห่งเกนต์ อีกทั้งมหาวิหารแห่งนี้ยังเป็นที่เก็บผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียงคนของประเทศอีกด้วย ถนน Graslei Notable street เดินเล่นไปตามถนนจะมีร้านอาหาร คาเฟ่ บิสโตร ร้านของฝากให้ท่านได้เลือกซื้อตามอัธยาศัย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองบรัสเซลส์ (Brussels) (ระยะทาง 56 กม. / 1 ชม.) เมืองหลวง ประเทศเบลเยี่ยม เป็นเมืองที่มีความใหญ่โต เเละสวยงามเป็นอย่างมาก ที่สำคัญยังเป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างประเทศอย่างคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป (EU) เเละสำนักงานใหญ่ของนาโต (NATO) อีกด้วย ถึงแม้จะเป็นเมืองหลวงขนาดเล็ก แต่ด้วยความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองหลวงแห่งนี้ ได้ดึงดูดเหล่านักท่องเที่ยวให้มาค้นหาอย่างไม่ขาดสาย นำท่านเที่ยวแลนด์มาร์คที่สำคัญของเมืองแห่งนี้ที่ อะโตเมียม(Atomium sculpture) ถือเป็นสถาปัตยกรรมล้ำยุคที่ตั้งอยู่กลางกรุงบรัสเซลล์ อะโตเมียม มีรูปทรงล้ำสมัย โดย ได้รับเเรงบันดาลใจจากรูปทรงของอะตอมในเชิงวิทยาศาสตร์ สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดนิทรรศการ งานเอ็กซ์โป เมือปี 1958 โดยลูกบอล จำนวน 9 ลูก มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 18 เมตร เเต่ละลูกจะมีการเชื่อมต่อกัน มีความสูง 108 เมตร มีน้ำหนักรวมถึง 2,400 ตัน ใช้เวลาในการก่อสร้างเกือบ 2 ปี ซึ่งกลายเป็นเครื่องหมายที่สะท้อนการ ก้าวกระโดดของเบลเยี่ยมสู่เทคโนโลยียุคใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 รูปปั้นแมนิเกนพีส (Manneken Pis fountain) ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมของถนนเลทุฟตัดกับถนนแซน รูปปั้นแม นิเกนพีส มีความสวยงามเเละมีความเก่าเเก่มาก คำว่า Manneken Pis มีความหมายว่า เด็กชายกำลังฉี่ เป็นประติมากรรมมีลักษณะเป็นน้ำพุขนาดเล็ก ตัวประติมากรรมหล่อด้วยทองเเดงเป็นรูปเด็กผู้ชายเปลือยกาย กำลังยืนฉี่ลงอ่าง โดยมีความสูงประมาณ 60 เซนติเมตร โดยในเทศกาลที่สำคัญ จะมีการนำชุดต่างๆ มาสวมให้กับรูปปั้นตัวนี้ด้วย เพื่อสร้างบรรยากาศให้เข้ากับแต่ละเทศกาล ไปเก็บภาพความประทับใจด้านนอกต่อกันที่สถาปัตยกรรมงดงามอาคารที่สวยที่สุดในบรัสเซลล์หลังหนึ่งก็คือ พระราชวังหลวงแห่งบรัสเซลล์ (Royal Palace of Brussels) ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้า สวนสาธารณะบรัสเซลล์ตรงข้ามกับอาคารรัฐสภา พระราชวังหลวงแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของระบบรัฐบาลของเบลเยียมที่มีการปกครองในระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ พระราชวังแห่งนี้เป็นสถานที่ที่กษัตริย์เบลเยี่ยมใช้เป็นที่ประทับทรงงานและปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ ทรงใช้สำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง รวมถึงยังทรงเปิดให้เป็นที่พักสำหรับอาคันตุกะระดับผู้นำประเทศในระหว่างที่มาเยือนอีกด้วย เก็บภาพความประทับใจที่ จัตุรัสกร็องปลัส (Grand Place) คือจัตุรัสกลางเมืองบรัสเซลส์ เป็นศูนย์กลางด้านประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม ประจำเมืองที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นจัตุรัสที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของทวีปยุโรป และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1998 โดยปัจจุบันสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงของจัตุรัสแห่งนี้ก็มีทั้งศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์ (Brussels Town Hall) อาคารของพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ (Brussels City Museum) ประติมากรรมล้ำค่า ร้านอาหาร ร้านหนังสือ ร้านแผ่นเสียง บาร์ งานกราฟฟิตี้ ฯลฯ อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัยที่ ถนน Avenue Louise เป็นถนนที่มีชื่อเสียงและมีราคาแพงที่สุดแห่งหนึ่งในบรัสเซลส์ เรียงรายไปด้วยร้านเสื้อผ้าแฟชั่นระดับไฮเอนด์และร้านบูติก สถานทูตและสำนักงานหลายแห่งด้วยกัน
เย็น : รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่10)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่11)
เดินทางสู่ เมืองแร็งส์ (Reims) ประเทศฝรั่งเศส (ระยะทาง 229 กม. / 3 ชม.) เป็นเมืองในจังหวัดมาร์นในแคว้นช็องปาญาร์แดนตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของปารีส ก่อตั้งขึ้นโดยกอลและกลายมาเป็นเมืองสำคัญระหว่างสมัยจักรวรรดิโรมัน ต่อมาแร็งส์ก็มามีบทบาทสำคัญต่อราชบัลลังก์ฝรั่งเศสในการเป็นสถานที่สำหรับการทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสที่มหาวิหารนอเทรอดามแห่งแร็งส์ นำท่านเที่ยวแลนด์มาร์คของเมือง เริ่มต้นที่ มหาวิหารแร็งส์ (Notre-Dame de Reims) ที่มีความสำคัญจากการเคยเป็นสถานที่จัดพระราชพิธีราชาภิเษกกษัตริย์ของประเทศฝรั่งเศส ถือว่าเป็นมหาวิหารที่มีความโดดเด่นมาก ไม่ว่าจะเป็นขนาดและสถาปัตยกรรมที่มีความงดงามไม่แพ้มหาวิหารอื่นๆ ภายในมีหน้าต่างประดับกระจกสีที่สร้างระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 13 ถึง 20 ประดับหน้าต่างกุหลาบที่ได้รับการประดับด้วยกระจกสี ที่อยู่เหนือประตูทางเข้าด้านตะวันตกมองจากด้านในอีกด้วย
พาทุกท่านไปชม โบสถ์เซนต์แร็งส์ (Saint Remi Basilica หรือ Basilique Saint-Remi) อีกหนึ่งคริสตจักรที่สร้าง แด่สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่9 ซึ่งเริ่มมีการก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 1099 ซึ่งต่อมาได้รับการยกย่องให้เป็นอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์เมื่อปี 1841 เป็นสิ่งมหัศจรรย์ด้านสถาปัตยกรรมและเป็นอาคารที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองแร็งส์ ดื่มด่ำกับบรรยากาศอันเงียบสงบของวิหารอันสุขสงบแห่งนี้ ตัววิหารสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 ต่อมาถูกทำลายอย่างหนักในสงครามโลกครั้งที่ 1 และได้รับการบูรณะซ่อมแซมเป็นเวลา 40 ปี สถานที่แห่งนี้ตั้งชื่อตามบิชอปผู้เป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของเมืองในปัจจุบันเขาเคยชักจูงให้บุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์โคลวิสกษัตริย์ของแฟรงก์หันมานับถือศาสนาคริสต์ได้สำเร็จในศตวรรษที่ 6
เที่ยง ä รับประทานอาหารเที่ยง (มื้อที่12)
นำทุกท่านเดินทางไปสู่ เมืองปารีส (Paris) (ระยะทาง 143 กม. / 2 ชม.) เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน บริเวณตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส เริ่มต้นเที่ยวเมืองปารีสด้วยการพาทุกท่านไป ถนนฌ็องเซลิเซ่ (Champs Elysees) เป็นหนึ่งในถนนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในฝรั่งเศส ย่านศูนย์การค้าระดับพรีเมียม แหล่งรวมสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกทุกแบรนด์ ร้านอาหารที่มีความหรูหราอลังการ ถือว่าเป็นย่านธุรกิจที่สำคัญของกรุงปารีส ย่านการค้าที่มีค่าเช่าที่แพงที่สุดในโลก และยังถูกจัดอันดับให้แป็นถนนที่สวยที่สุดในโลก ตึกส่วนใหญ่บนถนนฌ็องเซลิเซ่เป็นสถาปัตยกรรมที่มีการผสมผสานศิลปะ Art Deco กับการตกแต่งสไตล์ Art Nouveau เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
จากนั้นพาทุกท่านไปที่ ประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de Triomphe) หรือเรียกเต็มๆว่า อาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล เป็นผลงานสถาปัตยกรรมที่ออกแบบโดย ฌ็อง ชาลแกร็ง มีอายุกว่า 200 ปีสร้างขึ้นปี พ.ศ. 2349 มีความสูง 49.5 เมตร มีความกว้าง 45 เมตรและมีความลึกถึง 22 เมตรถูกจัดอันดับเป็นประตูชัยที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลกหลังจากที่จักรพรรดิ นโปเลียนที่ 1 ได้รับชัยชนะจากยุทธการเอาสเตอร์ลิทซ์ ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานกว่าสามสิบปี ใช้ศิลปะคลาสสิคใหม่ที่ดัดแปลงมาจากสถาปัตยกรรมโรมันโบราณโดยการใช้รูปปั้นแกะสลักจากช่างแกะสลักคนสำคัญแห่งยุค มีรูปแกะสลักที่เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ การปลุกใจ รวมทั้งสดุดีการเสียสละแก่วีรชนทหารกล้าที่ทำเพื่อประเทศฝรั่งเศส ต่อมาถูกตั้งให้เป็นอนุสรณ์ของทหารฝรั่งเศสในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งในปัจจุบันยังเป็นสุสานของทหารนิรนามที่ทำเพื่อประเทศฝรั่งเศสอีกด้วยพาท่านนเช็คอิน หอไอเฟล (Eiffel Tower) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญของประเทศฝรั่งเศส ตัวอาคารก่อสร้างโดยโครงเหล็กทั้งหมด มีความสูงประมาณ 300 เมตร (เทียบกับตึกประมาณ 75 ชั้น) สร้างเป็นรูปแบบหอคอย โดยถูกตั้งตามชื่อของสถาปนิกที่คนออกแบบชื่อว่า “กุสตาฟ ไอเฟล” ซึ่งเป็นทั้งวิศวกรและสถาปนิกชื่อดังของฝรั่งเศสในยุคนั้น ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างงานเหล็กโดยเฉพาะ หอไอเฟลสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นผลงานในการเฉลิมฉลองวันครบรอบ 100 ปี แห่งการปฏิวัติประเทศฝรั่งเศส และเพื่อแสดงถึงความร่ำรวย ยิ่งใหญ่ รวมถึงความสำเร็จในยุคอุตสาหกรรมของประเทศในขณะนั้นด้วยหนึ่ง
ในจุดถ่ายรูปหอไอเฟลที่ดีที่สุดคือลานตรงข้างหน้าปราสาท Palais de Chaillot ที่อยู่ใกล้ๆกับสถานีของ Trocadéro ที่เราจะพาทุกท่านไป เพราะตรงนี้เป็นมุมถ่ายแล้วจะเห็นหอไอเฟลแบบไม่มีอะไรมาบังความสวยงามแน่นอน จากนั้นนำท่าน ล่องเรือแม่น้ำแซน โดย บาโต มูช (Bateaux-Mouches) (ประมาณ 1 ชม.) มีการบรรยายเกี่ยวกับประวัติเมืองปารีสตลอดทั้งสายการเดินทางระหว่างสองข้างทางที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มหาวิหารน็อทร์-ดาม, หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ เป็นต้น
เย็น : รับประทานอาหารเย็น (มื้อที่13)
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม (มื้อที่14)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังมากของฝรั่งเศส นั้นก็คือ พระราชวังแวร์ซาย (Versailles Palace) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศฝรั่งเศส นับเป็นพระราชวังที่มีความยิ่งใหญ่และงดงามอลังการมาก จนติด 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม พระราชวังสร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์คริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 18 ภายในประกอบด้วยห้องถึง 700 ห้อง รูปภาพทรงคุณค่า 6,123 ภาพ และงานแกะสลักจากศิลปินชั้นเอก 15,034 ชิ้น ควรามกว้างขวางวัดได้จากขนาดพื้นที่ของพระราชวัง ทั้งหมด 800 เฮกการ์ (5,000 ไร่) โดยแบ่งออกเป็นส่วนใหญ่ๆ ด้วยกัน ได้แก่ The Palace หรือด้านในของพระราชวัง มีห้องมากมายถึง 700 ห้อง ไม่ว่าจะเป็น ห้องบรรทม, ห้องเสวย, ห้องสำราญ และห้องพำนักอื่นๆ แต่ไม่มีห้องน้ำแม้แต่เพียงห้องเดียว , ห้องกระจก หรือ The Hall of Mirrors เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวัง และมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุด ถูกก่อสร้างด้วยกระจกบานยักษ์ใหญ่เจียรไนสุดวิบวับทั้งหมด 17 บาน เมื่อเปิดออกมาจะพบเห็นมุมที่สวยที่สุดของสวนแวร์ซาย The Gardens สวนที่ตกแต่งให้มีลวดลายเหมือนเขาวงกต ประดับประดาด้วยต้นไม้ สวนดอกไม้แบบเรขาคณิต มีประติมากรรมและหินอ่อนโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเทพนิยายกรีกโรมัน The Estate of Trianon พระตำหนักเล็กๆ ของพระนางพระนางมารี อองตัวเนต และสวนดอกไม้ส่วนตัว ท่ามกลางหมู่บ้านชนบทที่เงียบสงบ ซึ่งพระนางทรงโปรดที่จะมาพักผ่อนและใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบคนธรรมดาทั่วไป อิสระช้อปปิ้งที่ Grain de Cuir ร้านกระเป๋าแบรนด์เนมชั้นนำ ราคาดี อาธิเช่น Hermes, Louis Vuitton, Chanel, Prada, Celine, Dior หรือแบรนด์ที่คนไทยนิยมใช้นั้นก็คือ Longchamp นั้นเอง
เที่ยง : รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (มื้อที่15)
จากนั้นพาทุกท่านไปเดินทางไปเก็บภาพความประทับใจและช้อปปิ้งแบบจุใจ เริ่มต้นที่ จัตุรัสคองคอร์ด (Place de la Concorde) เป็นสถานที่แห่งความทรงจำทางประวัติศาสตร์ในกรุงปารีส เป็นสัญลักษณ์ของสงครามกลางเมืองและการปฏิวัติการปกครองของฝรั่งเศส จัตุรัสคองคอร์ดถูกสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 โดยสถาปนิกชื่อ Jacques Ange Gabriel และสร้างเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.1755 เพื่อประดิษฐานพระบรมรูปทรงม้าแต่ถูกทำลายโดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 จากนั้นพาท่านไปเยี่ยมชมด้านนอกของ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของเมืองปารีส จากผลงานที่จัด แสดงไปจนถึงความเก่าแก่และยิ่งใหญ่ของสถานที่ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความสำคัญระดับโลก ก่อตั้งขึ้นโดยพระเจ้าฟิลิปที่ 2 ก่อนที่จะถูกขยายให้เป็นพระราชวังหลวง ในปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum) เป็นสถานที่เก็บรักษาผลงานศิลปพที่ทรงคุณค่าไว้มากกว่า 400,000 ชิ้น แต่นำมาจัดแสดงให้ชมเพียง 40,000 ชิ้นเท่านั้น ซึ้งแน่นอนว่าผลงานศิลปะเหล่านี้ถูกเล่าต่อกันมาว่าเป็นสมบัติจากการที่ฝรั่งเศสนำมาจากประเทศที่ตนชนะสงคราม และพาทุกท่านอิสระช้อปปิ้งกันที่ ห้างปลอดภาษี Benlux Louvre duty free เป็นห้างชื่อดังใจกลางกรุงปารีส ซึ่งคุณจะได้พบกับสินค้าแบรนด์ชั้นนำต่างๆจากทั่วโลก ในราคาที่ไม่แพงและบรรยากาศที่หรูหราตระการตา ที่ดีเด่นต่อนักท่องเที่ยวไทย เพราะมีพนักงานและข้อความภาษาไทยในห้างนี้ด้วย ห้าง La Samaritaine เป็นห้างสรรพสินค้า ขนาดใหญ่ ในกรุงปารีส เริ่มต้นจากร้านเสื้อผ้าเล็กๆ และขยายไปสู่สิ่งที่กลายเป็นชุดของอาคารห้างสรรพสินค้าที่มีแผนกต่างๆ ทั้งหมด 90 แผนก เป็นสมาชิกสมาคมห้างสรรพสินค้านานาชาติตั้งแต่ปี 2528 ถึง 2535 ห้างแกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ (Galleries Lafayette) เป็นห้างหรูที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของปารีส ภายในอาคารที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม เปิดให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ.1912 เดิมทีก่อนที่จะมาเป็นห้างสรรพสินค้าแฟชั่นชั้นนำของโลกอย่างทุกวันนี้แต่ก่อนเป็นแค่ร้านขายเสื้อผ้าเล็กๆ ที่หัวมุมถนน Lafayette แต่ภายหลังไม่นานได้มีการขยับขยายพื้นที่เพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนพนักงานและลูกค้าที่มาจับจ่ายใช้สอย มีบันทึกว่าเป็นปีที่มียอดขายสูงสุด ซึ่งในปัจจุบันมีสาขาแบ่งอยู่ตามเมืองใหญ่ๆทั้งในประเทศและนอกประเทศ รวมแล้วทั้งหมด 61 แห่ง
17.00น. : เดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติปารีส-ชาร์ล เดอ โกล ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเดินทางกลับสู่กรุงเทพ
21.35 น. : เดินทางกลับประเทศไทย โดย สายการบิน OMAN AIR เที่ยวบินที่ WY1
06.40 น. : เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติมัสกัต ประเทศโอมาน แวะพักเปลี่ยนเครื่อง
08.50 น. : เดินทางกลับ กรุงเทพฯ ประเทศโดย สายการบิน OMAN AIR เที่ยวบินที่ WY815
18.00 น. : เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ
(บริษัท ดำเนินการให้ กรณียกเลิกทั้งหมด หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่สามารถรีฟันด์เป็นเงินหรือการบริการอื่นๆได้)
ค่าทำหนังสือเดินทางไทย และเอกสารต่างด้าวต่างๆ จากท่าน
กรณีวีซ่าไม่ได้รับการอนุมัติจากสถานทูต (วีซ่าไม่ผ่าน) และท่านได้ชำระค่าทัวร์มาแล้ว ทางบริษัทขอเก็บเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เช่นค่าวีซ่าและค่าบริการยื่นวีซ่า/ค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน
หมายเหตุ : กรุณาอ่านศึกษารายละเอียดทั้งหมดก่อนทำการจอง เพื่อความถูกต้องและความเข้าใจตรงกันระหว่างท่านลูกค้าและบริษัท ฯ และเมื่อท่านตกลงชาระเงินมัดจาหรือค่าทัวร์ทั้งหมดกับทางบริษัทฯ แล้ว ทางบริษัทฯ จะถือว่าท่านได้ยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ทั้งหมด